มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1943

แต่ทว่าหลัวซิวก็ไม่ได้เก็บลูกแก้วความเป็นตายกลับมาเช่นกัน เนื่องจากสำหรับเขาแล้ว ขอแค่ทำลายเกราะป้องกันของคนเหล่านี้ได้ ภายใต้การยึดครองจากลูกแก้วความเป็นตาย ภายในเวลาชั่วลมหายใจเดียวก็สามารถดูดกลืนชีวีดั้งเดิมของพวกเขาจนไม่เหลือซากแล้ว

“โครม!”

หลัวซิวง้างมือแทงหอกออกไป อัคคีเทพซิวหลัวลุกโชนกลายเป็นแสงหอกเพลิงอัคคี ในขณะเดียวกันการโจมตีนี้ก็มีความเร้นลับของกฎปริภูมิแฝงซ่อนอยู่เช่นกัน หายวับไปภายในพริบตา วินาทีต่อไปก็ปรากฏตรงหน้าชายหนุ่มที่จิตใจเหี้ยมโหดและดุร้ายนั่นแล้ว

ในขณะเดียวกัน การโจมตีทั้งหลายก็แผ่คลุมมาอย่างมากมายเต็มท้องฟ้าจนมืดฟ้ามั่วดิน ตำหนักวัฏสงสารปรากฏเหนือศีรษะหลัวซิว รังสีของพลังอมตะและของขลังอาวุธสงครามร่วงลงบนตำหนักวัฏสงสาร การโจมตีทั้งหมดล้วนถูกต้านทานไว้ด้านนอก ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่หลัวซิวได้เลยแม้แต่น้อย

และในเวลานี้เอง ก็มีจิตสังหารที่ไร้ขอบเขตแผ่กระจายออกมาจากแสงหอกเพลิงอัคคีของหลัวซิว ทำการผนึกร่างชายหนุ่มที่จิตใจเหี้ยมโหดและดุร้ายนั่นเอาไว้อย่างแน่นหนา

ชายหนุ่มคนดังกล่าวสัมผัสได้ถึงพลังแห่งกฎเพลิงอัคคีขั้น 7 ที่แฝงซ่อนอยู่ในแสงหอก จึงรีบถอยหลังกลับไปอย่างบ้าคลั่ง เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าขอแค่ตัวเองสามารถหลบกระบวนท่านี้ไปได้ เช่นนั้นไม่แน่คนอื่นที่เหลือก็อาจจะสามารถทลายเกราะป้องกันของหมอนั่น แล้วสังหารเขาได้

เกราะป้องกันของตำหนักที่เป็นของขลังนั่นแข็งแกร่งมาก ๆ ทว่าการที่จะควบคุมของขลังที่ทรงพลังเช่นนี้นั้น ก็ต้องสูญเสียผลการฝึกตนจำนวนมากอยู่ มิหนำซ้ำมีคน 70 กว่าคนลงมือโจมตีพร้อมกัน ไม่นานนักผลการฝึกตนของฝ่ายตรงข้ามต้องแห้งเหือดจนไม่เหลือซากแน่นอน

แต่ทว่าเขานึกอย่างไรก็ไม่มีวันนึกถึงว่าหลัวซิวมีพลังอมตะของสรรพสิ่งอิงหยินอุ้มหยาง ขอแค่เป็นของขลังที่สามารถกระตุ้นได้โดยผลการฝึกตนของเขา ไม่ว่าเขาจะกระตุ้นนานเท่าไหร่ ผลการฝึกตนก็จะไม่สูญหายไปเลยแม้แต่น้อย

“ตู้ม!”

แสงหอกเพลิงอัคคีพุ่งชนเข้ากับของขลังคุ้มกันของชายหนุ่มนั่น แม้จะไม่สามารถทลายเกราะป้องกันของของขลังชิ้นนั้นได้ ทว่าก็ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเช่นกัน

ถัดจากนั้น หลัวซิวก็สะบัดหอกมังกรแดงมืดที่อยู่ในมือทีหนึ่ง ใช้กิริยาท่าทางที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยเนื้อตาเปล่า ภายในชั่วพริบตาเดียวก็แทงหอกออกไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง

แคว็ก!

ภายใต้การถูกโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ ชายหนุ่มที่จิตใจเหี้ยมโหดและดุร้ายนั่นเบิกตากว้าง ภายในแววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความผวาและสิ้นหวัง

ของขลังคุ้มกันของเขาแตกสลายแล้ว ถัดจากนั้นชีวีดั้งเดิมที่อยู่ภายในร่างกายก็ไหลหายไปอย่างรวดเร็ว ถูกลูกแก้วความเป็นตายดูดกินหมด

“กูจะฆ่ามึง!”ก่อนตาย ชายหนุ่มที่จิตใจเหี้ยมโหดและดุร้ายนั่นแหงนหน้าขึ้นฟ้าพลางคำรามเสียงดัง มีแสงดวงหนึ่งบินออกมาจากจุดตันเถียนเขา และมีพลังออร่าของกฎธาตุทองขั้น 8 แผ่กระจายออกมา

มีเพียงจ้าวมหาเทพเท่านั้นถึงจะสามารถควบคุมกฎขั้น 8 ได้!

แสงทองดังกล่าวกลายเป็นกระบี่เทวเล่มหนึ่ง ฉีกกระชากฟ้าดินภายในพริบตา และพุ่งไปถึงตรงหน้าหลัวซิวในทันที

“เตี๊ยงง!”

ภายใต้การโจมตีเดียว ตำหนักวัฏสงสารก็ถูกฟันจนกระเด็นออกไป ภายในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายหลัวซิวรีบก้าวกระโดดไปข้าง ๆ กระบี่เทวแสงทองฟันจากด้านบนลงไปด้านล่าง ตัดสับแขนข้างหนึ่งของเขาลงมา เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูด หอกมังกรแดงมืดที่กำอยู่ในมือในตอนแรกก็ร่วงหล่นลงไปจากท้องฟ้าเช่นกัน

เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ชีวีดั้งเดิมของชายหนุ่มที่จิตใจเหี้ยมโหดและดุร้ายนั่นก็ถูกดูดจนแห้งเหือด ตายตาไม่หลับ

เนื่องจากก่อนตาย เขาไม่ได้เห็นภาพที่ฝ่ายตรงข้ามถูกกระบี่เทวแสงทองสังหาร

หลังจากชายหนุ่มคนดังกล่าวตายไปแล้ว กระบี่เทวแสงทองก็ค่อย ๆ หม่นหมองลง และสลายหายไปในที่สุด

ส่วนหลัวซิวนั้นแขนข้างหนึ่งถูกตัด ตำหนักวัฏสงสารถูกฟันจนกระเด็นออกไป การโจมตีจากวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศ 70 กว่าคนที่เหลือจึงซัดสาดมาดั่งฝนฟ้ากระหน่ำอย่างรุนแรง แผ่คลุมร่างกายเขาจนหายเข้าไปในการโจมตีทั้งหมด

ถึงแม้ระดับความแข็งแกร่งของร่างเนื้อเขาจะเทียบทัดศัตราวุธราชา ภายใต้การโจมตีที่มากมายเช่นนี้ เขาก็ต้านทานไม่ไหวแน่นอน

แสงโลหิตสาดกระเด็น เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้น หลัวซิวจึงเลือดอาบท่วมตัว บาดเจ็บสาหัสภายในพริบตา

“สลับเป็นตาย!”

หลัวซิวตวาดเสียงดังลั่น กฎความตายผันแปรเป็นกฎชีวิต ทำให้พลังแห่งชีวีที่อยู่ภายในร่างกายเขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุดในทันที บาดแผลตามร่างกายก็ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิมด้วยความเร็วที่เร็วมากจนสามารถมองเห็นได้ด้วยเนื้อตาเปล่า