ไร้เหตุผล!
หยุนหนีนางนี้มีนิสัยหัวรั้นไม่ยอมคน และไม่คิดสนใจความคิดของคนอื่นแม้แต่น้อย
ซานหยางนั้นรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก
เขานั้นหัวเราะขึ้นมาพร้อมส่งคลื่นวิญญาณทะลวงฟ้าออกไป
หยุนหนีนั้นยังคงมองดูเย่หยวนอย่างไม่วางตาไม่คิดสนใจว่าซานหยางนั้นคิดจะทำอะไร
ไม่นานจากนั้นห้วงมิติมันก็แหวกออกเผยให้เห็นเงาร่างของคนผู้หนึ่ง
นี่คือผู้นำของแดนวิญญาณกลาง เจ้าโลกยู่เทียน!
“ขอคารวะท่านยู่เทียน!”
ซานหยางและมหาจักรพรรดิล้ำทั้งสี่นั้นก้มหัวลงคารวะเจ้าโลกยู่เทียน แต่หยุนหนีนั้นกลับไม่คิดสนใจใดๆ
เรื่องนี้ย่อมจะทำให้เจ้าโลกยู่เทียนนั้นเกิดไม่พอใจขึ้นมาในใจและกล่าว “ในเมื่อหวางเฉียนได้คลื่นกำเนิดของบรรพบุรุษท่านมาแล้วเราจะยังรออะไรกันอีก? แค่เด็กมันสร้างเรื่อง…พวกเจ้าก็จะยอมเสียเวลาไปกับมันด้วย?”
เขานั้นหันไปมองเย่หยวนพร้อมความเย้ยหยันดูถูกอย่างถึงที่สุด
มหาจักรพรรดิคิดเข้าใจคลื่นกำเนิดนั้นมันเป็นสิ่งที่เขาเคยลองและก็ไม่อาจทำได้สำเร็จในที่สุด
เพราะมันยากจนเกินไป!
ตั้งแต่บรรพกาลมานั้นมันมีเพียงแค่บู๋เมี่ยคนเดียวที่ทำได้
แน่นอนว่าสิ่งที่ยู่เทียนพยายามทำความเข้าใจนั้นมันย่อมจะมิใช่คลื่นกำเนิดหมอกหุ้มแต่เป็นสิ่งที่ง่ายดายกว่าหลายเท่าตัว
ทว่าตัวเขาในตอนนั้นก็ยังรู้สึกว่ามันยากล้ำสวรรค์ไป
แท้จริงแล้วมันมิใช่แค่เขาเท่านั้นที่คิดทำเช่นนั้นตอนบรรลุมหาจักรพรรดิ
เพราะคนส่วนมากที่คิดลองก็ต่างล้มเหลวลงทั้งสิ้น
ตอนนี้กลับบอกว่าไอ้เด็กน้อยคนนี้จะสำเร็จคลื่นกำเนิดได้?
ตลกแล้ว!
พูดไปนั้นเจ้าโลกยู่เทียนก็ปล่อยคลื่นวิญญาณออกมาหมายสังหารเย่หยวน
“หากเจ้ากล้าลงมือจริงๆ ข้าจะบรรลุเจ้าโลกและสู้กับเจ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปตรงนี้!”
หยุนหนีนั้นกล่าวขึ้นมาเบาๆ ราวกับแค่พูดเล่น
แต่คำพูดเดียวนี้มันหยุดคลื่นวิญญาณของเจ้าโลกยู่เทียนไว้ทันที
“หากพวกเจ้ารีบกันนักก็พาหวางเฉียนมันไปก่อนข้าเลย หากเย่หยวนมันไม่สำเร็จคลื่นกำเนิดจริงๆ ข้าก็ย่อมจะสังหารมันด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาช่วยเรื่องของข้า แน่นอนว่าหากเจ้าคิดว่าเรื่องนี้มีปัญหา ข้าก็พร้อมจะสู้กับพวกเจ้าทุกคน!”
หยุนหนีนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงหวานๆ
แต่คำพูดของนางนั้นมันกลับเย่อหยิ่งจนไม่รับฟังคำค้านใครๆ
เจ้าโลกนั้นคือจุดสูงสุดของชีวิตที่ทุกคนหมายเหยียบเข้าไป
แต่ในสายตาของหยุนหนีนั้นมันเหมือนเป็นแค่หน้าผาสูงไม่กี่เมตรเท่านั้น
หากคิดอยากจะปีนมันก็ปีนได้!
เจ้าโลกยู่เทียนนั้นเป็นเจ้าโลกสุดแกร่งของแดนวิญญาณกลาง
แต่ตอนนี้เขาเริ่มลังเลขึ้นมา
เพราะแม้แต่ซานหยางและพวกทั้งหลายนั้นก็ไม่รู้ถึงฝีมือที่แท้จริงของหยุนหนี
แต่เขานั้นรู้!
หากหยุนหนีคิดเสี่ยงชีวิตแล้วแดนวิญญาณอมตะนี้มันคงตกอยู่ในสภาพโกลาหลแน่นอน
คำขู่!
ขู่กันซึ่งๆ หน้า!
‘เจ้าโลกอย่างข้านั้นจะต้องถูกมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์อย่างเจ้าขู่?’
“ในเมื่อหลานศิษย์หยุนหนีมั่นใจขนาดนั้น เราก็แค่เฝ้าดูมันเถอะ!” เจ้าโลกยู่เทียนนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
คนที่ได้ยินนั้นต่างต้องอ้าปากค้าง!
เรื่องบ้าอะไรกัน?
ท่านเป็นเจ้าโลกนะ จะไม่อายหน่อยหรือ?
ตูม!
ขณะที่คนทั้งหลายกำลังสนใจเรื่องทางนี้อยู่ประตูแห่งชีวานิรันดร์มันก็ระเบิดพลังรุนแรงออกมา
พลังของมันนั้นอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่มากนักแต่มันก็ทำให้เจ้าโลกต้องผงะไปได้
เย่หยวนที่กำลังบรรลุอยู่นั้นเบิกตากว้างขึ้นมา
ความลับที่อยู่หลังบานประตูแห่งชีวานิรันดร์นั้นมันเหมือนราวกับว่าเขาได้มองเห็นความลับของโลก
“นี่หรือคือประตูแห่งชีวานิรันดร์? ดูแล้วความลับใดๆ ของข้ามันช่างน่าขันไปทีเดียว! ประตูนี้มันเชื่อมต่อไปถึงที่ใดกันนะ?” เย่หยวนสงสัยขึ้นในใจ
ตอนที่เขาอยู่ในเจดีย์เจ็ดสีนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว
การบรรลุมหาจักรพรรดินั้นเป็นแค่การที่ตัวเขาใช้อะไรบางอย่างออกมา
การบ่มเพาะของเขาที่ผ่านๆ มามันก็มากพอที่จะส่งเขาขึ้นมหาจักรพรรดิได้ไม่ยากเย็นแล้ว
แต่สมบัติสืบทอดที่เจ้าโลกบู๋เมี่ยทิ้งไว้นั้นมันกลับเปิดประตูบานใหม่ให้แก่เขา
ตอนนี้คลื่นกำเนิดสายหนึ่งมันค่อยๆ หมุนวนรอบตัวเย่หยวน
มันเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องลำบากลงแรงใดๆ
แต่ในสายตาของคนที่มองอยู่ด้านล่างนั้นพวกเขาแทบจะไม่อยากเชื่อสายตา!
“คลื่นกำเนิด! นั่นมัน…คลื่นกำเนิดจริงๆ! มหาจักรพรรดิสำเร็จคลื่นกำเนิด! เขานั้นเป็นผู้มีร่างวิญญาณอมตะจริงๆ!”
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงไม่คิดสนใจผสานเข้ากับคลื่นกำเนิดของบรรพบุรุษบู๋เมี่ย ที่แท้เขามองเห็นมันมาตั้งแต่แรกแล้ว! และการที่มีคลื่นกำเนิดของตัวเองเช่นนี้ ยังต้องไปเอาของคนอื่นมาทำไมอีก?”
“ก็จริง! นอกจากร่างวิญญาณหมอกหุ้มของจริงแล้วมันจะมีใครทำความเข้าใจเจดีย์เจ็ดสีได้อีก?”
…
หลังจากการปรากฏขึ้นของคลื่นกำเนิดนั้นเหล่าผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะทั้งหลายก็ต้องอ้าปากค้าง
ตอนนี้แม้แต่เจ้าโลกยู่เทียนเองก็ยังแทบลืมหายใจ!
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน? เขานั้นกลับมีร่างวิญญาณอมตะของจริง!” ยู่เทียนนั้นร้องขึ้นมาด้วยเสียงสั่นๆ
หวางเฉียนนั้นร้อนไปทั้งหน้าเหมือนถูกตบเข้าอีกครั้ง
เพียงแค่ว่าตอนนี้มันน่าตกตะลึงกว่าครั้งใดๆ
แม้แต่ตอนที่เย่หยวนเล่นงานเขาจนปางตายนั้นเขาก็ไม่คิดว่าเย่หยวนจะมีร่างวิญญาณอมตะของจริง
แต่ตอนนี้จะไม่เชื่อมันก็คงไม่ได้แล้ว
หนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์!
หลายต่อหลายปีที่ผ่านมานี้มันมีเพียงแค่เจ้าโลกบู๋เมี่ยที่ทำได้
ตอนนี้มันกลับมีเย่หยวนขึ้นมาอีกคน!
ศิษย์พี่มู่ หมิงเจียน ซานหยางพวกเขาที่เคยพูดกล่าวใดๆ กลับต้องหุบปากลงด้วยความอับอาย
เย่หยวนนั้นสำเร็จคลื่นกำเนิดได้มันย่อมจะไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยอีก!
หยุนหนีนั้นเองก็ต้องผงะไปด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
แม้ว่านางนั้นจะมั่นใจในตัวเย่หยวนมาก
แต่นางก็ไม่รู้เป้าหมายที่แท้จริงของเย่หยวน แถมยังได้แต่ปล่อยให้เขาเข้าเจดีย์เจ็ดสีไป
ต่อให้เย่หยวนจะบอกว่าตัวเองสามารถสำเร็จคลื่นกำเนิดได้นางก็เชื่อคำพูดนั้นแค่หนึ่งในหมื่นเท่านั้น
ใครจะไปคิดว่าหนึ่งในหมื่นนั้นมันกลับเกิดขึ้นจริง?!
…
ประตูแห่งชีวานิรันดร์กำลังค่อยๆ จางหายไป
คลื่นวิญญาณของเย่หยวนนั้นผงาดขึ้นจนถึงระดับของมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ไป!
เขานั้นหันไปมองหน้าหยุนหนีและกล่าวขึ้น “ตอนนี้ถือว่าข้าพิสูจน์ตัวเป็นผู้มีร่างวิญญาณอมตะแล้วใช่หรือไม่?”
หยุนหนีนั้นเงียบลงไป
ตั้งแต่บรรพกาลมานั้นเผ่าวิญญาณมีร่างวิญญาณอมตะแค่สองคนเท่านั้น
นางเชื่อว่ามันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันได้แน่นอนระหว่างร่างวิญญาณอมตะทั้งสอง
แต่ตอนนี้นางเริ่มกลัวอะไรบางอย่าง…
กลัวว่าเย่หยวนนั้นจะหลุดรอดจากการควบคุมของนางไป
คนผู้นี้อันตราย!
ให้เขาไปหาบรรพบุรุษบู๋เมี่ยด้วยมันจะเป็นทางเลือกที่ดีจริงๆ?
เจ้าเด็กคนนี้มันมีเป้าหมายอะไรกันแน่?
คนทั้งหลายต่างหันมามองหน้าหยุนหนีเป็นตาเดียว
ตอนนี้แม้แต่ยู่เทียน เจ้าโลกคนนี้เองก็ยังถูกเมิน
ดูท่าแล้วคนที่ตัดสินความเป็นความตายของเย่หยวนได้ในที่นี้มันมิใช่ยู่เทียนแต่เป็นหยุนหนี!
“เรื่องนี้จะรอช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไปกันเถอะ!” หลังจากหยุดคิดไปนานหยุนหนีก็กล่าวขึ้นมา
ซานหยาง หญิงชราและหมิงเจียนทั้งสามคนนั้นต่างหุบปากลงทันที
พวกเขานั้นตามหลังหยุนหนีออกไป เดินทางออกจากแดนวิญญาณกลาง
พร้อมกับไม่มีอะไรจะพูด!
เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาใช้เรื่องที่เย่หยวนไม่มีคลื่นกำเนิดเล่นงานได้
แต่ตอนนี้จะพูดอะไรได้อีก?
นี่มันคือร่างวิญญาณหมอกหุ้มของจริง ตัวตนระดับเดียวกับบรรพบุรุษบู๋เมี่ย!
คนที่สองในประวัติศาสตร์!
เย่หยวนจะมีส่วนอย่างมากในการช่วยหาตัวบรรพบุรุษบู๋เมี่ยในครั้งนี้
เย่หยวนเองก็ไม่พูดอะไรมากความและตามหลังยอดฝีมือทั้งหลายเดินทางออกไป
ระหว่างทางนั้นมันก็มียอดฝีมือจากทั่วทิศเดินทางมาร่วม
แต่ละคนที่มาถึงนั้นต่างหันมองดูเย่หยวนด้วยสายตาแปลกๆ
พวกเขานั้นเดินทางออกจากแดนวิญญาณอมตะและไปถึงทะเลแห่งหนึ่งในที่สุด
บนทะเลนั้นมันมีประตูหินบานใหญ่ตั้งอยู่
“นี่คือประตูนรก! สถานที่สุดท้ายที่ท่านบู๋เมี่ยมุ่งหน้าไป! เดิมทีแล้วเราได้ส่งคนไม่น้อยเข้าไปค้นหาหลังประตูนรกแต่ว่ากลับไม่มีใครรอดออกมาได้เลย พวกเจ้าทั้งสองลองสัมผัสดูว่าสามารถรับรู้ถึงคลื่นพลังของท่านบรรพบุรุษได้หรือไม่” หยุนหนีสั่ง
……………………….