ตอนที่ 3447 : สหายได้พบกันอีกครั้ง
การปรากฏตัวของอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนแล้วคนเล่า ก็ได้ดึงดูดความสนใจ และสร้างความประหลาดใจให้ผู้คนมากมาย
แน่นอนว่ายังมีอัจฉริยะหลายคนที่ไม่เป็นที่รู้จัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกมันจําต้องอ่อนแอเสมอไป อย่างไรก็ตามด้วยความที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามจึงถูกละเลยเป็นธรรมดา แต่พวกมันก็ไม่ได้สนใจอะไร
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลยว่าสหายทั้ง 2 คนของเขาก็ได้มาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ด้วยและที่สําคัญในสายตาคนอื่นเขากลายเป็นแค่คนที่มาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์เพื่อความหรรษาไปแล้ว
ทุกคนคิดว่าเขาที่มีอายุแค่ 600 ปี ได้ถูกกําหนดไว้แล้วว่าคงไม่อาจเผยพลังอันน่าตื่นตาตื่นใจอะไรได้ในศึกอัจฉริยะสวรรค์
ดังคํากล่าวที่ว่า
ที่ไหนมีคน ที่นั่นมีข้อพิพาท
ในสถานที่พักของเหล่าอัจฉริยะนั้น ด้วยความที่มีอัจฉริยะแห่แหนกันมาจากระนาบเทวโลกต่างๆ ย่อมไม่ขาดการเปรียบเทียบ ทําให้เริ่มเกิดเหตุการณ์โต้เถียงกันขึ้นมา สุดท้ายก็บานปลายจนตีกัน อย่างไรก็ตามขอเพียงไม่ลงมือรุนแรงจนจะฆ่ากันให้ตายไปข้าง ทางพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนก็จะไม่เข้าแทรกแทรง
เป็นธรรมดาว่าถึงอัจฉริยะเหล่านี้จะมีอายุไม่ถึงพันปี แต่ก็คือสุดยอดอัจฉริยะที่รวบรวมมาจากทั่วทกระนาบเทวโลก
ในบรรดาอัจฉริยะเหล่านี้ มีแม้กระทั่งเทพสงคราม 5 ดารา
เช่นนั้นคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ที่คอยตรวจตราดูแลความสงบนั้น ก็ต้องมีพลังระดับเทพสงคราม 6 ดาราขึ้นไปเพราะมีแต่ตัวตนระดับนี้ถึงจะสามารถลงมือระงับเหตุได้ทัน…
“อวี้หวงเทียนของพวกเรามีอัจฉระอายุแค่ 600 ปีเศษแล้วทําไม สุดท้ายผู้อื่นก็ผ่านการทดสอวัดคุณสมบัติของวิหารเฟิงฮ่าวเรียบร้อยแล้วคิดว่าพวกเจ้าคนของหลางหยวนเทียนแน่นักเหรอ ไฉนไม่มีอัจฉริยะอายุน้อยเช่นอขี้หวงเทียนเราบ้างเล่า?”
อัจฉริยะของอวี้หวงเทียนกับอัจฉระของหลางหยวนเทียนได้มีปากเสียงกัน เพราะคนของอวี้หวงเทียนถูกคนของหลางหยยวนเทียนกล่าวแขวะ ว่าอัจฉริยะอายุน้อยของอวี้หวงเทียนนั้นไม่อาจนับเป็นตัวอะไร และไม่น่าจะผ่านการทดสอวัดคุณสมบัติของวิหารเฟิงฮ่าวด้วยซ้ำ
“หึ!”
อัจฉริยะของหลางหวนเทียนพ่นล่มสบถเยียบเย็น “ผู้ใดจะไปรู้ว่าวิหารเฟิงฮ่าวของอวี้หวงเทียนพวกเจ้า ใช่มีมาตรฐานการทดสอบต่ำไปหรือไม่ ถึงได้ปล่อยให้คนอายุแค่ 600 ปีเศษผ่านการทดสอมาได้?”
“มาตรฐานในการทดสอบต่ำ?”
อัจฉริยะของอววี้หวงเทียนหัวเราะเสียงเย็น “พลังฝีมือของซูหล่อยู่ในอันดับต้นๆของพวกเราที่เข้าทดสอบคุณสมบัติของวิหารเฟิงฮ่าวด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับสงสัยว่ามันผ่านการทดสอบมาได้เพราะมาตรฐานการทดสอบวิหารเฟิงฮ่าวสาขาอี้หวงเทียนเราต่ำ?”
“ปากดีเช่นนี้ สนใจประลองชี้แนะกับข้าสักคราหรือไม่?”
สองตาของอัจฉริยะจากอวี้หวงเทียนยฉายชัดถึงเจตนาต่อสู้
“ก็มาสิวะ! คิดว่าผู้อื่นกลัวหรือไร พววกเจ้าจะมัดรวมกันมาก็ยังได้!”
จากนั้นอัจฉริยะของอววี้หวงเทียนกับหลางหยวนเทียนก็ตีกันนัว
พลังฝีมือของทั้งคู่ก็ใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม
ฉากดังกล่าวก็ไม่ได้ทําให้ผู้ที่อยู่รอบๆแปลกใจอะไร แต่ที่ทําให้ทุกคนแปลกใจก็คืออวี้หววงเทียนมีอัจฉริยะที่อายุได้ 600 ปีเศษจริงๆหรือ แถมพลังฝีมือยังเหนือกว่าผู้ที่กําลังฉะกับคนของหลางหยวนเทียนอีก?
ต้องทราบว่าคนของอวี้หวงเทียนที่แลกหมัดกับคนของหลางหยวนเทียนก็จวนเจียนจะเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามอยู่แล้ว!
ถ้าคนที่พูดถึงแข็งแกร่งกว่า ไยมิใช่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว?
“ให้ตายเถอะ ถ้าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่หมายความว่าคนที่เจ้านั่นพูดถึงเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามตั้งแต่มีอายุได้ 600 ปีรีไง”
“มารดามันเถอะ! จักรพรรดิอมตะสมญานามที่อายุ 600 เรอะ! ให้มองย้อนไปในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก ตัวตนเช่นนี้มิใช่สุดยอดอัจฉริยะที่ยากพานพบดั่งเขากิเลนขนหงส์หรือไร? แต่กลับปรากฏขึ้นในอขี้หวงเทียนแล้วคนหนึ่ง?”
“พวกเจ้าว่าที่เจ้านั่นมันพูด ที่แท้จริงหรือหลอก?”
หลังข่าวเรื่องที่อวี้หวงเทียนมีอัจฉริยะอายุได้ 600 ปีเศษ แต่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้วแพร่ออกไป ก็ทําให้หลายๆคนแตกตื่นนัก
หลายคนยังจดจําชื่ออัจฉริยะที่ว่าได้
ซูหลี่!
“ซูหลี่ อายุได้ 600 ปีเศษ แต่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว?”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเดินออกมาจากบ้านพักเพื่อสูดอากาศ ก็บังเอิญได้ยินผู้คนหน้าบ้านเอ่ยถึงเรื่องนี้พอดี “อัจฉริยะที่ว่ายยังมาจากอวี้หวงเทียน?”
“ดูเหมือนหลายปีที่ผ่าน ความก้าวหน้าของซูหลี่ก็มีไม่น้อยทีเดียว”
ต้วนหลิงเทียนสายยหัวไปมาพลางยิ้ม
ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเดาได้ ว่าซูหลี่ของอวี้หวงเทียนที่ว่าเป็นคนๆเดียวกับซูหลี่สหายเขา
ครั้งสุดท้ายที่เขาไปเยือนแดนทักษินยุทธ์ของอี้หวงเทียน ซูหลี่ก็ก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย ววกกับรากฐฐานของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ถ้าพยายามสนับสนุนปลูกฝังซูหลี่เต็มกําลัง เช่นนั้นซูหลี่ก็ไม่มีทางที่จะไม่ประสบความสําเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่จะกลับ เขายังได้ยินจูเก่อฟังผู้นําขุนเขากระบี่คนหนึ่งของนกายกระบี่หมื่นหายนะบอกว่า นิกายกระบี่หมื่นหายนะเตรียมทุ่มทุนเพาะสร้างยอดฝีมือที่จะสามารถนําพาความรุ่งโรจน์มาสู่นิกายกระบีหมื่นหายนะได้
และผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นยอดฝีมือคนนั้นก็คือซูหลี่ย
เรียกว่าซูหลีได้ถูกนิกายตั้งความหวังไว้สูงมาก!
เป้าหมายสูงสุดของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ก็คือหวังให้ซูหลี่เอาชนะจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียนและแทนที่จักรพรรดิหยกได้ มีเพียงทําเรื่องนี้ได้สําเร็จ นิกายกระบี่หมื่นหายนะถึงจะฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ในอดีต และก้าวหน้าไปอีกขั้นได้สําเร็จ!
และการเดินออกมาจากบ้านของต้วนหลิงเทียน ก็เริ่มดึงดูดความสนใจของผู้คนแถวนั้นทันที
“เฮ่ นั่นใช่ต้วนหลิงเทียนรึเปล่า? ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง?”
“หน้าตามันแลดูหล่อเหลาลักษณะไม่ธรรมดายิ่ง…แต่อย่างไรเสียด้วยอายุแค่ 600 ปีเศษ มันจะประสบความสําเร็จเลิศล้ำอันใดได้เล่า?”
“อายุ 600 ปีเศษดุจเดียวกัน แต่ข้าว่าซูหลี่ของอวี้หวงเทียนนั่นไม่พ้นต้องบดขยยิ้มันให้แหลกได้ง่ายๆ!”
หลายคนเริ่มยกซูหลี่ขึ้นมาเปรียบเทียบกับต้วนหลิงเทียนทันที และคิดว่าต้วนหลิงเทียนด้อยกว่าซูหลี่มาก
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่เคยสนใจเสียงนินทาใดๆ เพียงเอ่ยถามผู้คนที่ผ่านไปมา เพื่อถามทางไปยังเขตบ้านพักที่คนของอวี่หวงเทียนรวมตัวกันอยู่
ผู้ที่ถูกวิหารเฟิงฮาวของอววี้หวงเทียนพามา ก็เลือกที่จะพักใกล้ๆกัน
พอต้วนหลิงเทียนมาถึง คนของอวี้หวงเทียนจํานวนมากก็จับตามองเขาไม่วางตา พววกมันไม่ใช่คนตาบอดหูหนวก เช่นนั้นเสียงเซ็งแซ่ที่ดังมาแต่ไกลทั้งคนชุดม่ววงที่กําลังก้าวอาดๆมา ก็ทําให้พวกมันเข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยาก และรู้ว่าผู้มาเป็นใคร!
ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ในตํานาน ฟงชิงหยางแห่งจี้เมี่ยเทียน ต้วนหลิงเทียน ที่มีอายุ 600 ปีเศษเช่นกัน!
–
ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีอายุพอๆกับอัจฉริยะของอวี้หวงเทียนมัน แต่พวกมันก็ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้จะสามารถเทียบกับซูหลีของพวกมันได้!
เพราะในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลกนั้น ตัวตที่บรรลุพลังฝีมือระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ตั้งแต่อายุน้อยๆ แทบจะไม่เคยปรากฏขึ้นถึง 2 คนในเวลาเดียวกันเลย
“โทษทีที่รบกวน แต่พวกเจ้ารู้ไหมว่าซูหลี่อยู่บ้านหลังใด?” ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามคนของอวี่หวงเทียนด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามาหาซูหลี่งั้นหรือ?”
ทันใดนั้นอัจฉริยะหนุ่มคนหนึ่งของอวี่หวงเทียนก็ขมวดคิ้วย่นยู่ ส่ายหัววไปมาพลางกล่าวว่า “ต้วนหลิงเทียน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง พอเจ้าถูกผู้คนบอกว่าด้อยกว่าซูหลี่ เจ้าจะบังเกิดความไม่พอใจก็ไม่แปลก ก็เลยคิดมาท้าซูหลี่ประลองเพื่อพิสูจน์ตัวเองสินะ?”
“แต่ข้าขอแนะนําว่าเจ้าอย่าได้ทําแบบนั้นเลย เพื่อไม่ให้เจ้าต้องทําตัววเองขายหน้า”
“พลังฝีมือของซูหลี่ไม่ได้ง่ายดายแค่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วไป”
เห็นได้ชัดว่าอัจฉริยะของอี้หวงเทียนกําลังเกลี้ยกล่อมต้วนหลิงเทียน
พอต้วนหลิงเทียนได้ยินคําพูดของอีกฝ่าย เขาก็ทราบได้ทันทีว่าอีกฝ่ายยกําลัเข้าใจผิด สิ่งนี้ทําให้เขารู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามได้ยินคําพูดของอีกฝ่าย ก็อดทําให้สองตาเขาลุกวาวนมาไม่ได้ “ไม่ได้ง่ายดายแค่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วไป?”
หรือพลังฝีมือของซูหลี่แตะถึงระดับเทพสงคราม 2 ดาราแล้ว?
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนมองไปอัจฉระของอี้หวงเทียนเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะสายยหน้ากล่าวว่า “ที่ข้ามาหาซูหลไม่ใช่เพราะจะท้าประลอง…แต่ข้ามาหาซูหลี่เพราะซูหลี่เป็นสหายของข้า”
“หือ? ซูหลี่เป็นสหายของเจ้ารึ?”
คําพูดของต้วนหลิงเทียนทําให้อัจฉริยะของอี้หวงเทียนอดไม่ได้ที่จะตะลึง ด้วยไม่คิดว่า ซูหลี่อัจฉริยะของอ หวงเทียนมันจะรู้จักกันกับศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแห่งจี้เมี่ยเทียน แถมอีกฝ่ายยังบอกว่าซูหลี่เป็นสหายอีก!
มันย่อมรู้ดีว่าด้วฐานะของอีกฝ่าย ไม่จําเป็นที่ต้องโกหกมันเรื่องเป็นสหายกับซูหลี่เลย
พรสวรรค์ของซูหลี่อาจจะสูงกว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าในเวลานี้ แต่อนาคตของชายหนุ่มเบื้องหน้าถูกกําหนดไว้แล้วว่าต้องเหนือกว่าซูหลี่แน่นอน! และวันหน้าซูหลี่เผลอๆจะทําได้แค่แหงนมองอีกฝ่ายเท่านั้น
ภายใต้การนําทางของอัจฉริยะอวี้หวงเทียน ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ได้พบกัซูหลี่อีกครั้ง
“ฮ่าๆๆ! ต้วนหลิงเทียน ตั้งแต่วันแรกที่ข้ามาถึง ข้าก็ได้ยินว่าเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว”
พอพบเจอต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ซูหลี่ ก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “แต่ข้าได้ยินคนพูดกันว่าเจ้ามาถึงก็เข้าบ้านปิดประตูเงียบไปเลย ข้าก็เลยคิดว่าเจ้าน่าจะปิดด่านบ่มเพาะอยู่ เลยไม่ไปกวนเจ้า”
“มาๆ เข้ามาในบ้านข้าก่อนค่อยคุย”
ท่ามกลางสายยตาประหาดใจของเหล่าอัจฉริยะจากอ หวงเทียน ซูหลี่ก็ได้เชิญต้วนหลิงเทียนเข้าบ้าน
“เฮ่ ดูเหมือนซูหลี่กับต้วนหลิงเทียนจะไม่ใช่สหายที่รู้จักกันธรรมดาๆนะ?”
“นั่นสิ ข้าไม่เคยเห็นซูหลี่ยิ้มมาก่อนเลย ดูท่าพวกมันจะเป็นสหายกันนานแล้ว”
“ซูหลีไปรู้จักตัวตนเช่นนั้นได้อย่างไร?”
ในขณะที่อัจฉริยะของอวี้หวงเทียนกําลังอุทานด้วยความแปลกใจ ต้วนหลิงเทียนก็เดินเข้าบ้านพักของซูหลี่ตามคําชวน บ้านพักของเหล่าศิษย์อัจฉริยะก็ค่อนข้างกว้างขวางไม่น้อย พอเข้ามาแล้วทั้งคู่ก็ไปนั่งลงบนโต๊ะหน้าเตียงทันที
“ซูหลี่ จะว่าไปพวกเราก็ไม่ได้เจอกันหลายร้อยปีแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เจ้าเป็นไงบ้างเล่า สบายดีหรือไม่?”
“ข้าสบายดีมาก”
ซูหลี่คลี่ยิ้มพลางพยักหน้ารับ “หลายปีที่ผ่านมานิกายได้ทุ่มกําลังปลูกฝังข้าอย่างเต็มที่ เรียกว่าพยายามทุกอย่างเท่าที่จะทําได้แล้ว แต่สิ่งนี้ก็ทําให้ข้ารู้สึกกดดันมาก เพราะข้ารู้ว่าทั้งนิกายตั้งความหวังกับข้าสูงลิบ”
กล่าวถึงจุดนี้ รอยยิ้มร่าบนใบหน้าซูหลี่ก็กลายเป็นรอยยิ้มขึ้นขม
“เจ้าก็น่าจะรู้จุดประสงค์ของนิกายแล้วสินะ?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
ครั้งสุดท้ายที่เขาไปเยือนนิกายกระบี่หมื่นหายนะ เขาเองก็ได้รับทราบถึงเป้าหมายในอนาคตของนิกายจากจูเก่อฟง จึงทราบว่านิกายกระบี่หมื่นหายนะตั้งความหวังไว้กับซูหลี่สูงมาก และเลือกจะปลูกฝังซูหลี่สุดกําลังเพื่อให้สักวันซูหลี่จะเอาชนะจักรพรรดิสวรรค์ของอวี้หวงเทียนและแทนที่อีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นซูหลี่ไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย
แม้แต่จูเก่อฟงก็ได้กําชับเขาเอาไว้ ว่าอย่าพึ่งไปบอกซูหลี่เกี่ยวกับเรื่องนี้ จะได้ไม่เป็นการกดดันซูหลี่มากเกินไป
“ช้าก่อน…ฟังจากที่เจ้าพูด ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องนี้แต่แรก?”
ได้ยินคําถามของต้วนหลิงเทียน รอยยิ้มขึ้นขมของซูหลี่ยิ่งมาก็ยิ่งมาก
ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆกล่าวตอบ “ข้ารู้ตั้งแต่ตอนที่พวกเราพบกันครั้งสุดท้ายนั่นล่ะแต่เพราะคนที่บอกให้ข้ารู้เรื่องนี้กําชับข้าเอาไว้ไม่ให้บอกเจ้า ก็ไม่ใช่อะไรหรอกทั้งหมดเพราะกลัวว่าเจ้าจะรู้สึกกดดันมากเกินไปจนส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะฝึกปรือของเจ้า”
ซูหลี่พอได้ฟังก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาพลางทอดถอนใจ “ตอนนี้ข้าก็เลยไม่เหลือทางถอยแล้วนี่ไง… นิกายกระบี่หมื่นหายนะทุ่มเทกับข้ามากเกินไป วันหน้าข้าต้องทําตามความคาดหวังและประสบผลสําเร็จตามเป้าให้ได้”
“เจ้าทําได้แน่”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มพลางกล่าว “เผลอๆ อีกไม่นานนักข้าอาจจะมีเพื่อนเป็นจักรพรรดิสวรรค์”