ตอนที่ 2963 คำสวดส่งจากเจ้าโลกบู๋เมี่ย!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“เฮอะ ผีเฒ่าบู๋เมี่ย เจ้าไม่ต้องมาทำเป็นปากดีไปหรอก! เจ้านั้นเก่งกาจกว่าที่พวกเราคิดไว้มาก แต่คนระดับเจ้ามันก็คงไม่คิดจะตายลงเช่นกันมิใช่หรือ? หากเจ้านั้นคิดจะแลกชีวิตกับพวกเราจริงๆ เจ้าจะมานั่งมองหน้าพวกเราเช่นนี้?”

คำขู่ของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นเจ้าโลกเชียหลงย่อมจะต้องหัวเราะเย้ย

เพราะแม้สถานการณ์ตอนนี้มันจะเหนือล้ำกว่าที่พวกเขาคิดไปตอนแรกมากแล้วแต่คนทั้งหลายนั้นก็ยังพออ่านความคิดของกันและกันได้

พวกเขาบ่มเพาะตัวมาจนถึงระดับนี้แล้ว มันย่อมจะไม่มีคนโง่

เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นพ่นลมตอบกลับมาเหมือนเป็นการยอมรับในคำพูดของเจ้าโลกเชียหลงไป

“ที่สำคัญไปกว่านั้นเราเองก็ไม่ได้คิดจะมาสังหารเจ้าลงด้วย ตราบเท่าที่เราขังเจ้าไว้ในทีนี้ได้แล้ว มันก็เกินพอ! หลังจากที่ลูกหลานเจ้าตายหายไปสิ้นแล้ว เราจะปล่อยเจ้าออกไปก็ยังได้” เจ้าโลกเฉียเกอกล่าวขึ้นมาพร้อมทำหน้าตาท้าทายเจ้าโลกบู๋เมี่ย

“หือ? เจ้าเด็กนั่นอ่อนแอเกินไป สติของมันแทบจะดับสิ้นไปแล้ว” เจ้าโลกเทียนเหวินกล่าว

แน่นอนล่ะว่าสภาพจิตของเย่หยวนในตอนนี้มันมีแต่ความยุ่งเหยิงและใกล้ดับลงเต็มที

ถ้าหากจิตของเขาดับลงไป ร่างวิญญาณก็จะกลายเป็นภาชนะไร้เจ้าของและเรียกได้ว่าตายลงไปอย่างแท้จริง

เพียงแค่ว่าตัวเย่หยวนนั้นยังคงตั้งจิตไว้อย่างดื้อดึง

“ร่มคลื่นม่วงอยู่ตรงหน้าข้าแล้ว!”

“ข้าจะสามารถช่วยมู่หลินเสวียได้แล้ว จะยอมตายลงเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“ไม่ได้! ข้าจะยังตายไม่ได้!”

“ไม่มีทางยอมตาย!”

ความไม่ยอมของเขานั้นทำให้จิตสุดท้ายของเขานั้นยังคงอยู่ในร่างได้ต่อไป

ต่อให้จะเป็นแค่เสี้ยวของจิตที่แสนอ่อนแอ แต่ก็ดื้อด้านไม่ยอมแตกดับลง

การช่วยเหลือมู่หลินเสวียนั้นคือสิ่งที่ผลักดันเขาจนถึงวันนี้ ดังนั้นเขาจะไม่มีทางยอมแพ้ลงแน่นอน!

สองชั่วโมง สี่ชั่วโมง…

พริบตาเดียวมันก็ผ่านไปได้หนึ่งวัน สี่เจ้าโลกนั้นย่อมจะคิดว่าเย่หยวนคงตายลงแล้วแน่นอน

แต่เขานั้นกลับยังคงดื้อด้านอยู่ต่อไป

เท่านี้แม้แต่ยอดเจ้าโลกทั้งสี่เองก็ยังต้องตกตะลึง

พวกเขาทั้งสี่นั้นกำลังตรึงพลังของกันและกันอยู่จึงเบื่อหน่ายอย่างมาก

การปรากฏตัวขึ้นของเย่หยวนและหยุนหนีนั้นมันจึงเป็นเรื่องน่าสนุกสำหรับคนทั้งสี่

เพราะฉะนั้นตอนนี้ความสนใจของพวกเขามันจึงอยู่ที่คนทั้งสองนั้น

แต่เทียบกับหยุนหนีแล้ว สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันน่าสนใจกว่ามาก

เพราะว่าเขานั้นจะตายลงได้ทุกเมื่อแล้ว

“เจ้าเด็กนี่มันช่างมีจิตใจที่หนักแน่นอะไรเช่นนี้! สภาพเช่นนี้แล้วยังไม่ยอมตายอีก!” เจ้าโลกเชียหลงกล่าวขึ้นชม

“ข้าอยากจะเห็นนักว่ามันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกัน” เฉียเกอกล่าวขึ้น

เทียนเหวินเองก็ยิ้มกล่าวขึ้น “ฮ่าๆ เบื่อๆ เช่นนี้กำลังดีเลย มาพนันกันไหมว่าเจ้าเด็กนี่จะอยู่ได้นานแค่ไหน?”

เชียหลงนั้นหัวเราะลั่นตอบกลับไป “ฮ่าๆ ความคิดดี! เจ้าเด็กนี่มีจิตที่หนักแน่นมาก ข้าว่ามันอยู่ได้อีกสิบวัน!”

เฉียเกอนั้นกล่าวขึ้นมา “ข้าว่าสิบห้าวัน!”

แต่เทียนเหวินนั้นกลับหัวเราะตอบคนทั้งสองไป “คลื่นกำเนิดในที่นี้มันมีเป็นล้าน เจ้าเด็กนี่มันไม่ได้ต่างอะไรจากเม็ดฝนที่ตกลงทะเล มันจะอยู่ได้นานอะไรขนาดนั้น? สุดท้ายแล้วมันก็ต้องกลายเป็นแค่น้ำทะเลในที่สุด! ข้าว่ามันคงอยู่ได้ไม่เกินสามวันแน่นอน! ผีเฒ่าบู๋เมี่ย เจ้าเองก็มีร่างวิญญาณหมอกหุ้ม เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

คนที่จะเข้าใจร่างวิญญาณหมอกหุ้มดีที่สุดนั้นมันย่อมจะเป็นตัวเจ้าโลกบู๋เมี่ยคนนี้

เจ้าโลกบู๋เมี่ยหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “สามเดือน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นยอดเจ้าโลกอีกสามคนก็ต้องหัวเราะลั่นขึ้น

ดูอย่างไรมันก็มุกตลก

“แม้ว่าเจ้าจะเก่งกาจแต่ก็อย่าได้คิดว่าตัวเองเหนือล้ำกว่าพวกเราให้มากนักเลย”

สภาพเช่นนี้ก็จะอยู่ได้ถึงสามเดือน?

“ผีเฒ่าบู๋เมี่ย เจ้าคงเบื่อมากแล้วถึงได้เล่นมุกให้พวกเราหัวเราะเล่น?” เทียนเหวินนั้นอดหัวเราะขึ้นถามไม่ได้

“อย่าว่าแต่เจ้าเด็กนี่เลย แม้แต่ตัวข้าเองหากยังเป็นมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ข้าเองก็อยู่ได้ไม่เกินเดือนแน่นอน! เจ้ากลับบอกว่ามันจะอยู่ได้ถึงสามเดือนหรือ?” เจ้าโลกเฉียเกอนั้นกล่าวขึ้นมาขัด

“ในที่แห่งนี้ไม่มีอะไรช่วยเหลือมันได้ จิตของมันนั้นเริ่มแตกสลายลงไปแล้ว หากมันยังสามารถอยู่ในสภาพนี้ไปได้อีกสามเดือนข้าจะถอดหัวออกมาให้เจ้าเตะเล่นเลย!” เจ้าโลกเชียหลงกล่าวเย้ยขึ้น

เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นหันไปมองหน้าคนทั้งสามและกล่าว “เช่นนั้นก็เตรียมตัวถูกเตะหัวได้เลย”

พูดจบเขาก็นั่งเงียบลง

เรื่องของเย่หยวน ผู้มีร่างวิญญาณหมอกหุ้มคนที่สองนี้ตัวเจ้าโลกบู๋เมี่ยย่อมจะสนใจอย่างมาก

เพราะเขานั้นเหมือนได้เห็นตัวเองสมัยหนุ่มๆ ในเย่หยวน

มิใช่เพราะร่างวิญญาณหมอกหุ้ม แต่เพราะนิสัย!

ความไม่ยอมใครนั้น ความดื้อด้านอันเหนือล้ำนี้ เขาเห็นมันชัดเจนจากตัวเย่หยวน

ก่อนนั้นตัวเขาเพียงคนเดียวได้นำตระกูลวิญญาณนิพพานขึ้นผงาดภายใต้การกดดันของตระกูลวิญญาณฉี

เรื่องเช่นนั้นมันย่อมจะยากเย็นเหนือล้ำจินตนาการ

กี่ครั้งที่เขาต้องเผชิญหน้าความตาย

กี่ครั้งที่เขาต้องพ่ายแพ้ล้มเหลว แต่เขานั้นก็ผ่านมาได้ด้วยความไม่ยอมแพ้

แต่ด้วยร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นเขารู้ดีว่าเย่หยวนกำลังเจออะไร

หากไม่มีพลังภายนอกเข้าช่วยเหลือ มันย่อมจะไม่มีทางผ่านไปได้แน่นอน!

เย่หยวนมาผิดที่!

หากเย่หยวนเข้ามาตอนอาณาจักรคลื่นกำเนิดแล้วที่แห่งนี้คงเป็นดั่งสรวงสวรรค์

แต่เย่หยวนในตอนนี้อ่อนแอเกินไป!

ด้วยพลังแค่นี้แล้วสนามรบเทพฉงนมันเป็นเหมือนขุมนรกของผู้มีร่างวิญญาณหมอกหุ้ม

เพราะฉะนั้นเขาจึงบอกว่าสามเดือนออกมา

ไม่นานสามวันก็ผ่านไป

คนที่ถูกตบคนแรกย่อมจะเป็นเจ้าโลกเทียนเหวิน

เทียนเหวินนั้นได้ทำหน้าเหยเกกล่าวขึ้น “ไอ้เด็กนี่มันกลับดื้อด้านเหมือนอุจจาระที่ไม่ยอมลงโถ ทนเช่นนี้ต่อไปมันจะได้อะไรกัน?”

เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นยิ้มกล่าวขึ้น “เพราะฉะนั้นเจ้าถึงถูกข้าก้าวนำขึ้นมาอย่างไรเล่า!”

เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นกัดฟันแน่นขึ้นร้องลั่นทันที “บู๋เมี่ย เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”

เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้ม “เหอะ? หากเจ้าอยากตายไปด้วยกันก็มา!”

เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นได้แต่ต้องหุบปากลงไป

ตอนที่เจ้าโลกบู๋เมี่ยยังไม่เกิด ตัวเขาก็เป็นยอดเจ้าโลกแล้ว

แต่เวลาผ่านไปเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นกลับพัฒนาตัวเองจนเกินล้ำเขาไปมาก

จะอย่างไรมันก็คงนับเป็นเรื่องน่าอับอายแน่นอน

หากมิใช่เพราะตระกูลวิญญาณฉียังมีเจ้าโลกหลุนฮวยแล้ว

พวกเขาคงถูกตระกูลวิญญาณนิพพานขึ้นมาปกครองแทนแล้ว

เพียงแค่ว่าตัวเจ้าโลกหลุนฮวยนั้นสูงส่งเหนือฟ้าเดินทางไปทั่วสวรรค์

และไม่ได้คิดสนใจเรื่องภายในเผ่าวิญญาณมากมาย

หากมิใช่เพราะว่าตัวตนของเขาผู้นั้น เจ้าโลกเทียนเหวินแค่คนเดียวนี้คงเสียอำนาจให้ตระกูลวิญญาณนิพพานไปนานแล้ว

สิบวันจากนั้นเจ้าโลกเชียหลงก็ต้องถูกตบหน้าบ้าง

“เจ้าเด็กนี่มันจะเกินคนไปหรือไม่? มันคิดว่าตัวเองจะต่อต้านสวรรค์ได้หรือ?” เชียหลงกล่าวขึ้น

จากนั้นสิบห้าวันมันก็เป็นตาของเจ้าโลกเฉียเกอบ้าง

เจ้าเด็กคนนี้มันกลับรอดมาได้ถึงสิบห้าวัน!

นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?

“การฝืนทนต่อไปเช่นนี้มันไม่ได้ประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย! มันย่อมจะไม่มีทางรอดไปได้แน่นอน” เฉียเกอกล่าวขึ้นพร้อมถอนหายใจยาว

เวลาค่อยๆ ผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่ยี่สิบ ถึงหนึ่งเดือน!

จนสุดท้ายก็ผ่านไปถึงสามเดือน!

ครั้งนี้เป็นตาของเจ้าโลกบู๋เมี่ยบ้างแล้วที่ถูกตบหน้า!

เพราะเย่หยวนนั้นกลับอยู่รอดมาได้ถึงสามเดือน!

เท่านี้ยอดเจ้าโลกทั้งสี่ก็ต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน

“เจ้าเด็กนี่มันมีบ่วงอะไรที่ไม่อาจปล่อยวางได้ขนาดนั้น? ฝืนทนอยู่ด้วยเสี้ยวจิตเช่นนี้มันคิดจะอยู่ต่อไปจนฟ้าดินแตกสลายหรืออย่างไร? ฮ่าๆ ผีเฒ่าบู๋เมี่ย ดูท่าแม้แต่เจ้าเองก็จะเดาไม่ถูกเช่นกัน!” เจ้าโลกเชียหลงนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา

เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นถอนหายใจยาวออกมา “เจ้าหนุ่ม ยอมแพ้เสียเถอะ ฝืนทนต่อไปเช่นนี้มันก็ไม่ได้อะไร มันไม่มีความหมายใด!”

คำพูดของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นมันแฝงไปด้วยความอาลัยส่งตรงไปยังจิตสุดท้ายของเย่หยวนนั้น

แต่เขานั้นกลับไม่คิดฝันว่าคำพูดเดียวนี้มันกลับมีฤทธิ์เหมือนเป็นยาวิเศษ!

พริบตาเดียวนั้นร่างหมอกของเย่หยวนมันก็ขยับขึ้น!