ตอนที่ 3444 : เทพสงคราม 8 ดารา อากู้โม่
“อืม ขอตัวก่อน”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้ถังชานเปา จากนั้นก็ไม่สนใจอะไรอีกฝ่ายอีก เดินตรงเข้าไปในบ้านว่างหลังที่เลือกไว้ทันที
หลังต้วนหลิงเทียนจากไป ร่าง 3 ร่างก็โรยตัวลงมาไม่ห่างถังซานเปาเท่าไหร่
3 คนนี้ เหมือนจะมาด้วยกันกับพี่น้องต้วนเมื่อครู่
ทันใดนั้น ถังซานเปาก็โร่ไปทักทายทั้ง 3 อย่างมากอัธยาศัย “ท่านทั้ง 3 เมื่อครู่ใช่มากับพี่น้องต้วนหรือไม่…ดูเหมือนพวกท่านจะมาจากที่เดียวกับพี่น้องต้วนสินะ?”
“อืม”
เหอเจี้ยนอี่พยักหน้ารับเบาๆ ส่วนด้านว่างถิงกับจางเทียนโย่วไม่ได้สนใจอะไรถึงซานเปาเลย
“แล้วพวกท่านมากับบวิหารเฟิงฮ่าว หรือมากับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเล่า?”
ถังซานเปาเอ่ยถามอีกครั้ง
“ พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์”
เหอเจี้ยนอี่ตอบกลับ
“ดูเหมือนพี่น้องต้วนจะไม่ได้หลอกข้า ผู้อื่นเคยพบเจอจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแล้วจริงๆ”
จากนั้นถังซานเป่าก็โพล่งงถามออกมาต่อว่า “ท่านทั้ง 3 ในเมื่อท่านมากับพี่น้องต้วนมิทราบเคยเห็นจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางเหมือนกันหรือไม่?”
ขณะกล่าวถามออกมา สองตาถังซานเปาก็ทอประกายสว่างจ้า
“เคยเห็นใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไหม?”
ตอนนี้เองว่างถิงที่ได้ยินคําถามของถังซานเปา ก็หันไปมองกล่าวกับถังซานเปาด้วยท่าทางหยอกเย้าขบขัน “พี่ชายท่านนี้ ข้าเกรงว่าท่านคงยังไม่ทราบ…แต่ต้วนหลิงเทียนที่ท่านพึ่งคุยด้วยน่ะ เป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์พวกเรา”
“ท่านไปถามผู้อื่นว่าเคยเห็นอาจารย์ตัวเองไหม ไม่ตลกไปหน่อยหรือไร?”
พูดถึงท้ายประโยค ว่างถิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
จังหวะนี้กระทั่งเหอเจี้ยนอี่กับจางเทียนโย่วเองก็อดไม่ได้ที่จะมองถังซานเปาด้วยสายตาขบขันอยู่บ้าง
“หา?!”
ถังซานเปาก็อึ้งไปกับคําพูดของว่างถิงไม่น้อย “พี่พี่น้องต้วน เป็นศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรสวรรค์ฟงชิงหยาง!?”
ถึงแม้ว่ามันจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาหลายสิบปีแล้ว ว่าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางที่ไม่เคยยคิดจะรับศิษย์มาก่อนอยู่ดีๆก็รับศิษย์ขึ้นมา….ตอนนั้นมันเองก็สงสัยไม่น้อยว่าศิษย์ที่รับมาที่แท้เป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ถึงขนาดไหน
มิคาดอยู่ๆคนที่มันสงสัย ก็ได้มาปรากฏตัวเบื้องหน้ามัน!
“ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางรี”
ถึงแม้บทสนทนาของถังซานเปากับพวกจางเทียนโย่วทั้ง 3 จะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ก็มีหลายคนที่อยู่ไม่ไกล ด้วยยพลังฝึกปรือของพวกมัน โสตประสาทรับฟังย่อมเลิศล้ำได้ยินทั้งหมดชัดเจน
จังหวะนี้หลายๆคนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังบ้านไม้หลังที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งเดินเข้าไป
เพราะเมื่อครู่พวกมันก็สังเกตเห็นต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พวกมันย่อมไม่คิดไม่ฝันว่านั่นจะเป็นศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ตัวตนที่รั้งอยู่ในอันดับ 3 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ แถมยังเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวอีกด้วย
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางไม่เคยรับศิษย์มาก่อนสักคน! แต่เจ้าหนุ่มชุดม่วงเมื่อครู่นั่นเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวงั้นรึ?”
“ลองจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางรับมันเป็นศิษย์ ข้าว่าพรสวรรค์กับสติปัญญาของมันต้องน่าทึ่งมาก แม้ไม่ทราบพลังฝีมือของมันสูงต่ำเพียงใด แต่ในเมื่อกล้ามาเข้าร่วมศึกกอัจฉริยะสวรรค์ย่อมไม่ใช่ชนชั้นต่ำทรามแน่แท้”
“เหอะๆ คนที่ได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ไหนเลยจะเป็นคนธรรมดาๆได้เล่า? ข้าว่าต้องเป็นพยัคฆ์ซุ่มมังกรซ่อนอันน่ากลัวเป็นแน่!”
เสียงคุยกันของหลายๆคน เผยให้รู้ว่าชื่อชมฟงซิงหยางและประเมินต้วนหลิงเทียนไว้สูงไม่น้อย
“หึ!”
ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของผู้คนโดยรอบ ว่างถิงก็พ่นลมพลางกล่าวว่า “เกรงว่าพวกเจ้าคงยังไม่รู้กันสินะ…เหตุผลที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ฟังชิงหยางของพวกเรา ยอมรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ที่แท้จริง ก็เพราะต้วนหลิงเทียนนั่นได้รับมรดกที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์เราเหลือทิ้งไว้บนระนาบโลกียะ”
“นอกจากนั้นพวกเจ้าทราบหรือไม่ว่าปีนี้ต้วนหลิงเทียนมีอายุเท่าใด?”
“มันพึ่งมีอายุได้ 600 ปีเศษเท่านั้น!”
พอนึกถึงท่าทางของต้วนหลิงเทียนยามถูกนางท้า ว่างถิงก็รู้สึกเสมือนในใจมีเพลิงร้อนรุ่มขุมหนึ่งลุกโชน ทําให้นางรู้สึกอับอายไม่น้อย
เพราะท่าทางของอีกฝ่าย ไม่ต่างอะไรกับดูเบานางเลย!
จะอย่างไรตัวนาง ว่างถิง ก็ถือเป็นสุดยอดอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันปีของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน โดนผู้อื่นมองข้ามหัวแบบนี้ ไหนเลยจะทนได้?
“อะไร?”
“มีอายุแค่ 600 ปีเศษงั้นรึ?”
“ที่แท้เป็นเพราะสืบทอดมรดกของงจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางครั้งยังอยู่ในระนาบโลกียะนี่เองจึงอาศัยความสัมพันธ์ดังกล่าวและคารวะจักรพรรดิสวรรค์ฟังชิงหยางเป็นอาจารย์ได้”
พอว่างถิงเอ่ยเรื่องนี้ออกมา ภาพถ้วนหลิงเทียนในใจผู้คนโดยรอบก็เริ่มเปลี่ยนไป
ในสายตาของพวกมัน
กับคนที่พึ่งมีอายุได้ 600 ปีเศษ ต่อให้จะมีพรสวรรค์ผืนฟ้าเพียงไหน ก็คงยากจะประสบผลสําเร็จเลิศล้ำมากมายอะไร
“ที่แท้เป็นเพราะโชคดีนี่เอง!”
และตอนนี้ยังมีหลายคนเริ่มคิดว่าที่ต้วนหลิงเทียนได้เป็นศิษย์ของฟงชิงหยางนั้น ทั้งหมดก็แค่ความโชคดี ที่บังเอิญพบเจอและรับสืบทอดมรดกในระนาบโลกียะของฟังชิงหยางมา
อย่างไรก็ตาม เพราะฟงชิงหยางไม่เคยสร้างสถานทดสอบรับมรดกที่ใดไว้ในระนาบเทวโลกจึงไม่มีใครได้เป็นศิษย์
เรียกว่าทัศนคติที่มีต่อต้วนหลิงเทียนของผู้คนโดยรอบได้ลดต่ำลง กลายเป็นดูเบาโวนหลิงเทียนทันตาเห็น
เป็นธรรมดาว่า มีข้อยกเว้นอยู่คนหนึ่ง
คนผู้นี้ชื่อว่า ถังซานเปา
“จะใช่แน่หรือไฉนข้ารู้สึกว่าพี่น้องต้วนไม่ธรรมดาเลยล่ะ?”
ก่อนที่ถังซานเปาจะไปยังวิหารเฟิงฮ่าวเพื่อมาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ ปกติแล้วแทบไม่มีใครรู้จักตัวตนของมันเลย เพราะมันได้ติดตามอาจารย์ปลีกวิเวกบ่มเพาะยังพื้นที่ไกลห่างมาโดยตลอด
พลังฝีมือของอาจารย์มันกล้าแข็งมาก
ในอดีตก็เคยเอาชนะฟงชิงหยางมาแล้ว!
แน่นอนว่าในเววลานั้น มันยังไม่ได้คารวะอีกฝ่ายเป็นอาจารย์
แต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนตอนที่ฟงชิงหยางต้องหลบหนีการไล่ลาจนเข้าสู่นรกอสุรา 1 ใน 7 สถานที่ต้องห้ามของระนาบเทวโลก มันที่ได้กราบผู้อื่นเป็นอาจารย์แล้ว ก็เห็นอีกฝ่ายนั่งซึมไปพักใหญ่ บ่อครั้งที่นั่งมองฟ้าแล้วกล่าวด้วยสายตาเลื่อนลอยซ้ำๆว่า “คู่มือประเสริฐหายไปอีกคนแล้ว…”
ต่อมาพอมีข่าวว่าจักรพรรดิสวรรค์ฟังชิงหยางได้กลับออกมาจากนรกอสุรา และหวนกลับมาทวงบัลลังก์จักรพรรดิสวรรค์เบี่ยเทียนได้แล้ว ทั้งมีข่าวลือแพร่กันออกมาหนาหูว่าบรรลุถึงขอบเขตเทพ…
วันนั้นมันจําได้ชัดเจน
อาจารย์ของมันถึงกับเปลี่ยนชุดใหม่ในรอบหลายร้อยปี และแจ้นไปจี้เมียเทียนเพื่อตามหาฟงชิงหยางเร็วไว ปากกล่าวบอกมันว่าจะรีบไปพบเจอปลอบขวัญสหายที่หนีความตายกลับมาได้เสียหน่อย
อย่างไรก็ตาม ตัวมันรู้ดี
อาจารย์ของมันไหนเลยจะแค่ไปพบหาสหายที่รอดพ้นความตายกลับมาได้เฉยๆ ไม่พ้นอาจารย์ของมันต้องไปวัดฝีมือกับฟงชิงหยางที่ต้องสงสัยว่าจะบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วเป็นแน่
ต่อมาภายหลัง อาจารย์ของมันก็กลับมาด้วยสีหน้าเฉยเมย
ถึงแม้อาจารย์มันจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่มันย่อมรู้ดีว่าไม่พ้นต้องพ่ายแพ้ผู้อื่นกลับมาแน่ หาไม่แล้วไฉนขาไปมาดคนอย่างพยัคฆ์แต่ขากลับจ๋อยเยี่ยงแมวเซาเช่นนี้
ตั้งแต่วินาทีที่มันรับทราบว่าอาจารย์ถูกผู้อื่นทุบตีแพ้พ่ายกลับมา มันก็เริ่มบูชาฟงชิงหยาง ประหนึ่งแบบอย่างชั่วชีวิต
เพราะในความประทับใจของมัน อาจารย์ผู้นี้วางท่าใหญ่โตนัก ประพฤติตัวราวกับตัวเองเป็นจ้าวสวรรค์ และมันเป็นแค่ลูกเมียน้อย ถึงแม้จะปลีกวิเวกไม่ค่อยยุ่งเรื่องโลกภายนอก แต่อาจารย์ของมันพอทราบว่าผู้ใดร้ายกาจก็มักไปท้าสู้จนได้ชัยกลับมาเสมอ และทุกครั้งก็จะมาโอ้อวดกับมันสามวันสามคืน
เรียกว่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกเลยที่มันเห็นอาจารย์สงบเสงี่ยมไม่พูดถึงเรื่องที่ไปจี้เมี่ยเทียนออกมาสักแอะ
นอกจากนั้นตัวมันก็ถูกอาจารย์ใช้อํานาจข่มเหงมาโดยตลอด หากเกียจคร้านไม่บ่มเพาะก็จะถูกติ หากทําไม่ได้ตามเป้าก็จะถูกทุบ เช่นนั้นพอเห็นอาจารย์แพ้พ่ายผู้อื่นมา มันเสมือนได้คนช่วยล้างแค้นให้ จึงมีความสุขมาก
เรียกว่าเพราะเหตุนี้มันจึงยึดถือฟงชิงหยางเป็นแบบอย่างประเสริฐ และการมาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ มันก็ถือว่าตัวเองเป็นสาวกที่ชื่นชอบฟงชิงหยางด้วย
“แต่ให้ตายเถอะ ไม่คิดเลยว่าพี่น้องต้วนจะเป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง”
พอคิดถึงจุดนี้ขึ้นมา สองตาถังซานเปาก็ลุกวาวไปด้วยความคึกคักวาดหวังประการหนึ่ง ถึงแม้จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางจะเป็นแบบอย่างประเสริฐของข้า…แต่ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ หากข้าสามารถชนะพี่น้องต้วนได้ ไม่ใช่ว่าหลังกลับไปเจอตาแก่นั่น ข้าจะได้เกทับตาแก่ยกใหญ่หรือไร?”
“รุ่นอาจารย์ท่านแพ้พ่ายผู้อื่นเขา แต่รุ่นศิษย์เป็นข้าทุบตีมีชัย!”
“เช่นนั้นไยไม่ใช่เรียกว่า แม้สีครามจะเกิดจากสีน้ำเงินแต่เข้มกว่าสีน้ำเงินหรอกหรือ?”
“หากข้าทําได้…ต่อไปตาแก่ก็คงไม่กล้าทุบตีข้าอย่างโหดร้ายอีกใช่หรือไม่ ในเมื่อข้าช่วยตาแก่กู้หน้าทางอ้อมแล้วแบบนี้?”
นี่คือความคิดในหัวถังซานเปาตอนนี้
ถึงแม้ทางพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนจะจัดเตรียมบ้านพักไว้ให้เหล่าอัจฉริยะเพียง 3,000 หลัง ทว่าจนถึงตอนนี้ยังมีผู้จับจองเข้าพักไม่ถึง 1 ใน 3 ด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่ามีคนอีกมากที่ยังเดินทางมาไม่ถึง
ครึ่งเดือนหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนมาถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน
ด้านหน้าประตูใหญ่ของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หวนสื่อเทียน ก็มีคนกลุ่มใหญ่มาถึง
ผู้ที่เห็นร่างนําหน้าคนกลุ่มใหญ่เป็นชายชราในชุดคลุมสีดําสนิท
ด้านหลังชายชราก็มีชายอีก 2 คนในชุดสีดําไม่ต่างหลังจากนั้นก็ติดตามมาด้ววกลุ่มรุ่นว์อายุไม่ถึงพันที่มีทีท่าคึกคักตื่นเต้น
“เจ้าวิหารเฟิงฮ่าวแห่งเฟิงชิงเทียน อากู้โม่”
ด้านหน้าประตูใหญ่ ชายชราชุดดํากล่าวตอบคําถามของผู้เฝ้าประตูหน้าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนออกไปเสียงเรียบ ประกาศฐานะจ้าววิหารเฟิงฮ่าวแห่งแดนสวรรค์ เฟิงชิงเทียน ออกมา
“ที่แท้เป็นใต้เท้าโม่!”
ได้ยินคํากล่าวบอกตัวตนของชายชราชุดคลุมดํา ผู้เฝ้าประตูก็เร่งคารวะทักทายด้วยความสุภาพมากเคารพทันที
เจ้าวิหารเฟิงฮ่าวของระนาบเทวโลกในระนาบเทวโลกหนึ่ง พลังฝีมือไม่ยิ่งหย่อนไปกวว่าจักรพรรดิสวรรค์ของระนาบเทวโลกอื่นๆเลย แม้แต่เจ้าวิหารเฟิงฮ่าวบางแห่งยังมีพลังฝีมือถึงขั้นเอาชนะเทพสงคราม 8-9 ดาราในสมรภูมิ 9 ยมโลกได้
เช่นนั้นกล่าววได้ว่าในระนาบเทวโลกทั้งมวล ส่วนใหญ่แล้วเจ้าวิหารเงฮาวของระนาบเทวโลก พลังฝีมือก็ไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิสวรรค์ในระนาบเทวโลกนั้นๆเลย!
จ้าววิหารเฟิงฮาวของระนาบ เฟิงชิงเทียน
ในปัจจุบันนอกจากอากูโม่กับชายชุดดําที่ติดตามมาด้านหลัง 2 คนอันเป็นชนชั้นรองจ้าววิหารแล้ว ก็มีอัจฉริยะหนุ่มสาวอีก 16 คน เป็นชายหนุ่ม 13 หญิงสาว 3 คน
“ขอเชิญใต้เท้าอากู้โม่เข้าด้านใน
ไม่นานนักก็มีร่างหนึ่งเร่งรุดเดินออกมาจากด้านในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนและเป็นเว่ยฉีที่พาพวกต้วนหลิงเทียนไปส่งยังที่พักเมื่อครึ่งเดือนก่อนนั่นเอง
ครั้งนี้ถึงแม้ศึกอัจฉริยะสวรรค์จะจัดขึ้นในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน แต่จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนที่เป็นเจ้าภาพ ก็ใช่วว่าจะออกมาต้อนรับแขกทุกคน
เพราะเกือบทุกคนที่ทําให้มันออกมาต้อนรับด้วยตัวเองได้ ล้วนมีพลังฝีมือกล้าแข็งเหนือหรือไม่ก็ทัดเทียมกับมันทั้งสิ้น
อากู้โม่ แม้จะเป็นจ้าววิหารเฟิงฮาวของเฟิงชิงเทียน ที่มีพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 8 ดาราร้ายกาจเหนือกว่าจักรรพรสวรรค์ส่วนใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอให้จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
“จักรพรรดิอมตะกระดูกมังกร”
อากู้โม่ไม่เพียงไม่ถือสาที่จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนไม่ออกมาต้อนรับมันด้วยตัวเอง กระทั่งยยามเห็นเว่ยฉียยังหัวเราะออกมาด้วยความคึกคัก “เดี๋ยวเจ้าจัดแจงให้เด็กๆด้านหลังข้าไปเข้าที่พักแล้วเสร็จ ก็พาข้ากับรองจ้าววิหารทั้ง 2 ไปเข้าพบจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนหน่อยเถอะ
“ไม่มีปัญหา”
เว่ยฉีคลี่ยิ้มพลางพยักหน้า