ลี่โยวถูกมองข้ามอีกครั้ง ทุกคนต่างประหลาดใจ

มกุฎมหาอริยะคนหนึ่ง พามกุฎมหาอริยะอีกสามคนเคลื่อนไหวด้วยกัน ตรงหน้าตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่นี้ เป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

จุดสำคัญอยู่ที่ว่า ข้างกายพวกหลินสวินไม่มีราชันอริยะดูแล

แต่ทั้งที่เป็นเช่นนี้ หลินสวินกลับเผยท่าทาง ‘หนึ่งคนเฝ้าด่าน’ ไร้ความเกรงกลัวอย่างเห็นได้ชัด นี่จะไม่ให้ทุกคนในที่นั้นประหลาดใจได้อย่างไร

ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง หรือเพื่อช่วงชิงวาสนา แม้แต่ชีวิตก็ไม่เอาแล้ว

“เจ้าหมอนี่จะต้องประสบพิบัติเคราะห์แน่…”

ไกลๆ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พวกจางไป๋หรง มู่ซิวฉีแห่งสำนักยุทธ์เตาโอสถก็มาถึงแล้ว เห็นหลินสวินที่ขวางอยู่ตรงหน้าเหล่าผู้กล้าโดยลำพัง ต่างเผยความชิงชังเข้ากระดูก

ตามคาด ครู่ต่อมาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

“เจ้าคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แม้แต่คำพูดของนายน้อยตระกูลข้ายังกล้าไม่สนใจ เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าไปลงนรกเอง!”

ข้างๆ ลี่โยว ชายชราชุดทองแค่นเสียงขึ้นจมูก สองมือราวกับกรงเล็บ ลากพลังดรรชนีแหลมคมสีทองเป็นสายๆ ออกมา ชักนำเสียงมรรคระลอกแล้วระลอกเล่า สว่างไสวสะดุดตา คว้าไปทางหลินสวิน

เขตแดนมรรค…. ‘โลกดรรชนีปฐมทอง’!

ชายชราที่อยู่ข้างกายลี่โยวคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นระดับราชันอริยะคนหนึ่ง ทันทีที่ลงมือก็แสดงอานุภาพน่ากลัวชวนกดดันออกมา

ปัง!

ก็เห็นพลังกรงเล็บที่สร้างจากพลังดรรชนีสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนนั่น ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ระเบิดแหลกโดนพลัน

หืม?

นัยน์ตาทุกคนต่างหดรัดลง

บุคคลแห่งยุคมากมายในที่นั้นล้วนเป็นพวกชั้นยอดที่สุดในแต่ละโลก สายตามากประสบการณ์เพียงใด ชั่วพริบตาเดียวก็ดูออก ว่าภายใต้การปะทะนี้หลินสวินไม่กลัวพลังเขตแดนมรรคเลยสักนิด!

นี่เป็นไปได้อย่างไร

พวกเขาต่างยากจะเชื่อ ในการรับรู้ของพวกเขา บนทางเดินโบราณฟ้าดาราคนที่สามารถข้ามระดับต่อสู้กับราชันอริยะได้ อาจจะมีเพียงปีศาจพลิกฟ้าห้าอันดับแรกแห่งกระดานมหาอริยะฟ้าดาราเท่านั้น

แต่พวกเขายังไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าในโลกต้าอวี่มีปีศาจพลิกฟ้าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่ผิดปกติเกินไป

ทว่าพวกเขาเองก็เพียงแค่ประหลาดใจ ไม่ได้หวาดกลัว ในฐานะบุคคลชั้นยอดของแต่ละโลก พวกเขาจะกลัวเพราะเรื่องแค่นี้ได้อย่างไร

“ไม่เคยเหยียบย่างสู่มกุฎ พลังเขตแดนมรรคเช่นนี้อย่าเอาออกมาให้ขายหน้าจะดีกว่า”

ยามนี้ในที่สุดหลินสวินก็เอ่ยปากเสียงราบเรียบ

ทว่าเมื่อเข้าหูชายชราชุดทอง กลับประหนึ่งการเย้ยหยันที่ร้ายกาจที่สุด กระตุ้นจนใบหน้าแก่ชราของเขาแดงก่ำ โกรธจนผมชี้ตั้ง

ไม่ใช่แค่นี้ ราชันอริยะคนอื่นๆ ในที่นั้นต่างไม่ชอบใจ พวกเขาเองก็ไม่เคยเหยียบย่างมกุฎมรรคา ประโยคนี้ของหลินสวินเท่ากับสบประมาทพวกเขาทุกคน

ชั่วขณะเดียวสายตาที่พวกเขามองไปยังหลินสวินต่างเจือไอสังหาร

หากเป็นคนอื่น เผชิญหน้ากับการปิดล้อมเช่นนี้คงรู้สึกกลัวจนใจสั่นนานแล้ว แต่หลินสวินสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด กลับยังพูดเรียบๆ

“อย่าโทษว่าข้าคนแซ่หลินไม่เตือน พวกเจ้าหายไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้จะดีที่สุด หรือไม่ก็อยู่เฉยๆ อย่างว่าง่าย ไม่เช่นนั้นก็ต้องรับผิดชอบความเป็นตายเอง”

น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายราวกับเป็นเรื่องปกติ ทุกคนอึ้งไปก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะเผยสีหน้ายากจะเชื่อ จากนั้นต่างอดหัวเราะไม่ได้

เจ้าหมอนี่ถึงกับข่มขู่พวกเขาทุกคนหรือ

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ยังไม่ก้าวสู่ระดับราชันอริยะ คำพูดกลับอวดดียิ่งกว่าราชันอริยะ ผู้ใหญ่ตระกูลเจ้าไม่เคยบอกเจ้าหรือว่าภัยพิบัติมักมาจากปาก”

มีคนด่าว่า

“ไม่รู้จักประมาณตน!”

คนอื่นๆ ต่างหัวเราะเยาะ

หน้าตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่ เพียงแค่ขุมกำลังที่รวมตัวอยู่ตอนนี้ก็มีถึงสิบกว่ากลุ่ม ราชันอริยะหลายสิบคนคอยดูแล บวกกับบุคคลแห่งยุคอีกทั้งกลุ่ม

สถานการณ์ที่น่ากลัวเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นราชันอริยะเกรงว่ายังจะเสียความมั่นใจ หนีไปอย่างลนลาน ทว่าหลินสวินยังคงนิ่งสงบมาก

ถึงขั้นคร้านจะพูดมากไปกว่านี้แล้ว

“พูดไร้สาระกับเขาไปทำไม ฆ่าซะก็สิ้นเรื่อง!”

คนมีตะคอก

“หึ!”

หลินสวินลงมือโดยตรง

ในสายตาเขาคนเหล่านี้ไม่ถึงกับมีภัยคุกคามอะไร เป็นเหมือนพวกหัวมังกุท้ายมังกร ใครเคยเห็นมังกรบนฟ้าเอ่ยเหตุผลกับมดบนพื้นดินบ้างเล่า

ฆ่าซะก็จบ!

เห็นเพียงประทับฝ่ามือสีเขียวอร่ามก่อตัว พลันตบลงกลางอากาศ

ชายที่ตะคอกเมื่อครู่นี้เพิ่งคิดจะหนี ทั้งร่างก็ถูกประทับฝ่ามือตบจนแหลก ร่างกายเลือดเนื้อระเบิดกระเด็น

หนึ่งฝ่ามือ ตบมหามกุฎมหาอริยะคนหนึ่งตาย!

“เจ้ารนหาที่ตาย!”

ลี่โยวเดือดดาลนัก คนที่ตายไปนี้คือผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายเขา เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะกล้าเป็นฝ่ายลงมือก่อนต่อหน้าทุกคน

“ฆ่า!”

ส่วนชายชราชุดทองที่อยู่ข้างๆ ลี่โยวยิ่งตรงไปตรงมา สองมือตวัดวาด ซัดพลังดรรชนีทองอร่ามสายหนึ่งออกมา ลักษณ์แห่งเขตแดนที่วิวัฒน์จากพลังดรรชนีนี้มีกฎเกณฑ์ตัดสลับ ราวกับนิ้วที่เทพยื่นออกมา

ก่อนหน้านี้ที่การโจมตีของเขาไม่ได้ผลก็เสียหน้าอยู่บ้างแล้ว

ตอนนี้หลินสวินยังฆ่าคนต่อหน้าเขา นี่ทำให้เขาระเบิดความโกรธอย่างสิ้นเชิง ใช้อานุภาพที่แท้จริง

ตูม!

หลินสวินมือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือกดออกไป

ประทับปี้อั้น!

ปี้อั้นที่เหมือนมีชีวิตพุ่งคำรามออกจากหุบเหวใหญ่ แปลงเป็นประทับใหญ่บดบังท้องฟ้า มีอานุภาพบดขยี้ภูผาธารา กำราบหมื่นวิญญาณ

พลังดรรชนีของชายชราชุดทองพริบตาก็ถูกประทับใหญ่กดทับ กำราบลงอย่างรุนแรง ระเบิดออกทุกกระเบียดภายใต้เสียงกัมปนาทสะเทือนหู แสงมรรคนับไม่ถ้วนเปลี่ยนเป็นละอองแสงสาดเซ็น

พลังที่น่าครั่นคร้ามนั่นยิ่งกดลงบนร่างของชายชราชุดทอง สะเทือนจนเขาเซถอย เกือบล้มใส่กระบวนผนึกลายมรรคที่อยู่ไกลๆ

ชายชราชุดทองตกใจ

เขาเป็นถึงราชันอริยะ ทว่ายามเผชิญหน้ากับประทับนี้ของหลินสวินก็เหมือนถูกภูเขาเทพหมื่นกาลกำราบ พลังน่าสะพรึงปานถล่มฟ้าทลายดินนั่นทำเอาเขายังเลือดลมปั่นป่วน ทรมานจนแทบกระอักเลือด

“ตาย!”

ไม่รอชายชราชุดทองตอบสนอง หลินสวินก็ก้าวออกมาหนึ่งก้าว

ด้านหลังชายชราชุดทอง พลังผนึกสายหนึ่งพุ่งขึ้นกะทันหัน กฎเกณฑ์ลายมรรคโหมซัดแปรเปลี่ยนเป็นกระแสเชี่ยวกรากท่วมฟ้า เข้าปกคลุมเงาร่างของชายชราชุดทอง

ตูม โครม!

พริบตาเดียวเท่านั้น ระดับราชันอริยะอย่างชายชราชุดทองก็จิตสิ้นวิญญาณสลาย ร่างกายเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านล่องลอย

ครั้งนี้หลินสวินสังหารราชันอริยะคนหนึ่งในการโจมตีเดียว!

เหตุการณ์น่าตกตะลึงนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง ในใจหวาดกลัว เพิ่งจะตระหนักได้ถึงความผิดปกติ

“ลงมือพร้อมกัน!”

ลี่โยวตะคอกด้วยความเดือดดาล ดวงตาแทบถลน กระบี่เทพที่หลอมจากทองแกฟ้าประทานเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังเขา ฟันเข้าใส่หลินสวิน

ที่ตามมาติดๆ คือในทิศทางที่แตกต่างกัน กลิ่นอายซึ่งน่ากลัวอย่างที่สุดสิบกว่าสายพุ่งออกมา เหมือนภูเขาไฟลูกใหญ่มากมายปะทุ อานุภาพที่พลุ่งพล่านนั่นท่วมท้นเต็มฟ้าดิน กดข่มจนแทบหายใจไม่ออก

“ทะยาน!”

เปลวเพลิงรอบตัวชื่อหลิงจื่อลุกโหม ราวกับนายเหนือหัวที่ควบคุมเพลิงเทพ ทวนศึกเปลวเพลิงเล่มหนึ่งปรากฏในฝ่ามือเขา

“รวม!”

สุ่ยปี้อวิ๋นมีแสงมรรคกระแสน้ำไหลหลั่งใต้ฝ่าเท้า เสื้อผ้าพลิ้วไหว

ในเวลาเดียวกันเลี่ยตงจั้นทะลวงอากาศขึ้นมา กลิ่นอายเลือดท่วมฟ้า เซียวปู้ตู้ร่างกายแปรเปลี่ยน กลายเป็นเทพเถื่อนอสูรมารประหลาดสิบกว่าจั้ง…

ชั่วพริบตาการปิดล้อมโจมตีเกิดขึ้นกะทันหัน ต่างพุ่งเป้าไปที่หลินสวินคนเดียว!

สังหารมกุฎมหาอริยะในการโจมตีเดียว ทำให้ทุกคนตกใจ แต่ไม่ถึงกับน่ากลัวนัก ทว่าหลังจากหลินสวินแสดงฝีมือสังหารราชันอริยะในการโจมตีเดียว ทุกคนต่างตระหนักได้ถึงความไม่เข้าทีและเลือกลงมือแล้ว

ตูม โครม!

หน้าตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่เริ่มปั่นป่วน กระบวนผนึกลายมรรคนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมา กำลังคุ้มครองไม่ให้ตำหนักเก่าแก่นี้ถูกโจมตี

“ฆ่า!”

ชื่อหลิงจื่อที่มีปีกเปลวเพลิงกลางหลังถึงกับรวดเร็วกว่าราชันอริยะเสี้ยวหนึ่ง โจมตีใส่หลินสวินเป็นคนแรก

ทั้งตัวเขาแดงเพลิง เสียงมรรคสั่นไหว ทวนศึกเปลวเพลิงในมือโจมตีทะลุอากาศ แทงเข้าใส่หลินสวินด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ

ทุกคนมองเห็นเพียงประกายเพลิงสว่างไสวกลุ่มหนึ่ง!

‘เจ้าหมอนี่เก็บซ่อนพลังได้ลึกล้ำมาก… ถึงขั้นอีกก้าวเดียวก็เข้าสู่ระดับราชันอริยะแล้ว!’

สุ่ยปี้อวิ๋นหัวใจสะท้าน

เพียงแค่การโจมตีเดียวก็ทำให้สุ่ยปี้อวิ๋นตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของชื่อหลิงจื่อ พลังระดับนี้แทบจะสามารถดวลกับระดับราชันอริยะได้แล้ว

เคร้ง!

จู่ๆ เสียงปะทะหนึ่งก็ดังขึ้น

บนตัวหลินสวินปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมา เข้าขวางทวนศึกเปลวเพลิงนั่นอย่างง่ายดาย ทวนศึกเปลวเพลิงที่เรียกได้ว่าเป็นอาวุธชั้นยอดกลับส่งเสียงครวญ กระเด็นหลุดมือไป

ปัง!

จากนั้นเงาร่างของชื่อหลิงจื่อก็ประหนึ่งถูกฟ้าผ่า กระเด็นออกไปตรงๆ เซถอยกลางอากาศ จมูกปากหลั่งเลือด

กระบี่นี้ของหลินสวินทำให้ชื่อหลิงจื่อบาดเจ็บสาหัสโดยตรง!

“ข้าเอง!”

ลี่โยวตะโกน

กระบี่เทพทองอร่ามโฉบพุ่งผ่านอากาศ พรมปราณกระบี่เรืองรองออกมา ภายใต้การโจมตีเดียว ปราณกระบี่ราวกับสุริยันระเบิด ดุร้ายเผด็จการ

ครั้งนี้หลินสวินคร้านจะลงมือแล้ว เพียงเอ่ยเสียงมรรคออกจากปาก

“ไสหัวไป!”

เสียงที่แฝงความเย้ยหยันกลับเปลี่ยนเป็นระลอกคลื่นสีทอง ในระลอกคลื่นปรากฏภาพประหลาดผูเหลาร้องคำราม

ห้วงอากาศล้วนแตกออกในชั่วขณะนี้ ในสายตาของทุกคนเห็นเพียงว่าทุกที่ที่คลื่นสีทองเคลื่อนผ่าน กระบี่ที่ลี่โยวฟันออกไปล้วนถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ อย่างง่ายดาย

ตอนที่สัมผัสเงาร่างของลี่โยว จิตวิญญาณของอีกฝ่ายแทบสะเทือนแหลก จิตใจประสบการโจมตีน่าสะพรึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ชั่วขณะนี้คำว่า ‘ไสหัวไป’ เหมือนดั่งเสียงคำรามของเทพมารดึกดำบรรพ์ สะเทือนจนพลังขับเคลื่อนในกายลี่โยวปั่นป่วน เอ็นกระดูก เลือดเนื้อล้วนแตกออก

สุดท้ายตัวเขาอาบเลือด เหมือนกับกระสอบขาดๆ ใบหนึ่ง ร่วงไถลออกไปโดยพลัน

แค่คำว่าไสหัวไปเท่านั้น!

บุคคลพลิกฟ้าที่เรียกได้ว่ากำราบคนในระดับเดียวกันจนไร้ศัตรูในโลกใหญ่แห่งหนึ่ง เกือบจะถูกฆ่าตายคาที่!

ทั้งที่นั้นเงียบกริบ การโจมตีทั้งหมดล้วนชะงักไป

ผู้คนไม่รู้เท่าไหร่สูดหายใจด้วยความตกใจ กายใจล้วนสะท้านสะเทือน นี่มันคนซะที่ไหน วิปริตพลิกฟ้าไม่สามารถวัดได้ด้วยหลักเหตุผลทั่วไปชัดๆ!

“นี่…”

ดวงตาของจางไป๋หรงแทบหลุดออกมา ยามเห็นหลินสวินถูกปิดล้อมเขารู้สึกสะใจ อดตื่นเต้นไม่ได้ คิดว่าหลินสวินต้องประสบเคราะห์ ถูกเหล่าผู้กล้าโจมตีสังหาร

สุดท้ายภาพที่คาดหวังไม่ได้เกิดขึ้น กลับสลายไปหมดภายใต้คำว่า ‘ไสหัวไป’ นี้ของหลินสวิน

มู่ซิวฉียิ่งร่างสั่นสะท้าน พวกเขา… ล่วงเกินคนแบบใดไปกันแน่

ตูม!

และตอนนี้หลินสวินขยับแล้ว เป็นฝ่ายเริ่มโจมตี

เงาร่างของเขาเคลื่อนย้ายประหนึ่งละอองฝุ่นที่แผ่วพลิ้ว มาปรากฏตรงหน้าราชันอริยะที่อยู่ใกล้ที่สุด

ฮูม…

ปราณกระบี่ไท่เสวียนที่ราวกับสายฝนโฉบออกจากเงาร่างสง่างามของเขา ก่อตัวเป็นกระบวนค่ายกลกระบี่แน่นขนัด ปกคลุมลงมาจากเหนือศีรษะ

“สลาย!”

ราชันอริยะคนนั้นส่งเสียงคำราม ด้านหลังปรากฏเขตแดนมรรคขาวโพลนแถบหนึ่ง

ในเขตแดนมรรคหิมะน้ำแข็งล่องลอย ลมเย็นเสียดกระดูก น้ำแข็งนับไม่ถ้วนอึงอลอยู่ภายใน พวกนี้ล้วนแปลงมาจากพลังกฎเกณฑ์ ไอสังหารมีอยู่ทุกแห่งหน สามารถทำให้มกุฎมหาอริยะมากมายไร้เรี่ยวแรงต้านทาน

น่าเสียดายที่เขาเจอหลินสวินที่ ‘แตกต่างจากคนอื่น โดดเด่นเหนือใคร’ มาโดยตลอด

ตูม!

กระบวนค่ายกลกระบี่ไท่เสวียนส่งเสียงชิ้งๆ ฟันเขตแดนมรรคนั้นจนแหลก ที่ตามมาติดๆ คือระหว่างที่ปราณกระบี่ตัดสลับกัน ก็เข้าปกคลุมเงาร่างของราชันอริยะคนนั้นไว้ภายในแล้ว

……………………