หลังจากฟังคำอธิบายของกู้เย้นจงแล้ว ในที่สุดเย่เฉินก็เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของน้องรองและน้องสามแห่งตระกูลกู้ ที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังให้สื่อเผยแพร่ข่าวเช่นนี้
เขายิ่งตั้งตารอคอย รอให้ไปถึงกู้ซื่อกรุ๊ป เมื่อขันทีสองคนนี้ได้เห็นกู้เย้นจงที่ยังหน้าตาสดใส ว่าจะมีความรู้สึกเช่นไร
ในเวลานี้ กู้ชิวอี๋ก็เดินลงมาด้วย พอเห็นพ่อกับเย่เฉินกำลังอ่านหนังสือพิมพ์กันอยู่ จึงถามด้วยความสงสัย “พ่อคะ พี่เย่เฉิน พวกคุณกำลังอ่านข่าวอะไรกันอยู่ ดูท่าทางสนใจเรื่องนี้จัง”
กู้เย้นจงยิ้มแล้วพูดว่า “พ่อของเธอขึ้นพาดหัวข่าววันนี้”
“จริงเหรอคะ?” กู้ชิวอี๋รีบเข้ามาดูชื่อ พอเห็นพาดหัวข่าวก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ แม้ว่าก่อนหน้านี้อาการป่วยจะแย่ลง แต่ก็แค่ต้องนอนโรงพยาบาลอีกครั้ง ยังห่างไกลจากคำว่าป่วยหนักมาก สื่อนี้เขียนอะไรไม่รับผิดชอบสักนิดเลยหรือ?”
กู้เย้นจงหัวเราะอย่างเบิกบาน “ตัวลูกเองก็อยู่ในวงการบันเทิง เธอไม่รู้เหรอว่าสื่อมวลชนส่วนตัวประเภทนี้จรรยาบรรณเป็นอย่างไร? ปั้นน้ำเป็นตัว ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด จนถึงขั้นนั่งเทียนเขียนไปเรื่อยเปื่อย? ว่าแต่ว่า เรื่องนี้ต้องมีใครบางคนคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง” ถ้าไม่เช่นนั้นก็คงไม่ปล่อยข่าวแบบนี้ออกมาโดยที่ไม่มีหลักฐานเลย”
กู้ชิวอี๋รู้แจ้งในทันใด หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็โพล่งถามว่า “พ่อคะ จะเป็นฝีมือของอารองกับอาสามหรือเปล่าคะ?”
กู้เย้นจงพยักหน้า “นอกจากพวกเขาแล้ว ก็ไม่มีใครอื่น ทั้งหมดนี้ต้องทำเพื่อการประชุมกรรมการในวันนี้ เพื่อให้จัดการพ่อได้ง่ายขึ้น”
จากนั้นกู้เย้นจงก็พูดเสริมว่า “เท่าที่พ่อรู้เกี่ยวกับพวกเขา วันนี้พวกเขาจะเชิญนักข่าวมาด้วย เพื่อถ่ายรูปพ่อในสภาพที่อ่อนแอและป่วยหนัก แสดงให้คนทั้งประเทศเห็น!”
“นี่มันมากเกินไปแล้ว!” กู้ชิวอี๋พูดอย่างโกรธเคือง “ถ้าอย่างนั้นพ่อก็ไปที่นั่น และบอกกับสื่อโดยตรงว่าพ่อหายดีแล้ว พอถึงเวลานั้นพวกเขาจะต้องโกรธมาก!”
กู้เย้นจงยิ้มแล้วพูดว่า “พ่อเพิ่งทักทายหวังเหลียงไปแล้ว ก่อนการประชุมกรรมการในวันนี้จะเสร็จสิ้น จะไม่มีนักข่าวคนใดได้รับอนุญาตให้เข้าไปในอาคารของกู้ซื่อกรุ๊ป รอจนเสร็จสิ้นจากการประชุม เราจะจัดงานแถลงข่าวอีกครั้ง พ่อต้องการแสดงอำนาจต่อหน้ากรรมการพวกนี้”
หวังเหลียง เป็นผู้ช่วยของกู้เย้นจง และเป็นบุคคลที่ไว้วางใจได้มากที่สุดในกู้ซื่อกรุ๊ป ได้รับการฝึกฝนจากเขาโดยตรง เชื่อมั่นได้
เมื่อหลินหว่านชิวได้ยินบทสนทนา ก็เดินเข้ามาบอกว่า “เย้นจง วันนี้ฉันกับหนานหนานจะไปกับคุณด้วย!”
กู้เย้นจงโบกมือ “พวกคุณไม่ต้องตามผมไป ในกลุ่มเรามีกฎห้ามคนในครอบครัวเข้าไปก้าวก่ายเรื่องงาน อีกอย่างหนานหนานยังเป็นบุคคลสาธารณะ มันไม่ดีถ้าจะเข้ามาพัวพันด้วย พวกคุณสองคนรออยู่ที่บ้านดีกว่า ให้เฉินเอ๋อไปกับผมก็พอแล้ว”
หลินหว่านชิวได้ยินดังนั้น ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับ
…
หลังรับประทานอาหาร เย่เฉินและกู้เย้นจงได้นั่งรถโรลส์-รอยซ์คันเดียวกัน ภายใต้การคุ้มครองของทีมรักษาความปลอดภัย มุ่งหน้าไปยังกู้ซื่อกรุ๊ป
บอดี้การ์ดเหล่านี้ได้รับการว่าจ้างจากกู้เย้นจงผ่านบริษัทรักษาความปลอดภัยชั้นนำเมื่อบ่ายวานนี้
ครั้งนี้เขาทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของตัวเอง ภรรยา และลูกๆ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาฉวยโอกาสนี้เด็ดขาด
ขบวนรถขับเข้ามายังลานจอดรถใต้ดินของอาคารกู้ซื่อกรุ๊ป
ที่นี่มีลิฟต์พิเศษสำหรับประธาน สามารถขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของอาคารได้จากลานจอดรถใต้ดิน
ลิฟต์ตัวนี้ มีเพียงกู้เย้นจงและผู้ติดตามของเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้ แม้แต่กู้เย้นเจิ้งและกู้เย้นกางก็ไม่มีสิทธิ์ใช้
นอกจากนี้ ทางเข้าลิฟต์พิเศษสำหรับประธานในลานจอดรถชั้นใต้ดินยังอยู่ในช่องจอดรถที่ปิดแยกต่างหาก พูดอีกอย่างก็คือ คนทั่วไปไม่มีทางใช้ลิฟต์พิเศษของเขา แม้กระทั่งจะเข้าไปในช่องจอดรถที่ปิดอยู่ ก็ยังเป็นไปไม่ได้
หลังจากที่ลิฟต์ไปถึงชั้น 58 พวกเขาก็มาถึงบริเวณห้องทำงานของประธานที่ปิดกั้นไว้