หลังจากได้ฟังเรื่องพวกนี้ สีหน้าของหม่าชาวเต็มไปด้วยความทรมาน แม้ว่าเขาจะไม่เคยคาดหวังอะไรจากครอบครัวตัวเองมากนัก แต่หลังจากได้รู้จักตัวเขาเองแล้ว เขาก็มีความหวังกับครอบครัวอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้มีความเป็นไปได้อยู่มาก ที่เขาจะถูกทอดทิ้งจากครอบครัวของตนเอง ทั้งหมดเป็นเพียงแค่การแสดงละคร เพียงเพราะต้องการจะใช้เขาเท่านั้น
“งานราชพิธีถวายสัตย์ในวันพรุ่งนี้ ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถบอกได้ เพียงแค่เจ้าหายตัวไปเท่านั้น ทุกคนก็จะมุ่งเป้าไปที่เฝิงจื้อเอ้าทันที”
“งานในวันพรุ่งนี้ดูเหมือนจะจัดขึ้นเพื่อเจ้า แต่ความจริงแล้วอาจเป็นเพียงแค่เกม ๆ หนึ่งของเฝิงจื้อหย่วนเท่านั้น”
“หรือถ้าหาก เขาได้พลังอำนาจตามที่ต้องเองต้องการแล้วและยอมปล่อยเจ้าไป ข้าอาจจะยอมช่วยเขาก็ได้ แต่ข้าเองก็รู้ดี คนแบบนั้นเห็นแก่พลังอำนาจมากกว่าครอบครัว คงกลัวเจ้าจะเป็นภัยคุกคามจนไม่มีทางปล่อยเจ้าไปหรอก”
แม้หยางเฉินจะไม่อยากยอมรับถึงความชั่วร้ายของเขา แต่จากทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มันก็มองได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น
ถ้าเป็นไปได้ ถึงขนาดที่เห็นแก่พลังอำนาจจนละทิ้งครอบครัว ทิ้งลูกของตัวเองไปกว่ายี่สิบปี ตอนนี้เขาไม่เหลือความรู้สึกอะไรอีกแล้ว
ใบหน้าของหม่าชาวเต็มไปด้วยความแค้น และความทุกข์ทรมาน จึงถึงตอนนี้เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“พี่เฉิน หากพรุ่งนี้ข้าไม่เข้าร่วมราชพิธีล่ะก็ เฝิงจื้อหย่วนไม่มีทางปล่อยเสี่ยวจิ้งอันและเสี่ยวหว่านไปแน่ นอกเสียจากจะนำตัวคนทั้งสองออกมาจากเงื้อมมือของเขาได้ ข้าถึงจะพอมีสิทธิ์เลือก ไม่อย่างนั้นคงได้แต่ฟังคำสั่งของเฝิงจื้อหย่วนเท่านั้น”
“เขาถึงขนาดยอมให้ข้ากับท่านมาเจอกัน คงไม่ได้กลัวข้าถูกท่านโน้มน้าวหรอก ตอนนี้คงทำได้เพียงยอมรับสถานะของตนเองไว้ รอจนกระทั่งข้ามีพลังมากขึ้น วันนั้นข้าจะออกไปจากราชวงศ์เฝิงเอง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีโอกาสแล้ว”
หม่าชาวตาแดงก่ำ พูดด้วยความเจ็บใจ
หยางเฉินเข้าใจความทุกข์ของหม่าชาวเป็นอย่างดี ก็เหมือนกับที่หม่าชาวบอก นอกจากว่าก่อนงานราชพิธีในวันพรุ่งนี้จะเริ่ม สามารถนำตัวเสี่ยวจิ้งอันและเฝิงเสี่ยวหว่านออกมาได้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็จะสูญเปล่า
เมื่อคิดได้อย่างนั้น หยางเฉินก็โทรหาเฝิงจื้อเอ้า เพื่อถามบางอย่าง “ได้ข่าวคราวของลูกชายหรือยัง ?”
เฝิงจื้อเอ้าพูดด้ววน้ำเสียงเย็นชา “ไอ้บ้าเฝิงจื้อหย่วน มันเอาคนไปซ่อนซะตามตัวไม่ได้เลย”
หยางเฉินพูดขึ้น “อย่าลืมล่ะ ข้าจะมาเตือนท่านอีกรอบ ว่าต้องนำตัวลูกชายของเขากับเสี่ยวหว่านออกมาจากราชวงศ์เฝิงอย่างปลอดภัยให้ได้”
เฝิงจื้อเอ้าพูดอย่างไม่พอใจ “เจ้าไม่มีคุณสมบัติมาชี้นิ้วสั่งข้า รอจนถึงก่อนงานราชพิธีในวันพรุ่งนี้ ข้าต้องช่วยเหลือคนออกมาได้แน่”
“หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าคิดว่าข้าไปสัญญาอะไรกับท่าน ข้าต้องการเพียงแค่ผลลัพธ์เท่านั้น ก่อนเที่ยงคืนในวันพรุ่งนี้ เจ้าต้องนำคนของข้าออกมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นความร่วมมือของเราก็จบกัน”
พูดจบ เขาก็วางสายทิ้งไป
ในเวลาเดียวกัน ณ คฤหาสน์ส่วนตัว เฝิงจื้อเอ้าสีหน้ามืดหม่นขึ้นทันที เขากัดฟันและพูดขึ้น “ไอ้บ้า ! เป็นแค่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้ามาชี้นิ้วสั่งข้าไม่อย่างไร”
เขาโกรธสุดขีด แต่ไม่นานก็ค่อย ๆ สงบลง จริง ๆ แล้วเขาเองก็เข้าใจหยางเฉิน หากก่อนเที่ยงคืนคืนนี้เขาไม่สามารถช่วยเหลือคนมาได้ หยางเฉินคงไม่ร่วมมือกับเขาจริง ๆ
คิดได้ดังนั้น เข้าจึงโทรหาหยางเฉินทันที ก่อนจะกัดฟันพูดว่า “ก่อนเที่ยงคืนคืนนี้คงจะยากเกินไป ขอเวลาอีกสัก 5 ชั่วโมงแล้วกัน ก่อนพรุ่งนี้เช้าตีห้าข้ายังไม่สามารถช่วยเหลือคนออกมาได้ ความร่วมมือระหว่างเราก็จบกัน”
หยางเฉินตอบรับอย่างไม่ลังเล “ดี !”
หลังจากวางสายไป หยางเฉินมองไปที่หม่าชาวและพูดว่า “ยังไม่มีข่าวคราวอะไร แต่เฝิงจื้อเอ้าสัญญากับข้าไว้ว่า ก่อนตีห้าวันพรุ่งนี้เช้าเขาจะต้องนำตัวเสี่ยวจิ้นอันและเสี่ยวหว่านมาให้ได้”
หม่าชาวพยักหน้า “หากก่อนเช้าวันพรุ่งนี้ข้ายังไม่ได้รับข่าวอะไร ข้าก็จะยอมทำตามที่เฝิงจื้อหย่วนบอก เข้าร่วมราชพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณในวันพรุ่งนี้”
พูดจบเขาก็ยืนขึ้น “ข้าต้องกลับแล้ว ไม่อย่างนั้นจะทำให้เฝิงจื้อหย่วนสงสัยอีก”
สองสหายเพิ่งจะได้พบกัน ไม่นานก็ต้องจากกันแล้ว หยางเฉินครุ่นคิด เขาเองไม่ได้อยากให้หม่าชาวเข้าร่วมงานราชพิธีในวันพรุ่งนี้ แต่ก็เข้าใจดีว่า ตอนนี้ เสี่ยวจิ้งอันและเสี่ยวหว่านยังอยู่ในเงื้อมมือของเฝิงจื้อหย่วน หรือแม้แต่อ้ายหลินเองก็ด้วย หากพวกนางยังไม่ถูกช่วยเหลือออกมาก่อนล่ะก็ หม่าชาวก็ไม่เหลือทางเลือก
หลังจากหม่าชาวจากไป หยางเฉินยังคงอยู่ที่โรงแรมคนเดียว เดินไปเดินมาด้วยสีหน้าอมทุกข์
จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้น “ไม่ได้สิ ข้าจะอยู่เฉย ๆ อย่างนี้ไม่ได้ !”
พูดจบ เขาก็โทรหาเฝิงจื้อเอ้าทันที
“หยางเฉิน ท่านพอได้แล้ว ถ้าข้าช่วยออกมาได้ง่ายขนาดนั้นคงทำไปแล้ว ข้าบอกท่านไปแล้วไม่ใช่หรือไง ?”
เฝิงจื้อเอ้าหลังจากรับโทรศัพท์ไม่รอหยางเฉินทันพูดอะไรเขาก็รีบพูดขึ้นด้วยความโมโห
หยางเฉินพูดด้วยความเยือกเย็น “ข้าไม่ได้มาเร่งเจ้า ข้าแค่อยากรู้เบาะแสที่เจ้ามี แล้วข้าจะช่วยเจ้าตามหาด้วย”
เมื่อได้ยินที่หยางเฉินพูด เฝิงจื้อเอ้าก็หายโมโหทันที และพูดว่า “ข้าจะส่งคนให้หาเจ้า นางรู้เรื่องเบาะแสดี สามารถช่วยท่านได้”
“เข้าใจแล้ว !”
หยางเฉินวางสายไปไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เขาเปิดประตูออก เบื้องหน้าปรากฏผู้หญิงคนหนึ่ง จากหน้าตาอายุน่าจะราว ๆ 25 ปี หรือไม่ก็อาจจะแค่ 6 ขวบ สวมชุดลำลอง รองเท้าผ้าใบ
รูปร่างดูสวยงามอ่อนเยาว์ ราวกับบัณฑิตจบใหม่
หญิงสาวพูดขึ้น “สวัสดีค่ะ คุณหยาง ข้าชื่อเฝิงเจียหยี พ่อข้าเฝิงจื้อเอ้าให้ข้ามาที่นี่”
ได้ยินคำพูดของนาง เขาก็แอบประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าเขาจะส่งลูกสาวของตัวเองมาที่นี่
เขาไม่อยากคิดมาก รีบพูดเข้าประเด็น “ถ้าหากว่าองค์ชายใหญ่ส่งเจ้ามาหาข้า งั้นเจ้าคงจะรู้เหตุผลแล้วว่าต้องมาที่นี่ทำไม บอกทุกสิ่งที่เจ้ารู้ทั้งหมดให้ข้าฟัง”
ระหว่างที่พูด หยางเฉินก็เดินออกไปข้างนอกทันที “ไว้ค่อยคุยกันระหว่างทาง !”