บทที่ 1586 ผู้หญิงที่น่าสงสาร
เป็นเที่ยวบินตอนตีหนึ่ง
เพียงแต่ขณะนี้มีปัญหายุ่งยากเรื่องหนึ่ง ตั้งแต่สองวันก่อนหม่าชาวก็อยู่ในอาการโคม่า
จนป่านนี้ก็ยังไม่ฟื้น
และตอนนี้หยางเฉินก็ต้องรีบกลับไปที่เมืองเยี่ยนตู สถานการณ์ของหม่าชาวตอนนี้ ซึ่งไม่เหมาะที่จะไปเมืองเยี่ยนตู
บทก่อนหน้า
รายการบท
บทต่อไป
ในขณะที่หยางเฉินไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องของหม่าชาวยังไง
แค่พยักหน้าติดต่อกัน สีหน้าของเธอยังมีความสุขอยู่เล็กน้อย
โทรศัพท์ของเฝิงเจียหยี ก็ดังขึ้น หลังจากที่เธอรับสาย
เฝิงเจียหยีเงียบไปพักใหญ่ แล้วพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำว่า “ขอโทษค่ะ ฉันเสียมารยาทแล้ว รบกวนแล้วค่ะ!”
พูดจบ เธอหันหลังแล้วเตรียมที่จะไป
“รอเดี๋ยว!”
พอเธอกำลังจะไป จู่ๆ หยางเฉินก็พูดออกมา
เฝิงเจียหยีหยุดเดินทันที หมุนตัว แล้วหันมองหยางเฉินด้วยสีหน้าที่คาดหวัง
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “ในเมื่อคุณรู้ว่าผมเป็นชายที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพมาก ก็น่าจะรู้ว่า ผมมีลูกมีเมียแล้ว ผมรักพวกเธอมาก ไม่มีทางที่จะทำเรื่องที่ผิดต่อพวกเธอเด็ดขาด”
เฝิงเจียหยีรีบพยักหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ยตัวเองว่า “คุณไม่ต้องห่วง การที่จะให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงของคุณ มันก็แค่ความตั้งใจของพ่อฉัน ฉันรู้จักตัวฉันดี รู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคุณ ฉันจะไม่มีทางคิดอะไรไม่ซื่อแน่นอน”
หยางเฉินพูดต่อ “อีกอย่าง เพื่อนของผม ต่างคบกันอย่างจริงใจ และไม่ได้คบกันด้วยผลประโยชน์ การที่คุณเข้าหาผมเห็นได้ชัดว่าก็อยากเป็นเพื่อนของผมเหมือนกัน แต่ว่า คุณทำเพื่อราชวงศ์เฝิง ถึงได้เข้าหาผม ดังนั้น การที่อยากกลายเป็นเพื่อนของผม อย่างน้อยตอนนี้ ยังเป็นไปไม่ได้”
เฝิงเจียหยีจิตตกทันที แล้วพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว!”
หยางเฉินพูด “เพียงแต่ ตอนนี้ผมขาดคนรับใช้คนหนึ่ง ไม่ทราบว่าคุณหนูเฝิง จะสนใจมั้ย”
พอได้ยินอย่างนั้น เฝิงเจียหยีก็ถึงกับหน้าเกร็งไปเลย เธอที่เป็นถึงคุณหนูเฝิงจะให้ไปเป็นคนรับใช้ของคนอื่นเนี่ยนะ?
พอเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของเธอ หยางเฉินก็พูดออกมาอย่างสบายใจว่า “และผมยังจะบอกคุณอีกว่า ต่อให้คุณมาเป็นคนรับใช้ให้ผม ถ้าอนาคตราชวงศ์เฝิงเกิดตกอยู่ในอันตรายขึ้นมา ผมก็ยังไม่เข้าไปยุ่งอยู่ดี?
“เหมือนกับการที่น้องชายของผมต้องเผชิญหน้ากับไป๋หลี่เยี่ยนที่เก่งกว่าเขามาก แล้วราชวงศ์เฝิงก็ยังเลือกที่จะไม่เข้ามายุ่ง”
“ถ้าคุณรับได้ ก็สามารถอยู่กับผมต่อได้ แต่ถ้ยอมรับไม่ได้ งั้นก็เชิญ!”
พอเห็นสีหน้าที่เย็นชาของหยางเฉิน เฝิงเจียหยีก็รู้สึกแย่ขึ้นมา
แต่เธอก็สามารถเข้าใจได้ การที่เฝิงจื้อหย่วนกับหม่าชาวสู้ตายกับไป๋หลี่เยี่ยน ขอแค่กษัตริย์เฝิงออกโรง เฝิงจื้อหย่วนก็คงไม่เลือกที่จะระเบิดตัวเองจนตาย หม่าชาวก็คงไม่ต้องเจ็บหนักจนไม่ได้สติ
แต่ว่า กษัตริย์เฝิงกลับยืนดูอยู่ข้างๆ จนทำให้สถานการณ์ตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่แบบนี้
ต่อให้หยางเฉินจะยอมผูกมิตรกับราชวงศ์เฝิง หม่าชาวก็คงไม่ยอมหรอกมั้ง?
แต่ว่า ในเมื่อหม่าชาวไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับราชวงศ์เฝิง แล้วหยางเฉินจะทรยศต่อการตัดสินใจของน้องชายได้ยังไง?
เธอเองก็รู้ดีว่า
ต่อไปหยางเฉินจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่มีต่อเธอรึเปล่านะ?
หยางเฉินเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพมาก ถ้าเธอกลายเป็นคนรับใช้ของเธอจริงๆ
พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าที่ลังเลของเธอก็ได้หายไป แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง “ฉันยอมรับ!”
หยางเฉินตกใจเล็กน้อย
ความจริงเขาก็ปฏิเสธผู้หญิงคนนี้ไม่ลงหรอก ก็เป็นอย่างที่เธอพูด
กษัตริย์เฝิงก็คือกษัตริย์เฝิง ส่วนเธอก็คือเธอ
การที่หยางเฉินได้อยู่กับเฝิงเจียหยีในช่วงสั้นๆ ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เคยทำอะไรที่ผิดต่อเขาและหม่าชาวเลย
รวมถึงเฝิงจื้อเอ้า ก็ไม่ต่างกัน
อีกอย่างก็คือ หม่าชาวไม่มีทางยกโทษให้ราชวงศ์เฝิง ดังนั้นเขาก็ไม่มีทางยกโทษให้ราชวงศ์เฝิงด้วย
ดังนั้น
การที่เขาจงใจบอกว่าให้เฝิงเจียหยีมาเป็นคนรับใช้ของตนได้ ก็เพื่อให้เธอยอมถอย ไม่นึกเลยว่า
เธอจะยอมรับข้อเสนอนี้ซะได้
หยางเฉินพูดต่อ
ถ้าในวันหนึ่งราชวงศ์เกิดตกอยู่ในอันตรายขึ้นมา ผมก็จะยังยืนดูอยู่ข้างๆ”
“นี่ผมพูดได้ไม่ชัดเจน? หรือคุณไม่เข้าใจที่ผมพูดกัน? ต่อให้คุณมาเป็นคนรับใช้ของผม
“ไม่แน่ ผมยังอาจจะเข้าไปซ้ำเติมด้วยซ้ำ แน่นอนว่า ทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของน้องชายผม”
“ตอนนี้ คุณยังจะอยากเป็นคนรับใช้ของผมอีกมั้ย?”
เฝิงเจียหยีตอบมาอย่างไม่ลังเลว่า “ฉันเข้าใจค่ะ!”
จู่ๆ
อีกฝ่ายไม่เพียงไม่ถอย แต่กลับรู้ว่าลำบากแล้วยังวิ่งเข้าใส่อีก
หยางเฉินก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าการที่ตนจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่จนถอยกลับไป
แต่เขาพูดออกไปแล้วว่าจะให้เฝิงเจียหยีมาเป็นคนรับใช้ มาปฏิเสธตอนนี้ เหมือนจะไม่เหมาะเท่าไหร่
หยางเฉินจึงพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “ตกลง ในเมื่อคุณอยากเป็นคนรับใช้ของผม งั้นผมก็จัดให้”
ด้วยเหตุนี้ องค์หญิงในรุ่นปัจจุบันแห่งราชวงศ์เฝิง ก็ได้กลายเป็นคนรับใช้ของหยางเฉินไปแล้ว
เฝิงเจียหยีจึงถามไปว่า “ตอนนี้คุณคิดจะเอายังไงต่อ? แล้วฉันสามารถช่วยอะไรคุณได้บ้าง?”
หยางเฉินตอบไปว่า “ผมมีเวลาแค่สองวัน
หาทางตามหาลูกเมียของหม่าชาวกับน้องสาวเฝิงเสียวหว่านของผมให้เจอ”
ภายในสองวันนี้ จะยังอยู่ที่ราชวงศ์เฝิง
“ผมอยากใช้หน่วยข่าวกรองของราชวงศ์เฝิงเพื่อให้ได้มาซึ่งเบาะแสบางอย่าง คุณสามารถทำได้มั้ย?”
เฝิงเจียหยีพยักหน้า “ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ค่ะ!”
พูดจบ
เธอก็ยกมือถือขึ้นมาโทรต่อหน้าหยางเฉิน ไม่นานก็มีน้ำเสียงที่นอบน้อมดังขึ้นจากอีกด้าน
“คุณหนู โทรหาผมเหรอครับ?”
เฝิงเจียหยีเริ่มพูด “ฉันต้องการตามหาคนสามคน……”
ไม่นาน เฝิงเจียหยีก็ใช้อำนาจของตนในราชวงศ์เฝิง เริ่มช่วยหยางเฉินตามหาพวกอ้ายหลินทันที
เฝิงเจียหยีถามขึ้นอีกว่า “ตอนนี้ ยังมีอะไรให้ฉันทำอีกมั้ย?”
หยางเฉินตอบ “ผมหิวแล้ว ไม่คุ้นกับอาหารของโรงแรม คุณช่วยไปทำให้ผมหน่อยนะ!”
เฝิงเจียหยีตอบมาอย่างไม่ลังเลว่า “ได้!”
ไม่นาน อาหารที่น่ากินก็ตั้งเต็มโต๊ะ
หยางเฉินถึงได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ทำเป็นทุกอย่างเลย ไม่เพียงโดดเด่นในด้านวิถีบู๊ ยังทำอาหารเป็นด้วย
อาหารทั่วไปรสชาติถูกปากหยางเฉินมาก
หลังจากที่หยางเฉินกินเสร็จแล้ว เฝิงเจียหยีก็เข้ามาเก็บโต๊ะอย่างขยันขันแข็ง
พอทำเสร็จ เธอก็ถามต่อว่า
“ยังมีอะไรให้ฉันทำอีกมั้ย?”
หยางเฉินได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกปรกของตัวเองออกไปเรียบร้อยแล้ว จึงพูดไปว่า “ช่วยซักเสื้อให้ผมหน่อย จริงด้วยกางเกงก็ซักไปด้วยกันเลย”
เฝิงเจียหยีตอบ “ได้!”
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่เธอทำเรื่องที่หยางเฉินมอบหมายให้เสร็จ หยางเฉินก็จะสั่งให้เธอไปทำอย่างอื่นอีก
เฝิงเจียหยีเหมือนคนที่ทำได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่เป็นเลย
เดิมทีหยางเฉินตั้งใจจะทำให้เฝิงเจียหยีรู้สึกแย่จนต้องถอย
เชี่ยวชาญทุกอย่าง
ถึงได้สั่งให้เธอไปทำเรื่องพวกนี้ แต่ไม่นึกเลย อีกฝ่ายจะให้ความร่วมมือมาก
รสมือดี ซักเสื้อผ้าก็สะอาดมาก
หลังจากที่เฝิงเจียหยีเก็บห้องเสร็จแล้ว ก็มาถึงตรงหน้าหยางเฉิน แล้วถามไปว่า “ยังมีอะไรให้ฉันทำอีกรึเปล่า?”
หยางเฉินจ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน “ไม่ว่ายังไงคุณก็เป็นถึงองค์หญิงในรุ่นปัจจุบันแห่งราชวงศ์เฝิง แล้วคุณเต็มใจที่จะมาเป็นคนรับใช้ของผมจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?”
เฝิงเจียหยียิ้มเยาะตัวเอง
ไม่แน่ ในสักวันฉันอาจจะถูกบังคับให้แต่งไปอยู่ที่ราชวงศ์อู่ก็ได้”
“ต่อให้ฐานะของฉันจะสูงแค่ไหน แล้วมันจะยังไง? ยังไงก็ยังไม่สามารถไขว่คว้าความสุขของตัวเองได้อยู่ดีไม่ใช่รึไง?
หยางเฉินเงียบไปทันที คนที่เป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่นั้น เรื่องการแต่งงานนี่ไม่มีสิทธิ์เลือกเองจริงๆ
โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในตระกูลใหญ่ ตามหลักแล้วทุกคนสุดท้ายก็ต้องกลายเป็นผู้เสียสละของการแต่งแบบคลุมถุงชนกันหมด
เขารู้สึกเห็นใจเฝิงเจียหยีจริงๆ แต่ถ้าจะให้เขาทำเพื่อเฝิงเจียหยีแล้วเข้าไปขวางการแต่งงานในครั้งนี้ มันเป็นไปไม่ได้
เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพ แต่ก็ไม่มีทางไปทำเพื่อคนที่แม้แต่เพื่อนยังไม่ใช่แน่นอน
“เธอเองก็รู้ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรากับราชวงศ์เฝิงไม่มีทางที่จะฟื้นฟูได้ การที่คุณจะอยู่กับผมต่อไป มันจะได้ประโยชน์อะไร?”
หยางเฉินถอนหายใจออกมา
ผมจะลองคุยกับทางราชวงศ์อู่ให้ปฏิเสธดูก็ได้”
แล้วพูดต่อไปว่า “ผมเองก็รู้จักคนของราชวงศ์อู่อยู่เหมือนกัน ถ้าคุณไม่อยากแต่งงานกับคนของราชวงศ์อู่
เฝิงเจียหยีทำหน้าเยาะเย้ยตัวเอง “ต่อให้ปฏิเสธราชวงศ์อู่แล้ว ก็ยังจะมีราชวงศ์บู๊อื่นมาอีก”