ขี้แพ้?
เขานั้นแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ยอดอัจฉริยะที่ผสานเข้ากับคลื่นกำเนิดของเจ้าโลกอันเก่งกาจล้ำนั้นกลับถูกคนอื่นมาชี้หน้าเรียกเป็นขี้แพ้?
จะบ้ากันไปแล้วหรืออย่างไร?
“ฮ่าๆ ไอ้เด็กตระกูลไป๋ เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองมีบรรพบุรุษคุ้มครองหัวแล้วจะมาพูดจาอะไรต่อหน้าข้าก็ได้! เจ้าคิดหรือว่าคลื่นกำเนิดมันสามารถผสานได้ง่ายๆ? ข้าว่าเจ้านั้นเองก็คงไม่อาจผสานได้จึงได้มาเรียกคนอื่นเป็นขี้แพ้เพราะความคับแค้นใจแล้ว?” ซานหยางนั้นกล่าวขึ้นมาเย้ยไป๋ชุยซาน
“ฮ่าๆๆ”
แต่คำพูดนั้นมันกลับทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้นมารอบด้าน
เหล่าผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะที่เข้าเจดีย์เจ็ดสีไปทุกๆ คนนั้นต่างหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน!
แม้ว่าซานหยางนั้นจะเป็นถึงมหาจักรพรรดิล้ำที่มีชื่อเสียงลือลั่นดินแดนวิญญาณอมตะแต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความผิดปกติและต้องอับอายขึ้น
‘ข้ากำลังถูกขยะร่างวิญญาณกึ่งอมตะมันหัวเราะเยาะ?’
‘หัวเราะลั่นจนตอนนี้ก็ยังไม่คิดจะหยุดกัน’
‘หัวเราะกับพ่อเจ้าหรือ?!’
“หุบปาก!” ซานหยางนั้นร้องลั่นขึ้นมา
เมื่อมหาจักรพรรดิล้ำโกรธขึ้นมา มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายต้องรีบหุบปากลงแทบไม่ทัน
และก็ไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอีก
แต่ว่าซานหยางเองก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในมันคงไม่เหมือนอย่างที่เขาคาดคิดไว้!
“หวางเฉียน เจ้าว่ามาเถอะว่ามันเกิดอะไรขึ้นในเจดีย์เจ็ดสีกันแน่!” ซานหยางถามขึ้นมา
“ท่านซานหยาง ข้า…” หวางเฉียนนั้นได้แต่ต้องพูดติดๆ ขัดๆ
“ฮ่าๆๆ ท่านซานหยาง แม้ว่าหวางเฉียนมันจะหน้าด้านแค่ไหนแล้วมันก็คงยังไม่กล้าจะพูดถึงเรื่องในเจดีย์เจ็ดสีออกมาจากปากตัวเองหรอกท่าน! ให้ข้าเล่าให้ท่านฟังแทนดีไหม?” ไป๋ชุยซานกล่าวขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะ
ได้เห็นว่าหวางเฉียนนั้นยังอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมกล่าวออกมา
ซานหยางจึงพ่นลมหันหน้ามาหาไป๋ชุยซานเป็นการแสดงท่าทียอมรับไป
มหาจักรพรรดิล้ำคนอื่นๆ เองก็ต่างสนใจในเรื่องนี้ไม่แพ้กันและต้องเงี่ยหูฟังเรื่องราวอย่างสนใจ
แต่เมื่อได้ยินเข้าพวกเขาก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมา
ต่อให้พวกเขานั้นจะมากประสบการณ์แค่ไหน…
พวกเขาก็ไม่เคยคิดฝันว่ามันจะมีเรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้นในเจดีย์เจ็ดสีได้
และสิ่งที่พวกเขาทั้งหมดได้ค้นพบนี้มันก็เพราะว่าเย่หยวนคนนี้!
ตอนนี้แม้แต่หยุนหนีเองก็ต้องหันไปมองดูเย่หยวนด้วยสายตาแปลกๆ ราวกับอีกฝ่ายนั้นเป็นสัตว์ประหลาด
พวกเขานั้นคิดว่าการเข้าเจดีย์เจ็ดสีครั้งนี้อย่างมากที่สุดมันก็คงมีคนออกมาได้แค่หนึ่งคน
แต่ใครจะไปคิดว่าคนกว่าร้อยคนกลับออกมาจากเจดีย์ได้!
นอกจากนั้นแล้วคนนับร้อยนี้ยังพัฒนาตัวเองไปอย่างไม่น่าเชื่อ
เหมือนตัวไป๋ชุยซานนั้นที่สามารถเอาชนะหวางเฉียนผู้ผสานคลื่นกำเนิดลงได้อย่างง่ายดาย!
“ไอ้ขี้แพ้!” ซานหยางนั้นแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองต้องร้องลั่นขึ้นมาด้วยควันออกหู
หวางเฉียนนั้นเป็นสุนัขขี้แพ้อย่างถึงที่สุด!
ผสานกับคลื่นกำเนิดแล้วยังแพ้ให้คนอื่นราบคาบ!
แดนวิญญาณกลางของเขานั้นมันเสียหน้าสิ้นเชิงแล้ว!
“ศิษย์พี่มู่ ท่านบอกว่า…เย่หยวนเป็นแค่ตัวตลก?”
“ศิษย์พี่หมิงเจียน ท่านบอกว่า…เย่หยวนนั้นเป็นแค่โคลนเน่าๆ ที่ไม่มีค่าเอาไปทำอะไร?”
“พี่ซานหยาง ท่านพูดว่าหวางเฉียนมันเก่งกาจล้ำคนอื่นๆ ขนาดไหนนะ?”
วินาทีที่ไป๋ชุยซานเล่าเรื่องจบเสียงของหยุนหนีมันก็แทรกตามขึ้นมาทันที
คนทั้งสามนั้นหน้าแดงก่ำขึ้นอย่างรุนแรง
เวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ พวกเขาว่าด่าเย่หยวนไม่ขาดปาก
หยุนหนีนั้นเองก็ไม่คิดจะโต้เถียงใดๆ กลับไป
แต่ใครจะไปคิดว่านางนั้นทนฟังมาเดือนกว่าและสุดท้ายก็โจมตีสวนกลับมาอย่างไม่ให้ใครได้ตั้งตัว!
มันมิใช่ว่านางนั้นไม่สนใจแต่ว่านางนั้นแค่รอโอกาสสวนกลับอยู่เท่านั้น!
โอกาสตบหน้าให้ดังลั่น!
เย่หยวนเองที่ได้ยินก็ต้องผงะไปเช่นกัน
เพราะแน่นอนผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิง!
ที่สำคัญหญิงนางนี้ยังเก่งกาจในเต๋าแห่งการโอ้อวดด้วย
ให้อีกฝ่ายพูดกันไปก่อนให้สะใจ!
หลังจากโม้กันจบแล้วนางจึงใช้ความจริงเข้าตบ!
ตบให้หน้าหัน!
แต่ตอนที่เย่หยวนกำลังยืนนิ่งอยู่นั้นหยุนหนีก็หันมามองเขาพร้อมกล่าวขึ้น “ในเมื่อหวางเฉียนผสานกับคลื่นกำเนิดแล้วเจ้าก็ไร้ค่าใด! ไปตายเสียเถอะ!”
หยุนหนีนั้นกล่าวขึ้นอย่างเย็นเยือกไร้อารมณ์ใดๆ
พริบตาต่อมานั้นเย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารเย็นเยือกแทรกเข้ามาในร่างวิญญาณ
นางไม่ได้ล้อเล่น!
นางนั้นสงสัยในจุดประสงค์ของเขามาตั้งแต่แรกและย่อมคิดจะปิดปากเขาลงเพื่อไม่ให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ภายหลัง!
ความหมายของนางนั้นมันชัดเจน ‘เจ้าไม่มีค่าใดแล้ว ไปตายเสียเถอะ!’
ต่อให้เย่หยวนนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนมันก็ไม่มีทางที่จะต่อสู้กับหยุนหนีด้วยสภาพตอนนี้ได้
นางคนนี้แข็งแกร่ง!
เย่หยวนขนลุกทั้งร่างเพราะนางคนนี้ช่างทำการได้อย่างรวดเร็วเขาไม่มีเวลาจะตั้งตัวใดๆ!
แน่นอนว่าเย่หยวนเข้าใจดีแต่แรกว่าการกระทำของเขามันคงทำให้หยุนหนีไม่พอใจ
นางสั่งให้เขาไปเอาคลื่นกำเนิดมา แต่เขานั้นกลับเอาไปมอบให้คนอื่นอย่างไม่สนใจไยดี
คลื่นกำเนิดของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นมันมีค่าล้ำในแดนวิญญาณทั้งห้า
ใครก็ตามที่ได้ผสานเข้ากับคลื่นกำเนิดนี้จะถือว่ากลายเป็นศิษย์ของเจ้าโลกบู๋เมี่ยไป
หลังจากที่หาตัวเจ้าโลกบู๋เมี่ยและพาเขากลับมาได้แล้ว ดินแดนบ้านเกิดของคนผู้นั้นคงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาครั้งใหญ่
‘แต่ข้าให้ค่าเจ้ามากมาย สุดท้ายเจ้ากลับทรยศข้าเสียได้!’
‘หากข้าไม่สังหารเจ้าลงแล้วข้าจะยังเอาหน้าไปพบใครได้?’
เย่หยวนได้แต่ต้องร้องตอบมาด้วยหน้าซีดขาว “เดี๋ยวก่อน! แม้ว่าหวางเฉียนนั้นมันจะผสานเข้ากับคลื่นกำเนิดแล้ว มันก็ไม่แน่ว่าจะหาท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ยเจอ! บางทีข้าอาจจะยังช่วยได้อยู่!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมาสีหน้าของยอดฝีมือจากห้าดินแดนก็ต้องเปลี่ยนสีไป
ผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะทั้งหลายนั้นต่างแตกตื่นไปตามๆ กัน
“หาท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ย? มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?”
“มันเกิดอะไรขึ้นกับท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ยหรือ?”
“อ่ะ! ที่แท้ที่พวกเขาตัดสินใจผนึกทางออกของเจดีย์เจ็ดสีมันก็เพราะเรื่องนี้!”
…
เย่หยวนและหวางเฉียนนั้นมีข้อตกลงกันมาแต่แรกว่าจะไม่พูดถึงความจริง
แต่ตอนนี้ด้วยความคับขันมันทำให้เย่หยวนหลุดปากพูดออกมาต่อหน้าคน
มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับบรรพบุรุษบู๋เมี่ย!
นี่มันเป็นเรื่องใหญ่โตสะท้านแผ่นดิน!
หากมีบรรพบุรุษบู๋เมี่ยอยู่ ดินแดนวิญญาณอมตะก็จะไม่มีทางล่มสลาย!
แต่หากมีอะไรเกิดขึ้นกับบรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่านแล้ว แดนวิญญาณอมตะก็คงสิ้นสูญ!
นี่มันคือเรื่องที่คนทั้งหลายรู้แก่ใจ
ซานหยางนั้นร้องลั่นขึ้นมาทันที “เย่หยวน เจ้ารนหาที่ตายเองแล้ว! คลื่นกำเนิดนี้จะอย่างไรหวางเฉียนก็ได้มาแล้ว มันไม่ต้องใช้อะไรเจ้าอีกต่อไป! ในเมื่อศิษย์น้องหยุนหนีคิดอยากสังหารเจ้า เจ้าก็ตายไปเสียเถอะ!”
ยอดฝีมือคลื่นกำเนิดของห้าดินแดนนั้นต่างโกรธแค้นไม่พอใจเย่หยวนขึ้นมาคิดสังหารเย่หยวนลงพร้อมๆ กัน
ซานหยางนั้นยกมือขึ้นมาสับลงใส่ร่างของเย่หยวนอย่างไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรอีก
เขานั้นไม่ชอบหน้าเย่หยวนมาตั้งแต่แรกและตอนนี้มันก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ระบายออกมา!
การโจมตีเบาๆ ของซานหยางนี้มันคือหายนะของเย่หยวน!
เขานั้นเหมือนถูกตรึงไว้ไม่อาจขยับเคลื่อนไหวร่างได้
พลังคลื่นกำเนิดนั้นมันแข็งแกร่งล้ำ!
ตูม!
ซานหยางต้องผงะไปเพราะว่าการโจมตีของเขานั้นมันกลับถูกตัวหยุนหนีเองที่เข้ามาขัดไว้!
“ให้มันพูดก่อน!” หยุนหนีกล่าวขึ้นมาอย่างไม่คิดไว้หน้าซานหยางใดๆ
แม้ว่ามันจะเป็นร่างวิญญาณที่ไม่มีเลือดหรือเหงื่อ แต่เย่หยวนก็ยังรู้สึกเหมือนเหงื่อไหลท่วมกาย
เขานั้นสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะกล่าว “การหาบรรพบุรุษบู๋เมี่ยด้วยคลื่นกำเนิดของท่านนั้นมันเป็นแค่เรื่องที่พวกท่านคิดกันไปเอง! มันไม่แน่เสมอไปหรอกว่าหวางเฉียนนั้นจะตามหาเสี้ยวพลังของบรรพบุรุษบู๋เมี่ยเจอหรือไม่ แต่ข้านั้นมั่นใจว่าจะหาได้!”
ซานหยางนั้นเปลี่ยนความอับอายเป็นความโกรธและกล่าวร้องขึ้น “แม้แต่คลื่นกำเนิดของท่านบู๋เมี่ยยังหาตัวท่านไม่เจอแล้วเจ้าจะเอาอะไรมาหา?!”
เย่หยวนตอบกลับไป “เพราะว่าข้านั้นมีร่างวิญญาณหมอกหุ้มของจริงอยู่!”
ซานหยางนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา “ตลกแล้ว! สามสิบสามสวรรค์นั้นตั้งอยู่มาไม่รู้กี่ล้านปีแต่มันก็มีเพียงแค่บรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่านคนเดียวที่มีร่างวิญญาณหมอกหุ้ม! เจ้าพูดจาเช่นนี้หลอกลวงคนคิดว่ามหาจักรพรรดิล้ำอย่างเราๆ นั้นโง่มาก?”
หญิงชราคนนั้นกล่าวขึ้นเสริม “หลายปีที่ผ่านมานี้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะปรากฏขึ้นมากมายเกินกว่าจะนับ พวกมันต่างบอกว่าตัวเองนั้นมีร่างวิญญาณหมอกหุ้ม! แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีใคร! เจ้าคิดว่าตัวเองมีดีอะไรถึงได้มากล่าวพูดโง่ๆ เช่นนี้?”
เย่หยวนหันไปมองซานหยางด้วยรอยยิ้มเหมือนกับจะบอกว่า ‘ใช่ เจ้ามันโง่!’
แต่เขานั้นก็ไม่รอให้ซานหยางได้กล่าวตอบอะไรมา “ก่อนที่ข้าจะเข้าเจดีย์เจ็ดสีไป ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าตัวเองมีร่างวิญญาณหมอกหุ้มหรือไม่! แต่ตอนนี้ข้ามั่นใจอย่างถึงที่สุดว่าข้านั้นมีร่างวิญญาณหมอกหุ้มของจริงอย่างแน่นอน!”