ตอนที่ 2947 เจ้าของคลื่นกำเนิด!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

หวางเฉียนนั้นพบว่าตัวเองนั้นได้แต่ต้องวิ่งตามเงาเย่หยวนเท่านั้น

เพราะเย่หยวนนั้นมีความสามารถในการทำความเข้าใจที่เหนือกว่าผู้ใด!

ได้เห็นเย่หยวนผ่านประตูห้วงมิติไปหวางเฉียนก็กัดฟันพุ่งตัวตามไป

เขานั้นไม่เชื่อว่าเย่หยวนจะสามารถคาดเดาเรื่องราวได้ถูกต้องจริงๆ

ไป๋ชุยซานและพวกนั้นต่างไม่ได้รีบร้อนใดๆ

พวกเขานั้นได้รับประโยชน์มากล้นจากชั้นแรกมาแล้ว ย่อมจะไม่มีทางปล่อยให้ชั้นที่สองเสียเปล่า

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นที่สามนั้นหวางเฉียนก็ต้องทำหน้าเหยเก

ลม!

ที่แห่งนี้มันมีลมรุนแรงพัดราวกับจะฉีกร่างคน!

ลมนี้มันคมเหมือนมีดที่แทบจะเป่าร่างวิญญาณของพวกเขาให้แหลกสลายลงไป!

“เหอะ ดูท่าเจ้าคงไม่ได้ตายดีแล้ว! แน่นอนล่ะว่าสมบัติสืบทอดในชั้นหลังๆ มันก็เป็นอย่างที่อาจารย์เย่ท่านได้ว่าไว้!” เสียงของเจิ้งหยูนั้นดังขึ้นมาเยาะเย้ยหวางเฉียนจากด้านหลัง

ตอนนี้เจิ้งหยูได้กลายเป็นผู้นับถือเย่หยวนไปแล้ว

เดิมทีเขานั้นก็ไม่ได้เก่งกาจมากมายใดๆ และยังมีความสามารถในการวิเคราะห์ที่ต่ำมากด้วย

หากไม่ได้เย่หยวนตัวเขานั้นคงตายกลายเป็นแค่ความว่างเปล่าไปแล้ว

แต่ตอนนี้นอกจากเขาจะรอดชีวิตมาได้เขานั้นยังได้รับร่างวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนมาก

เพราะฉะนั้นเขาจึงเริ่มไม่พอใจหวางเฉียนที่หาเรื่องเย่หยวนอยู่ตลอดอย่างหน้าไม่อาย

ที่แห่งนี้มันมีลมพัดรุนแรงแม้จะเป็นคนโง่แค่ไหนก็เข้าใจได้ว่าชั้นนี้มันคงสร้างขึ้นมาเพื่อฝึกการเปลี่ยนร่างหมอกให้กลายเป็นลม!

รอบหลังๆ จากนี้ไปเองมันก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นอย่างที่เย่หยวนคาดเดา เป็นการเปลี่ยนแปลงร่างหมอกให้เป็นสิ่งต่างๆ

“ผ่านให้ได้ก่อนเถอะค่อยมาพูด! ตอนนี้ข้ายังไม่อยากจะเชื่อหรอก!” หวางเฉียนนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างไม่คิดยอมรับ

เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจและเริ่มสอนวิธีการเปลี่ยนธาตุลมให้กับพวกเขา

หวางเฉียนเองก็ทุ่มสุดตัวเพื่อแข่งกับเย่หยวนไป

แต่มันก็ยังคงพ่ายแพ้!

ต่อให้เขาจะเข้าใจแล้วว่าเย่หยวนนั้นเป็นยอดอัจฉริยะ…

แต่การถูกเย่หยวนทิ้งไปไม่เห็นฝุ่นเช่นนี้มันก็ยังรับได้ยากยิ่ง!

สุดท้ายแล้วมันยังเป็นเพราะคำสอนของเย่หยวนที่ทำให้เขาเข้าใจถึงการรับมือกับชั้นนี้

แต่หวางเฉียนนั้นไม่สนใจอีกต่อไป

อย่างไรเสียเขาก็ทำตัวหน้าด้านมาป่านนี้แล้ว แพ้ก็แพ้ไปจะยังเป็นเรื่องใหญ่ใดอีก?

แต่ในหัวใจของเขานั้นมันตกตะลึงอย่างมาก

เขานั้นย่อมจะรู้ดีว่าความสามารถในการวิเคราะห์เช่นนี้มันเหนือล้ำแค่ไหน

เพราะที่ผ่านมามันไม่ได้สร้างปัญหาต่อเย่หยวนเลย!

ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนหมอกเป็นลมหรือเปลี่ยนหมอกเป็นไฟหรือเปลี่ยนหมอกเป็นสายฟ้านั้น…

เย่หยวนสามารถทำมันได้อย่างรวดเร็วจนถึงขั้นสุดก่อนใครๆ เสมอ

หวางเฉียนนั้นไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าทำไมคนที่มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะเหมือนๆ กัน

ถึงมีแค่เย่หยวนที่เก่งกว่าใครเพื่อนได้ขนาดนี้

แน่นอนว่าเรื่องนี้มันก็ทำให้เย่หยวนเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาเช่นกัน

การที่เขาสามารถเข้าใจมันได้เร็วกว่าใครนั้นก็เพราะว่าความสามารถในการวิเคราะห์ของเขาแล้วส่วนหนึ่ง

แต่ว่าส่วนที่เป็นเหตุหลักนั้นมันคือการที่ร่างวิญญาณของเขานั้นเข้ากับพลังในที่แห่งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม!

เขาสามารถยืมพลังฟ้าดินในที่แห่งนี้ซ่อมแซมร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขาได้อย่างดี!

แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะไม่เคยได้เจอหน้าเจ้าโลกบู๋เมี่ยมาก่อน

แต่เขานั้นก็สัมผัสได้ว่าเจ้าโลกบู๋เมี่ยคงคล้ายกับเขาอย่างมาก

เขานั้นเป็นผู้มีร่างวิญญาณหมอกหุ้มแท้จริง!

คนอื่นๆ นั้นไม่อาจทำเช่นนี้ได้

หากร่างหมอกนั้นหมดสิ้นไปแล้วพวกเขาก็จะตายลง

เจดีย์เจ็ดสีนี้มันเป็นของที่เจ้าโลกบู๋เมี่ยสร้างขึ้นมาเพื่อแสวงหาผู้มีร่างวิญญาณอมตะที่แท้จริง

มีเพียงแค่ร่างวิญญาณอมตะที่แท้จริงเท่านั้นที่จะผ่านทั้งเจ็ดระดับไปได้!

ระดับแรกนั้นคือการวางรากฐานเพื่อเพิ่มพลังโดยรวมของร่างวิญญาณหมอกหุ้มให้ทนทานพลังในชั้นหลังๆ ได้

ส่วนอีกหกชั้นที่เหลือมันคือการฝึกเปลี่ยนเป็นเต๋าต่างๆ!

แน่นอนว่าทั้งหกระดับมันเป็นแค่การเปิดประตูขึ้นเท่านั้น

แต่ด้วยรากฐานเช่นนี้แล้ว เส้นทางบ่มเพาะในวันหน้ามันก็ย่อมจะง่ายดายขึ้นมาก

เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วจนสุดท้ายก็ผ่านไปหนึ่งเดือน

คนทั้งหลายนอกเจดีย์นั้นต่างผงะไปตามๆ กัน

เพราะว่าตอนนี้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อสถานการณ์ภายในเจดีย์เจ็ดสีเลยแม้แต่น้อย

“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน? คนกว่าร้อยคนก้าวขึ้นไปถึงระดับเจ็ดได้แทบพร้อมๆ กัน? มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นในเจดีย์เจ็ดสีกันแน่?” หญิงชรานั้นกล่าวขึ้นมาอย่างมึนงง

ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งร้อยกว่าคนนั้นรอดชีวิตและผ่านขึ้นไปถึงระดับสุดท้ายอย่างต่อเนื่อง

ยอดฝีมือทั้งหลายนั้นต้องอ้าปากค้าง

ในเวลาหนึ่งเดือนนี้พวกเขานั้นยิ่งใจเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เพราะนอกจากชั้นแรกแล้ว…

ชั้นอื่นๆ มันก็ไม่ได้มีความสูญเสียที่มากมายและเรื่องราวก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นด้วยซ้ำ

โล่มนุษย์ที่พวกเขาเอามานั้นมันกลับผ่านไปถึงชั้นสุดท้ายได้หมด!

สภาพเช่นนี้มันย่อมทำให้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง!

ชายแก่จากแดนวิญญาณเหนือนั้นต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้น “เจดีย์เจ็ดสีนี้มันคงไม่ได้มีปัญหาใช่หรือไม่? เรื่องราวเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย!”

ซานหยางนั้นตอบกลับไปทันที “เจ้าจะบ้าหรือ? มันจะมีอะไรผิดพลาดในสมบัติโกลาหลสวรรค์ที่ท่านบู๋เมี่ยทิ้งไว้ไปได้กัน?”

ชายแก่ยิ้มกลับมา “เช่นนั้นเจ้าจะอธิบายเรื่องราวตรงหน้าที่เกิดขึ้นในเจดีย์นี้อย่างไร?”

ซานหยางนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างเพราะเขาเองก็ไม่อาจหาคำอธิบายได้เช่นกัน

ใช่แล้ว มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?

เขาเองก็อยากรู้ใจจะขาด!

หยุนหนีที่เงียบมาตลอดนั้นเปิดปากขึ้นแทรก “ข้าว่ามันคงเพราะเย่หยวน!”

เมื่อหญิงชราได้ยินนางก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆ ศิษย์น้องหยุนหนีก็ช่างพูดเล่นได้เก่งนัก! ไม่ว่ามันจะเป็นใครที่ทำให้เกิดเรื่องนี้มันก็ไม่มีทางเป็นไอ้เด็กนั่นหรอก!”

หยุนหนีนั้นตอบกลับไป “ในแต่ละรอบนั้นล้วนเป็นเย่หยวนที่ผ่านขึ้นไปก่อนใคร! ดูอย่างไรมันก็เกี่ยวกับเขาแล้ว!”

หญิงชรานั้นหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยิน “แค่คนที่ผ่านแต่ละชั้นเป็นคนแรกเท่านั้น มันนับเป็นอะไรใหญ่โต? เช่นนั้นหากข้าเข้าแดนวิญญาณตะวันออกเป็นคนแรกข้าก็จะได้ครองแดนวิญญาณตะวันออกหรือ?”

หยุนหนีนั้นไม่ตอบอะไรกลับไป

นางนั้นไม่อยากเสียพลังงานไปกับคนโง่

ซานหยางนั้นยิ้มขึ้นมาไกล่เกลี่ย “ฮ่าๆ ตอนนี้จะอย่างไรพวกมันก็ไปถึงชั้นเจ็ดแล้ว อีกไม่นานคงได้ออกมากัน ถึงตอนนั้นเรื่องราวมันก็คงกระจ่างเอง!”

ครืน!

ห้วงมิติภายในเจดีย์เจ็ดสีนั้นมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากล้น

ทั้งเจ็ดชั้นนั้นมันกลับหลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว

โดยที่ตรงกลางนั้นมันมีรูใส่เสี้ยวผลึกเจ็ดช่องอยู่

เย่หยวนเดินเข้าไปยืนตรงหน้ารูทั้งเจ็ดช่องนั้นและยัดเอาเสี้ยวคลื่นกำเนิดในมือลงไป

จากนั้นมันก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมา!

ไม่กี่อึดใจต่อมามันก็เกิดแสงสีรุ้งพุ่งออกมาต่อหน้าคนทั้งหลาย

นี่มันคือพลังคลื่นกำเนิดที่บรรพบุรุษบู๋เมี่ยทิ้งไว้

คนทั้งหลายนั้นแทบไม่อาจหายใจ

เจ้าก้อนผลึกนี้มันเป็นรากฐานของเจดีย์เจ็ดสีนี้!

ต่อให้ฝึกฝนเข้าไปมากมายแล้วจะได้ค่าอะไร?

เพราะหากสามารถผสานเข้ากับพลังคลื่นกำเนิดอันนี้ได้แล้ว…

คนผู้นั้นก็จะผงาดขึ้นฟ้าอย่างไม่มีใครตามทันอีก!

คนทั้งหลายต่างหันไปมองเย่หยวนเป็นตาเดียว

เพราะคลื่นกำเนิดนี้มันเป็นของเขา!

พวกเขานั้นตื่นเต้นมีความคิดที่อยากจะได้!

แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้ามาแย่งชิงไป…

เพราะไม่มีใครโง่พอจะทำเช่นนั้น และของสิ่งนี้ก็คือสิ่งที่บรรพบุรุษบู๋เมี่ยทิ้งไว้ให้แก่ผู้สืบทอดของตน

ตอนนี้ทั้งห้วงมิตินี้มันเป็นของเย่หยวนไปสิ้นเชิง

หากพวกเขาลงมือแล้วมันคงมีแต่ต้องตายเปล่า!

แต่ว่าในวินาทีต่อมานั้นมันก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นต่อหน้าคนทั้งหลาย

เย่หยวนนั้นโยนผลึกนั้นให้แก่เจิ้งหยูและกล่าว “เจ้ามาลองผสานเข้ากับมันดู!”

เจิ้งหยูนั้นผงะไปทันทีที่ได้ยิน “อาจารย์เย่ อ…อย่าได้กล่าวล้อเล่นเช่นนี้เลย ข้าเจิ้งหยูคนนี้ไม่กล้า!”

เย่หยวนตอบกลับไป “ข้าบอกให้เจ้าลองเจ้าก็ลองไปสิ จะพูดมากอะไรอีก? แต่ข้าว่าอย่างเจ้าคงไม่ไหวอยู่ดี อ่า พวกเจ้าทั้งหลายเข้ามาลองดู มีใครจะสำเร็จบ้างหรือไม่!”

ไป๋ชุยซานกล่าวขึ้น “เย่หยวน เจ้าไม่ได้ล้อเล่น? นี่มันคือคลื่นกำเนิดของท่านบู๋เมี่ยเชียวนะ! มันเป็นสมบัติล้ำค่า เจ้าไม่อยากได้มันจริง?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้านั้นมีเต๋าของตนเองและไม่ต้องการคลื่นกำเนิดอื่นใด! ข้าเย่หยวนจะไม่ขอเดินตามรอยใครทั้งสิ้น!”

คนทั้งหลายนั้นได้แต่คิดว่าเย่หยวนบ้าไปแล้ว!

หากมันเป็นคลื่นกำเนิดของเจ้าโลกคนอื่นๆ นั้นยังพอรับได้

แต่นี่มันคือคลื่นกำเนิดของเจ้าโลกบู๋เมี่ย!