บทที่ 1558 การพบกันของพี่น้อง

The king of War

อ้ายหลินถูกคนลักพาตัวไปภายใต้การดูแลของเฉียนเปียว หยางเฉินโมโหอย่างมาก

แต่ไม่นานก็กลับมาสงบลง อ้ายหลินเป็นภรรยาของหม่าชาว ถ้าหากเฝิงจื้อหย่วนร้ายกาจอย่างที่เฝิงจื้อเอ้าพูดละก็ เขาต้องเตรียมพร้อมมาก่อนแล้วแน่ ๆ

ดังนั้น คนที่จะพาลักพาตัวอ้ายหลินไปได้ น่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่เฝิงจื้อหย่วนส่งมา อีกทั้งฝีมือของฝ่ายตรงข้ามต้องแข็งแกร่งมาก ๆ

เฉียนเปียวพยายามอธิบายอย่างเร่งรีบ “พี่เฉิน พลังของศัตรูแข็งแกร่งมาก แม้ทีมผู้พิทักษ์เงาลับส่งผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอดออกไปสองคน ก็ยังไม่ใช่คู่มือของศัตรู มันจัดการพวกเราจนหมดโดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน”

หยางเฉินพูด “ข้าเข้าใจแล้ว เรื่องที่เหลือผู้พิทักษ์เงาลับไม่ต้องเข้าไปแทรกแซงแล้ว”

พูดจบเขาก็ตัดสายไป มองไปยังเฝิงจื้อเอ้าที่เพิ่งจะวางสายไปเช่นกัน เมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของหยางเฉิน เขาก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เกิดเรื่องขึ้นงั้นหรือ ?”

หยางเฉินพยักหน้า พูดอย่างหมองหม่นว่า “เมื่อสักครู่นี้ ข้ากำลังจะย้ายตัวคนรักของหม่าชาว แต่กลับถูกศัตรูบุก กองทัพถูกกำจัดหมดสิ้น คนรักของหม่าชาวก็ถูกลักพาตัวไป ถ้าหากข้าทายไม่ผิด นี่ต้องเป็นฝีมือของเฝิงจื้อหย่วนแน่”

เฝิงจื้อเอ้าขมวดคิ้ว “แล้วเจ้าจะเอาอย่างไรต่อ ?”

หยางเฉินเงียบลง เพราะว่าอ้ายหลินถูกจับตัวไป ทำให้แผนของเขาเสียไปหมด

เมื่อเห็นเขาเงียบไป เฝิงจื้อเอ้าจึงพูดขึ้น “ยังไงซะ นางก็ถูกลักพาตัวไปแล้ว ตอนนี้คงไม่มีทางช่วยกลับมาได้ งั้นเจ้าก็คงต้องมาร่วมมือกับข้า ช่วยเหลือหม่าชาวกับลูกของเขามาให้ได้ รวมถึงเฝิงเสี่ยวหว่านที่ถูกราชวงศ์เฝิงเอาตัวไปด้วย สำหรับภรรยาของหม่าชาวคงต้องใช้วิธีของเขาช่วยเหลือกลับมาแล้วล่ะ”

หยางเฉินพยักหน้าอย่างไม่ลังเล เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้คงต้องตัดสินใจสักอย่าง

เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าการตัดสินใจอย่างนี้ จะนำเรื่องวุ่นวายมาให้หม่าชาวหรือไม่

แต่จากการที่เขารู้จักกับหม่าชาว แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมรับการเป็นผู้สืบทอดรัชทายาทลำดับที่สามแน่ รวมถึงภรรยาของเขาด้วย

แต่ทว่าราชวงศ์เฝิงก็แจ้งข่าวออกมาแล้ว ในวันพรุง่นี้จะจัดพิธีสืบทอดรัชทายาทให้แก่หม่าชาว ซึ่งเขาก็ยอมตกลง

การที่หม่าชาวยินยอมเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมาจากการถูกข่มขู่แน่ ๆ

หากเขาเร่งลงมือช่วยเหลือหม่าชาวและเฝิงเสี่ยวหว่านออกมากจากราชวงศ์เฝิงได้สำเร็จ แต่ว่าอ้ายหลินก็จะยังคงอยู่ในเงื้อมมือของเฝิงจื้อหย่วนอยู่ดี

หยางเฉินเตือนเขาอีกรอบ “ข้าต้องมาเตือนว่า การร่วมมือในครั้งนี้ ภายในงานพิธีสือทอดราชสมบัติ เจ้าจะต้องนำตัวลูกชายของสหายข้า เสี่ยวจิ้งอัน และเฝิงเสี่ยวหว่านออกมา ไม่อย่างนั้นที่ทำมาจะต้องสูญเปล่า !”

เฝิงจื้อเอ้าหยักหน้า พูดอย่างเยือกเย็นว่า “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ! เอาล่ะ ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการอีก ลากันเท่านี้ แล้วข้าจะส่งข่าวดีให้เจ้า”

เมื่อเห็นเฝิงจื้อเอ้าจากไป หยางเฉินก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

ในครั้งแรกที่เขารับรู้ถึงความรู้สึกของคนที่ไร้พลัง

เขาคิดว่าถ้าหากเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ ก็คงไม่มีอะไรที่จัดการไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้ต่อให้เขาจะแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว ต่อให้ต้องเจอกับยอดฝีมือแดนเหนือมนุษย์ชั้นเจ็ด เขาก็ไม่มีทางแพ้

ทว่า ราชวงศ์เฝิงเมื่ออยู่ต่อหน้าสองราชวงศ์โบราณ พลังของเขาเองกลับไร้ความหมาย

ในตอนนี้ อ้ายหลินถูกคนลักพาตัวไป ทั้งหม่าชาวกับเสี่ยวจิ้นอัน ยังมีเฝิงเสี่ยวหว่านอีกที่ติดอยู่ในราชวงศ์เฝิง กระทั่งว่าเฝิงจื้อเอ้าจะช่วยเหลือคนออกมาได้หรือไม่ เขาก็ตอบไม่ได้

เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยผ่านไป แต่ก็ยังไม่มีข่าวดีจากเฝิงจื้อเอ้า

นั่นก็หมายความว่าจนถึงตอนนี้ เฝิงจื้อเอ้ายังไม่พบที่อยู่ของเสี่ยวจิ้นอันและเฝิงเสี่ยวหว่าน

ตกดึกตอนสามทุ่ม ขณะที่หยางเฉินพักอยู่ในโรงแรมก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามา เมื่อเขาเห็นใบหน้าชัดเจนขึ้น เข่าก็แทบทรุดลง เพราะก่อนที่เขาจะมาที่ราชวงศ์เฝิงเขาได้เห็นรูปภาพของชายคนนี้ พระบิดาของหม่าชาว เฝิงจื้อหย่วน

เมื่อหยางเฉินมองไปยังเฝิงจื้อหย่วน เฝิงจื้อหย่วนก็หันมามองเขาเช่นกัน จากนั้นเฝิงจื้อกย่วนก็ยื่นมือออกมา และกล่าวทักทายกับเขา “สวัสดี ข้าคือพ่อของหม่าชาว เฝิงจื้อหย่วน ! ”

หยางเฉินยังไม่รู้ชัดถึงการมาของอีกฝ่าย หรือให้พูดก็คือ เขาเองก็ยังไม่เชื่อคำพูดของเฝิงจื้อเอ้ามากนัก เฝิงจื้อหย่วนเป็นคนอย่างไร เขาเองก็ไม่อาจทราบได้

เขายื่นมือไปจับกับมือของเฝิงจื้อหย่วน และพูดว่า “สวัสดีครับ คุณลุงเฝิง”

เมื่อได้ยินคำเรียกของหยางเฉิน เขาก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นคลายมือออกและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “สมัยก่อนข้ามักได้ยินหม่าชาวพูดถึงเจ้า ณ แดนเหนือเมื่อหลายปีก่อน ก็ได้เจ้าคอยดูแล และยังคอยช่วยชีวิตเขาไว้หลายครั้ง”

“ในฐานะพ่อของเขาข้าขอขอบคุณจากใจจริง”

หยางเฉินส่ายหน้าพลางหัวเราะ “ท่านลุงเฝิงพูดเกินแล้ว หม่าชาวเป็นสหายรักของข้า ข้าต้องคอยช่วยเหลืออยู่แล้ว แต่ว่าท่านคือพ่อของเขา แล้วจะมาขอบคุณข้าทำไม ?”

แววตาของเฝิงจื้อหย่วนเต็มไปด้วยความชื่นชม หัวเราะพลางพยักหน้า “ไม่คิดเลยว่าหนุ่ม ๆ อย่างเจ้าจะเป็นถึงเทพสงครามผู้อารักขาจิ่วโจวแห่งแดนเหนือ ถ้าหากข้ามีลูกที่มีพรสวรรค์เยี่ยงเจ้าล่ะก็ต้องเป็นเกียรติมากแน่ ๆ”

แม้หยางเฉินจะมองไม่เห็นเฝิงจื้อหย่วน แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความเจ้าเล่ห์จากอีกฝ่าย ต่อให้หน้าตาจะถูกปิดบังอย่างไร เขาก็รู้สึกได้

ดูแล้ว จะเหมือนกับที่ที่เฝิงจื้อเอ้าพูดไว้แปดเก้าส่วน เฝิงจื้อหย่วนเป็นไอ้สารเลวไร้ยางอาย

จู่ ๆ หยางเฉินก็พูดขึ้น “ท่านลุงเฝิง ครั้งนี้ข้ามาเมืองเฝิงหวงก็เพื่อหาสหายข้าหม่าชาว ไม่ทราบว่าท่านจะให้ข้าไปพบเขาหน่อยได้หรือไม่ ?”

เฝิงจื้อหย่วนหัวเราะพยักหน้า “ทำไมจะไม่ได้เล่า ข้ามาหาเจ้าก็เพื่อมาชวนเจ้าไปร่วมงานราชพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณยังไงล่ะ”

ครั้งนี้หยางเฉินถึงกับมึนงง เฝิงจื้อหย่วนยอมให้เขาไปพบหม่าชาวจริง ๆ งั้นหรือ ?

หยางเฉินถาม “ข้าจะสามารถเจอกับหม่าชาวไม่หรือไม่ ?”

เฝิงจื้อหยวนไม่ตอบ แต่กลับหันไปบอกลูกน้องด้านหลังเขาแทน “เจ้าไปติดต่อหาหม่าชาว บอกว่าสหายของเขาอยากจะพบหน้า ให้เขามาหาที่นี่”

“รับทราบ !”

ลูกน้องตอบรับและรีบติดต่อหาหม่าชาวทันที

เฝิงจื้อหย่วนยิ้ม และพูดขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับหม่าชาวมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก ข้าช่างอิจฉาพวกเจ้าจริง ๆ”

หยางเฉินหัวเราะ “ในสนามรบ พวกเราต่างก็เป็นสหายร่วมเป็นร่วมตาย สหายแบบนี้ในสนามรบมักพบได้บ่อยยิ่งนัก”

เฝิงจื้อหย่วนพยักหน้า ยิ้มและพูดว่า “หากข้าหนุ่มกว่านี้สักสามสิบปี ข้าก็อยากออกไปสนามรบเช่นกัน”

พวกเขาทั้งคู่คุยกันราวกับเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง เฝิงจื้อหย่วนช่างมีน้ำใจ มีนิสัยอบอุ่นต่อหยางเฉินยิ่งนัก

มากเกินกว่าจะเก็บซ่อนความซาบซึ้งใจ หากคนที่ไม่รู้จักทั้งสองมาเห็น คงต้องคิดว่าเป็นพ่อลูกกันแน่ ๆ

แต่ภายในใจของหยางเฉินนั้นเข้าใจดี สิ่งที่เฝิงจื้อหย่วนแสดงนั้นดูออกได้ง่ายมาก ที่เขายอมให้พบหม่าชาวในสถานการณ์อย่างนี้ ก็เพื่อต้องการควบคุมทุกสิ่ง

ยี่สิบนาทีต่อมา มีคนเคาะประตูก่อนจะมีเสียงตะโกนจากด้านนอกว่า “องค์ชายรอง หม่าชาวเสด็จแล้ว !”