บทที่ 2531 มาถึงที่ + ตอนที่ 2532 คุณหมอภาคสนาม

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2531 มาถึงที่

เฮ่อเหลียนเช่อเจอเบาะแสของพวกเหมยเหมยที่สนามบินจึงรีบซื้อตั๋วเครื่องบินไปยุโรปอย่างมีความสุขพร้อมทั้งกุลีกุจอรีบไปหาด้วยท่าทีร่าเริง

ยัยบ้าจ้าวเหมยกล้าพาลูกชายเขาไป…สงสัยคราวนี้ต้องขายเธอไปที่ตะวันออกกลางซะแล้ว!

แล้วเขาก็จะพาลูกชายและลูกสะใภ้ตระเวนเที่ยวให้ทั่ว มันน่าโกรธเจ้าเหยียนหมิงซุ่นนัก!

ณ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เหมยเหมยสวมชุดกระโปรงพื้นเมืองสีสันสดใสพร้อมสวมหมวกใบใหญ่นั่งกินทุเรียนอยู่ที่ร้านขายผลไม้ริมถนน ส่วนเสี่ยวเป่ากับเล่อเล่อมองเธออย่างระอาพร้อมเอามือขึ้นมาปิดจมูกพร้อมกัน

ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ (น้า) ชอบกินขี้นะ?

ไม่เหม็นเหรอ?

“หวานมาก…พวกเราไม่กินจริง ๆเหรอ?”

เหมยเหมยกินผลไม้กลิ่นฉุนเข้าไปเต็มปากเต็มคำ พอพึงพอใจก็ทอดถอนใจออกมา ได้กินทุเรียนทุกวัน…ช่างเป็นช่วงเวลาที่วิเศษอะไรแบบนี้!

“ไม่เอา…จะกินเนื้อสัตว์!”

เล่อเล่อปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เธอไม่กินขี้!

เสี่ยวเป่าก็ส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่ ถ้าไม่ได้หิวโหยจนใกล้ตาย เขาจะไม่มีทางกินอาหารอย่างทุเรียนแน่นอน เหม็นจนเขานึกทบทวนสัจธรรมแห่งชีวิตเลยทีเดียว

“พวกเรานี่ไม่รู้จักการลิ้มรสของอร่อยเลย ของอร่อยขนาดนี้ยังไม่กิน รอฉันกินอันนี้เสร็จแล้วจะพาพวกเธอไปกินเนื้อย่างนะ!”

เหมยเหมยซื้อมะพร้าวสองลูกให้พวกเด็ก ๆยกดื่มเอา ส่วนเธอก็หันกลับมากินทุเรียนต่อ เธอไม่ได้ซื้อลูกใหญ่มาก ขนาดลูกพอดีเธอกิน ถึงขนาดประหยัดมื้อเที่ยงไปเลย

เมื่อเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนหนำใจแล้ว ไปไหนต่อดีนะ?

“เสี่ยวเป่า เล่อเล่อ พวกเราอยากไปเที่ยวไหนกัน?”

“กินเนื้อสัตว์…” เล่อเล่อไม่สนใจเลยว่าจะไปไหน เธอแค่คิดอยากจะกินเนื้อที่อร่อย ขอเพียงแค่ที่นั่นมีเนื้อมากพอให้กินก็เยี่ยมยอดแล้ว

เสี่ยวเป่ากลอกตาไปมาพลางครุ่นคิดแล้วเสนอขึ้นว่า “ไปตุรกีกันเถอะครับ เนื้อย่างที่นั่นอร่อยมาก ๆ”

แค่เล่อเล่อได้ยินว่ามีเนื้อย่างเลิศรส ดวงตาก็เป็นประกายแล้วพูดเสียงดังว่า “แม่…ไปหูกระต่าย…”

“อุ๊บ”

เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เจ้าตัวน้อยกินเก่งจริง ๆ ได้ยินอะไรก็เห็นเป็นของกินไปหมด เธอบีบจมูกเนื้อแน่น ๆของลูกสาวเธอแล้วพูดว่า “ตุรกี ไม่ใช่หูกระต่าย เจ้าเด็กโง่เอ้ย!”

“กระต่ายน้อยอร่อย…แม่ กินกระต่ายกันนะ!” เล่อเล่อพยักหน้าเต็มแรง น้ำลายไหลย้อยออกมา นานแล้วที่ไม่ได้กินกระต่ายตุ๋นน้ำแดง!

“รู้จักแต่กินนะเรา!”

เหมยเหมยบีบจมูกเธออีกครั้งแล้วกินทุเรียนชิ้นสุดท้ายจนหมด ดื่มน้ำมะพร้าวของลูกสาวไปอึกหนึ่ง ปัดมือแล้วคำรามขึ้นฟ้าว่า “โอเค…พรุ่งนี้พวกเราไปกินเนื้อกระต่ายกัน!”

วันนี้เที่ยวให้สนุกเต็มที่วันสุดท้ายแล้วพรุ่งนี้ค่อยออกเดินทาง พาสปอร์ตสัญชาติอเมริกันนี่ดีจริง ๆมีวีซ่าฟรีตั้งหลายประเทศ ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก

ทั้งสามหัวเราะอย่างมีความสุข จากนั้นก็ค่อย ๆหาร้านเนื้อย่าง อยู่ดี ๆก็มีคนสองคนเดินมาทางพวกเขาอย่างกระตือรือร้น ไม่พูดอะไรทั้งนั้นแล้วก็โค้งตัวเก้าสิบองศา “ผมขอโทษในความไม่สุภาพของผมด้วย ผู้มีพระคุณโปรดยกโทษให้ผมด้วยครับ!”

เหมยเหมยตกใจ นี่มันอะไรกัน?

ทว่าภาษาที่ฝ่ายตรงข้ามใช้คือภาษาฮวาเซี่ย เพียงแต่ฟังดูแหม่ง ๆไม่ค่อยเหมือนสำเนียงคนฮวาเซี่ยแต่ก็คงไม่ได้มาด้วยเจตนาร้าย ฝ่ายตรงข้ามพอเดินมาก็โค้งคำนับเลยจนถึงตอนนี้เหมยเหมยจึงยังเห็นหน้าพวกเขาไม่ชัด

“พวกคุณเป็นใครคะ จำคนผิดหรือเปล่า?” เหมยเหมยย้อนถามกลับไป

“ไม่ครับ พวกเราเป็นพ่อแม่ของอิจิโร่ขอบคุณที่คุณช่วยอิจิโร่ของพวกเราไว้ หลังจากนี้ครอบครัวโยโกยามะจะเป็นมิตรกับคุณไปตลอดครับ” โยโกยามะ คาวากุจิกล่าวด้วยความจริงใจ ถ้าไม่ผิดคาดเขาจะกลายเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป จึงมีอำนาจในการเป็นตัวแทนทั้งตระกูลไปโดยปริยาย

เหมยเหมยเพิ่งเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงลูบจมูกแล้วอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ พวกคุณไม่ได้มองฉันว่าเป็นคนลักพาตัวก็ดีแล้วค่ะ!”

เธอคิดดีแล้วในภายหลัง ตอนนั้นสถานการณ์มันฉุกเฉินมาก หากเคย์โกะเข้าใจผิดก็นับว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ในใจของเธอยังรู้สึกแย่ไม่น้อย!

เคย์โกะรู้สึกละอายใจมากจึงโค้งคำนับก้มตัวลงต่ำอีกครั้ง “ได้โปรดให้อภัยในความไม่สุภาพของฉันด้วยค่ะ!”

“โอ้ย…ไม่ต้องคำนับแล้วนะคะ พวกเราชาวฮวาเซี่ยมีประโยคหนึ่งที่ว่าหากเจอเรื่องอยุติธรรมย่อมชักดาบเพื่อผดุงธรรม ในเมื่อฉันเจอเรื่องแบบนี้เข้าแน่นอนว่าจะไม่สนใจได้อย่างไร!”

เหมยเหมยประคองสามีและภรรยาให้ลุกขึ้นยืนและพูดคุยกับพวกเขาสองสามคำแต่ก็ยังพยายามระวังตัวไว้อยู่ สองคนนี้ดูท่าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แล้วอยู่ดี ๆยังรู้อีกว่าเธออยู่ที่ไหน?

พวกเขาคงไม่ได้มีแผนไม่ดีอะไรในใจใช่ไหม?

……………………………………….

ตอนที่ 2532 คุณหมอภาคสนาม

สิ่งที่น่าขันก็คือจนถึงตอนนี้เหมยเหมยก็ยังไม่เข้าใจว่าครอบครัวโยโกยามะคนใคร แค่รู้สึกว่ากิริยามารยาทของสองคนนี้มากเกินไปจนทำให้เธอรู้สึกอึดอัด

“อิจิโร่ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” เหมยเหมยถามด้วยความเป็นห่วง

“ขอบคุณที่ยังนึกถึงกันค่ะ ร่างกายของอิจิโร่ฟื้นตัวมากขึ้นแล้ว แต่เขาก็ยังคงต้องได้รับคำปรึกษาทางด้านจิตใจ ครั้งนี้เขาก็มากับพวกเราค่ะ อิจิโร่บอกว่าอยากจะขอบคุณต่อหน้าคุณค่ะ!” เคย์โกะพูดพลางอมยิ้ม

“อิจิโร่อยู่ไหนเหรอคะ?” เหมยเหมยมองไปรอบ ๆแต่ก็ไม่เห็นหนุ่มน้อยคนนั้น เธอชอบเด็กคนนี้ไม่น้อยเพราะรู้สึกว่ารู้กาลเทศะดีเหมือนเสี่ยวเป่าเลย

“อยู่ที่บ้านค่ะ พวกเราคิดจะเชิญผู้มีพระคุณไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อจะได้ไหมคะ?”

“พวกคุณไม่ใช่ชาวญี่ปุ่นเหรอคะ? ทำไมถึงมาอาศัยอยู่ที่นี่ได้?” เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจและรู้สึกระแวงเล็กน้อย

“บ้านที่นี่เป็นของน้องชายฉันค่ะ เขาชอบอาศัยอยู่ที่นี่ พวกเราก็อาศัยอยู่ที่บ้านเขาค่ะ”

เคย์โกะมองออกว่าเหมยเหมยกำลังระแวงจึงรีบอธิบายว่า “คุณอย่าคิดมากนะคะ พวกเราแค่อยากจะขอบคุณเท่านั้น ครอบครัวของแม่ฉันคือครอบครัวทากาฮาชิ ส่วนของสามีคือครอบครัวโยโกยามะ ฉันมีชื่อว่าเคย์โกะ ทากาฮาชิ ส่วนท่านนี้คือสามีฉันค่ะชื่อคาวากุจิ โยโกยามะ เป็น CEO ของบริษัทโซลค่ะ คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อบริษัทนี้ใช่ไหมคะ?”

แม้ว่าเหมยเหมยจะไม่รู้จักครอบครัวโยโกยามะแต่เธอรู้จักบริษัทโซล เคยเป็นบริษัทรายใหญ่ทางด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ครองตลาดฮวาเซี่ยมาสิบกว่าปี!

ไม่คาดคิดเลยว่าเด็กที่เธอบังเอิญไปช่วยจะภูมิหลังยิ่งใหญ่ขนาดนี้!

เสี่ยวเป่าดึงชายเสื้อของเหมยเหมยเพื่อให้เธอก้มลงมา จากนั้นก็กระซิบว่า “คุณน้าครับ…พวกเขาเป็นครอบครัวโยโกยามะจริงครับ ไม่ใช่คนร้าย!”

เฮ่อเหลียนเช่อเคยถ่ายรูปภาพของสองคนนี้มาให้เขาดูแล้วจึงไม่ใช่ตัวปลอมแน่นอน!

เหมยเหมยขจัดความสงสัยทิ้งไปแล้วตามสองสามีภรรยาโยโกยามะไปยังที่พักชั่วคราวของพวกเขาซึ่งเป็นอาคารที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ติดริมทะเล แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีฐานะ

อิจิโร่มองเห็นพวกเขาแต่ไกลก็รีบวิ่งออกมาจากห้อง เขาวิ่งมาตรงหน้าเหมยเหมยแล้วโค้งคำนับก้มลงต่ำมาก เฉกเช่นเดียวกับพ่อและแม่ของเขา

“คุณน้าครับ ขอบคุณที่ช่วยอิจิโร่ไว้ ผมจะจดจำบุญคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้ไว้ตลอดไปและจะต้องตอบแทนคุณน้าแน่นอนครับ!” อิจิโร่แสดงออกอย่างจริงใจและจริงจังมากราวกับผู้ใหญ่

“ฉันก็แค่บังเอิญช่วยเธอไว้น่ะ ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอก แต่ถ้าเธอคิดจะตอบแทนจริง ๆ วันหลังเมื่อมีความสามารถแล้วก็จงช่วยคนอื่น ๆที่เขาต้องการความช่วยเหลือต่อเถอะนะ!”

เหมยเหมยประคองเด็กน้อยให้ลุกขึ้นแล้วเอ่ยด้วยท่าทีกึ่งยียวนกึ่งจริงจังแต่อิจิโร่กลับจดจำทุกถ้อยคำด้วยใจ

ภายในบ้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย ไม่ใช่สไตล์การตกแต่งที่หรูหราแต่เป็นการตกแต่งที่ทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกสบายใจ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของบ้านต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

“งานของน้องชายฉันไม่ค่อยอยู่กับที่ มาที่นี่ก็เพื่อพักผ่อน ปกติก็จะทำงานตลอด” เคย์โกะอธิบาย

เหมยเหมยก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะอย่างไรก็เป็นการเจอกันครั้งแรก จะถามลึกไปก็ไม่ดี แต่เธอก็สงสัยในอาชีพของคุณทากาฮาชิไม่น้อย ไม่อยู่กับที่งั้นเหรอ?

หรือว่าจะเป็นนักบิน?

บินไปบินมาทุกวัน อยู่ไม่เป็นที่แน่นอน!

“คุณน้าครับ คุณลุงเป็นหมอที่เก่งมากเลยครับ เขาเคยไปมาตั้งหลายประเทศครับ!” อิจิโร่พูดอย่างภาคภูมิใจ

เหมยเหมยยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้น อาชีพหมอไม่อยู่กับที่ด้วยเหรอ?

เคย์โกะยิ้มแล้วเอ่ยว่า “น้องชายฉันเป็นหมอภาคสนามค่ะ ในหนึ่งปีจะมีครึ่งปีที่ต้องลงพื้นที่ค่ะ”

เหมยเหมยรู้สึกชื่นชมขึ้นมาในทันใด คุณหมอภาคสนามอันตรายพอ ๆกับนักข่าวภาคสนามเลยนะ

คุณทากาฮาชิผู้ที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เป็นคนรวยดี ๆไม่ชอบแต่กลับไปเป็นหมอภาคสนามที่จะต้องเสี่ยงชีวิตตลอดเวลา เธอรู้สึกชื่นชมในจุดนี้อย่างมาก!

“คุณมีน้องชายที่ดีมากเลยค่ะ!” เหมยเหมยยกนิ้วให้

แต่เคย์โกะกลับหัวเราะออกมาอย่างระอา เหมยเหมยเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี

“คุณน้าครับ มีรูปคุณน้าผมตั้งหลายรูป คุณน้าอยากดูไหมครับ?” อิจิโร่แสดงท่าทีตื่นเต้นราวกับการแบ่งของเล่นให้เพื่อนสนิทอย่างไรอย่างนั้น

……………………………..