หลินสวินเดินออกจากหุบเขา เขายิ้มอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อครู่นี้จู่ๆ หนานตงก็มากล่าวโทษตน เบื้องหลังคงเป็นตาเฒ่าหนานเหลยเผิงนั่นที่คอยสั่งการสินะ

‘ฝากความรุ่งเรืองของเผ่าไว้กับการแต่งงาน… เหอะ ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเผ่ามู่ซางไม่สู้ดีอย่างมากแล้ว ถึงได้ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ นี่อาจจะเรียกว่าหลังชนฝาแล้ววิ่งวุ่นหาคนช่วย’

หลินสวินส่ายหน้า ไม่คิดมากอีก

เขาเป็นเพียงแค่คนผ่านทาง อย่างมากก็ช่วยสงเคราะห์หนานชิวได้เพียงหนเดียว

สวบ!

ครู่ต่อมาเงาร่างของหลินสวินก็หายไปแล้ว

ในบริเวณที่ห่างออกไปพันลี้ ยอดเขาที่ไอวิญญาณคละคลุ้ง หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ สูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง

ฮูม…

ทั้งบนล่างของยอดเขาที่สูงหมื่นพันจั้ง ไอวิญญาณถาโถมเข้าสู่ปากของหลินสวินราวกับแม่น้ำสายยาว

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ยอดเขาที่ไอวิญญาณคละคลุ้งนี้ก็เปลี่ยนเป็นอับแสง ไม่มีไอวิญญาณและความศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นแล้ว

หลินสวินวางมือทันที หากดูดกลืนต่อไป ภูเขาวิญญาณลูกนี้คงถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ยังไม่ทำลายถึงรากฐาน ต่อไปยังสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้

สวบ!

หลินสวินไม่ได้หยุด พลันเคลื่อนผ่านห้วงอากาศออกไปอีกครั้ง

เขาในตอนนี้เร่งรีบหมายจะฟื้นคืนพลัง แต่ทำได้เพียงตามหาภูเขาวิญญาณแม่น้ำวิญญาณในพื้นที่รกร้างห่างไกลแห่งนี้เพื่อดูดกลืนพลัง

“ทะยาน!”

บนห้วงอากาศเหนือแม่น้ำใหญ่สายหนึ่ง หลินสวินยื่นมือคว้า ชีพจรปราณวิญญาณที่ซ่อนอยู่ลึกใต้แม่น้ำถูกคว้าขึ้นมา ยาวถึงสิบกว่าจั้ง สาดแสงประกายสีเขียวอร่าม

หลินสวินอ้าปากกลืน ชีพจรปราณวิญญาณที่สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับราชันอมตะหลอมไปเป็นปี ถูกหลินสวินหลอมเป็นกระแสร้อนสายหนึ่งพวยพุ่งไปทั่วร่างกาย

ช่วงเวลาต่อจากนี้เงาร่างของหลินสวินเคลื่อนย้ายกลางฟ้าดิน ไกลขึ้นเรื่อยๆ แสวงหาทรัพยากรที่ต้องการ

สองวันหลังจากนั้น

หลินสวินยืนนิ่งอยู่หน้าทะเลทรายผืนหนึ่ง สงบจิตสัมผัส ‘ฟืนพลังกลับมาหนึ่งในร้อยส่วนของช่วงรุ่งเรืองแล้ว…’

นี่ทำให้เขาขมวดคิ้ว ก็ยังช้าไปหน่อย

ในเวลาเดียวกันหลินสวินเองก็ตัดสินได้แล้วว่า โลกลำนำสวรรค์แม้อยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา แต่เห็นได้ชัดมากว่าทรัพยากรฝึกปราณของโลกนี้ไม่ถึงขั้นอุดมสมบูรณ์ ต่างกับดินแดนรกร้างโบราณไม่เท่าไร

ควรรู้ว่าในหนึ่งวันนี้เขาเคยค้นหาทั่วทุกสารทิศ พยายามขุดโอสถเทพสักหน่อย ทว่าสุดท้ายก็เพียงรวบรวมโอสถราชันมาได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น สำหรับเขาในตอนนี้แล้วยังไม่พอ

‘ตอนนี้ก็ทำได้เพียงเท่านี้แล้ว’

หลินสวินเคลื่อนไหวอีกครั้ง

ตอนนี้เขารู้เพียงว่าที่นี่คือโลกลำนำสวรรค์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของทางเดินโบราณฟ้าดารา แน่นอนว่าย่อมไม่คิดรั้งอยู่ที่นี่นาน

ครึ่งเดือนหลังจากนั้น

เสื้อผ้าของหลินสวินพลิ้วไหว ก้าวเดินบนทะเลเมฆราวกับเซียน เขาในตอนนี้พลังฟื้นคืนประมาณสองส่วนแล้ว!

‘ในบริเวณสามหมื่นลี้ถูกค้นหาไปรอบหนึ่งแล้ว ได้เวลากลับไปแล้ว’

หลินสวินตัดสินใจเด็ดขาด

กลับไปคราวนี้ เขาวางแผนจะไปซักถามเรื่องการออกไปจากโลกลำนำสวรรค์กับหนานเหลยเผิงสักหน่อย หากไม่มีอะไรผิดคาดก็จะบอกลาหนานชิว

……

เผ่ามู่ซาง

หลินสวินอึ้งไป ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็มีเสียงระลอกหนึ่งดังเข้าหูหลินสวิน เป็นเสียงถกเถียงเดือดดาล

ก็เห็นว่านอกหุบเขามีเงาร่างกลุ่มหนึ่งรวมตัว มีทั้งชายทั้งหญิง เครื่องแต่งกายล้วนหรูหรางดงาม กลิ่นอายแข็งแกร่ง สีหน้าแฝงความเย่อหยิ่งและไม่จำยอม

หน้าหุบเขาเป็นกลุ่มผู้แข็งแกร่งเผ่ามู่ซาง ผู้นำเห็นได้ชัดว่าคือหนานเหลยเผิง ชายชราที่ฐานะสูงส่งและมีอำนาจมากคนหนึ่งในเผ่า ตอนนี้กลับโกรธจนหน้าเขียวผมตั้งแล้ว

“เผ่าเพลิงเมฆาของพวกเจ้าสามารถเป็นตัวแทนของสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ต้องการยุติสัญญาหมั้นหมายหรือ ฝันไปเถอะ!”

หนานเหลยเผิงตะโกนราวกับฟ้าร้อง

ผู้แข็งแกร่งเผ่ามู่ซางที่อยู่รอบๆ ล้วนเดือดดาลอย่างที่สุด สีหน้าไม่น่าดู

ส่วนหนานชิวที่อยู่กลางกลุ่มคนก็มีสีหน้างุนงง ท่าทางเหม่อลอย ใบหน้าเล็กงามขาวซีดเล็กน้อย ไม่มีรอยยิ้มสดใสอย่างที่ผ่านมาแล้ว

“เหอะๆ หนานเหลยเผิง อย่าหลอกตัวเองเลย หากสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินและมู่ซิวหย่วนไม่ได้พยักหน้า ข้าจะสามารถมาประกาศเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้อย่างไร”

ในกลุ่มเงาร่างนอกหุบเขา ผู้นำเป็นชายชราชุดดำที่เอ่ยปากพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

“เป็นไปไม่ได้!”

หนานเหลยเผิงตาแดงแล้ว พูดเสียงแหบพร่า “สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

“ฮ่าๆๆ รู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าต้องรับไม่ได้ ดังนั้นข้าถึงได้เอาสัญญาหมั้นหมายที่พวกเจ้ามีต่อมู่ซิวหย่วนในตอนนั้นมาด้วย”

ชายชราชุดดำหัวเราะลั่น หยิบสัญญาหมั้นหมายสีแดงฉบับหนึ่งออกมา เพียงแต่สัญญาหมั้นหมายนี้ได้ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ว

ชายชราชุดดำดูเหมือนใจดี ความจริงกลับเอ่ยอย่างสะใจ “หนานเหลยเผิง ข้าไม่ได้ฉีกสัญญาหมั้นหมายนี้นะ มู่ซิวหย่วนเป็นคนฉีกเอง และให้ข้าส่งคืนพวกเจ้า”

หนานเหลยเผิงราวกับถูกฟ้าผ่า

เขาจำสัญญาหมั้นหมายนั่นได้ในแวบเดียว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อได้เห็นในยามนี้ กลับกลายเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว…

คนเผ่ามู่ซางต่างอึ้งงัน แต่ละคนเผยสีหน้าเดือดดาล หรือนี่จะเป็นฝีมือของมู่ซิวหย่วนจริงๆ

หากเป็นเช่นนี้ก็น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!

เห็นภาพนี้มุมปากของชายชราชุดดำพลันแฝงความย่ามใจ ยื่นมือหยิบจดหมายอีกฉบับออกมาพร้อมพูดว่า

“อ้อใช่แล้ว ที่ข้ายังมี ‘หนังสือถอนหมั้น’ ที่มู่ซิวหย่วนเขียนเองกับมืออีกหนึ่งฉบับ หนานเหลยเผิงเจ้าจะดูหรือไม่”

ในเสียงแฝงความเย้ยหยัน

ถึงกับมีหนังสือถอนหมั้นด้วย!

หลินสวินที่มองเห็นทุกอย่างนี้อดประหลาดใจไม่ได้ มู่ซิวหย่วนจัดการอย่างเด็ดขาดเกินไปแล้ว เห็นชัดว่าไม่คิดจะไว้หน้าเผ่ามู่ซางเลยสักนิด

หลินสวินมองไปยังหนานชิวที่อยู่ท่ามกลางผู้คน

หญิงสาวที่มองโลกในแง่ดี แข็งแกร่ง ตรงไปตรงมา ตอนนี้กลับกัดริมฝีปากแน่น ดวงหน้างามซีดเซียว ในดวงตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง ท่าทางเช่นนั้นทำให้หลินสวินปวดใจขึ้นมา

เขายังจำได้ว่าหนานชิวเคยพูดอย่างลังเลว่า นางยังไม่มีปฏิสัมพันธ์และรู้จักมู่ซิวหย่วน จะรับการแต่งงานครั้งนี้ในทันทีได้อย่างไร…

ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดก็คือ ใจนางไม่ได้ต่อต้านการจัดการนี้อย่างสิ้นเชิง ในใจก็ยังเคยจินตนาการว่าจะลองทำความรู้จักอีกฝ่าย

ทว่าตอนนี้ พร้อมๆ กับสัญญาหมั้นหมายที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ และหนังสือถอนหมั้นฉบับหนึ่ง ทำให้ทุกอย่างดับสลายไปอย่างสิ้นเชิง!

สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ความกระทบกระเทือนเช่นนี้รุนแรงเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย ผู้หญิงที่ถูกถอนหมั้นอย่างไร้น้ำใจ ต่อไป… จะสู้หน้าคนได้อย่างไร

มู่ซิวหย่วน บุคคลที่ชื่อเสียงเลื่องลือในโลกลำนำสวรรค์ใช้วิธีเช่นนี้ปฏิเสธหนานชิว ต่อไปจะให้นางใช้ชีวิตในโลกลำนำสวรรค์อย่างไร

ถึงตอนนั้นไม่ว่าเดินไปถึงไหน ก็คงถูกหัวเราะเยาะและเย้ยหยัน!

หนานเหลยเผิงรับหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นมาด้วยมือที่สั่นระริก บนนั้นมีเพียงประโยคเดียว

‘สัญญาหมั้นหมายเป็นโมฆะ!’

ไม่มีการอธิบาย ไม่มีเหตุผล ตัดสินโดยตรง!

พรวด!

ความเดือดดาลโจมตีหัวใจหนานเหลยเผิงจนกระอักเลือดออกมาโดยพลัน แม้แต่ร่างกายยังสั่นเทิ้ม กัดฟันพูด “มู่ซิวหย่วน… มู่ซิวหย่วนเจ้าเหี้ยมมาก…”

ตอนนี้เผ่ามู่ซางคนอื่นๆ ต่างอึ้งงันไปหมดแล้ว

เดิมทีพวกเขาต่างฝากความหวัง ว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้ของเผ่าจากการแต่งงานของหนานชิวและมู่ซิวหย่วน

ใครจะคิดว่ากลับมีข่าวร้ายที่น่าตกใจเช่นนี้!

“เหตุใด… พวกเขาจึงให้เจ้ามาถอนหมั้น”

ครู่หนึ่งหนานเหลยเผิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังชายชราชุดดำที่อยู่ไกลออกไป สีหน้าโกรธดุดัน

“อ้อ ง่ายมาก”

ชายชราชุดดำสีหน้าภาคภูมิใจเต็มประดา “เพราะมู่ซิวหย่วนกำลังจะหมั้นหมายกับลูกสาวของข้า!”

ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่หญิงสาวในชุดหรูหราที่อยู่ข้างๆ พร้อมพูดว่า “นี่ลูกสาวข้า เยวี่ยจิ่น!”

หญิงในชุดหรูหรารูปลักษณ์โดดเด่นเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างแฝงความเย่อหยิ่ง เคลื่อนสายตาไปมองหนานชิวที่อยู่ท่ามกลางผู้คนพร้อมพูดว่า “น้องหนานชิว เจ้าจะต้องรักษาตัวนะ อย่าได้โกรธจนล้มป่วย ไม่เช่นนั้นข้าคงทำใจไม่ได้”

คำพูดนี้ดูเสียดหูอย่างที่สุด

สุดท้ายหนานชิวก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่ หมุนตัวพุ่งเข้าไปในหุบเขา เจอเรื่องน่าอายเช่นนี้ อารมณ์ของนางใกล้จะเสียการควบคุมแล้ว

หญิงในชุดหรูหราอดยิ้มไม่ได้ ย่ามใจยิ่งยวด

ถึงตอนนี้หนานเหลยเผิงเข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว การถอนหมั้นของมู่ซิวหย่วนต้องเกี่ยวข้องกับเผ่าเพลิงเมฆาแน่!

“เยวี่ยจงถิง! เจ้า เจ้า…”

หนานเหลยเผิงตวาด โกรธจนพูดไม่ออก

“ฮ่าๆๆ ไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระแล้ว ข้าขอตัวก่อน”

ชายชราชุดดำหัวเราะลั่นราวกับได้รับชัยชนะ พาคนหมุนตัวจากไป

……

ในวันนี้เรื่องที่หนานชิวถูกถอนหมั้นแพร่สะพัดไปทั้งเผ่ามู่ซาง สายฟ้าที่ผ่าในยามท้องฟ้าแจ่มใสนี้ ทำให้ทั้งเผ่าจมสู่เงามืด

หนานเหลยเผิงยิ่งโกรธจนล้มป่วย แทบจะธาตุไฟเข้าแทรก

หลินสวินไม่เป็นห่วงเรื่องพวกนี้ เขาสนใจเพียงสภาพของหนานชิว

“เจ้ามาทำอะไร คิดว่าพี่สาวข้าถูกถอนหมั้นแล้วเจ้าจะมีโอกาสหรือ ฝันไปเถอะ!”

ตอนที่เห็นหลินสวินปรากฏตัว หนานตงที่เฝ้าอยู่หน้าประตูบ้านหนานชิวตะคอกราวกับต้องการระบายความโกรธ

หลินสวินเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง

เพียงแค่การเหลือบมองแวบเดียวก็ทำเอาหนานตงที่กำลังโมโหขนลุกซู่ไปทั้งตัว จิตวิญญาณราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง รู้สึกถึงความกดดันปานจะขาดอากาศหายใจอย่างหนึ่ง

“โทสะของผู้อ่อนแอไม่เคยควรค่าแก่การเห็นใจ หากเจ้าคิดจะทำอะไรเพื่อพี่สาวของเจ้าจริงๆ ก็เปิดทางให้ข้า”

หลินสวินพลางก้าวเท้าเดินขึ้นหน้า

หนานตงถอยเปิดทางให้ตามจิตใต้สำนึก หลังจากเงาร่างของหลินสวินผลักประตูเข้าไปเขาถึงเพิ่งจะตั้งสติได้ นี่ตนถึงกับกลัวจนถอยออกหรือ

ในบ้านเงาโคมสลัวราง เหนือความคาดหมายของหลินสวิน หนานชิวไม่ได้ร้องไห้ และไม่มีสีหน้าเดือดดาลเสียใจใดๆ

นางนั่งเงียบๆ อยู่ริมหน้าต่าง สีหน้าเฉยชานัยน์ตาว่างเปล่า ราวกับไม่มีจิตวิญญาณ

หลินสวินปิดประตูบ้านแล้วเดินเข้าไปกล่าว “ข้าช่วยเจ้าได้”

ประโยคเดียวแฝงพลังที่กระแทกใจคนโดยตรง สั่นไหวอยู่ในใจหนานชิว

สายตาอันว่างเปล่าของหนานชิวเผยประกายเสี้ยวหนึ่ง มองหลินสวินที่อยู่ตรงหน้าอึ้งๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลันกอดเขาไว้แน่น ร่ำไห้อย่างเจ็บปวดโดยไร้สุ้มเสียง

น้ำตาอุ่นๆ รินรดเสื้อตรงไหล่หลินสวินจนชุ่ม

หลินสวินถอนหายใจในใจ ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ว่าพลังปราณจะสูงต่ำ เจอเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจที่น่าอับอายยิ่งเช่นนี้ ย่อมรับไม่ได้แน่อยู่แล้ว

ครู่ใหญ่หนานชิวจึงหยุดน้ำตา คลายมือออกและถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนเอ่ยพูดเสียงเบา “พี่ชายน้อยหลิน ให้เจ้าเห็นเรื่องน่าตลกแล้ว”

หลินสวินลูบศีรษะนางพร้อมพูดอย่างอ่อนโยน “เจ้าไม่ใช่ตัวตลกหรอก ข้าบอกแล้วว่าข้าช่วยเจ้าได้ ความอับอายเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสมควรแบกรับอยู่แล้ว”

หนานชิวเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง มองหลินสวินพร้อมพูดว่า “แต่เขา… เขาคือมู่ซิวหย่วนนะ…”

มู่ซิวหย่วน!

ชื่อนี้เป็นบุคคลที่เป็นดั่งตำนานของโลกลำนำสวรรค์ เบื้องหลังยิ่งมีสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินสนับสนุน ใคร… จะสามารถสู้กับเขาได้

หลินสวินอดยิ้มไม่ได้ พูดเสียงเบาว่า

“ในสายตาข้าคนแซ่หลิน เขามันก็แค่ลมตด”

——