ตอนที่ 1808 ชักนำอสนีเคราะห์เข้ามา

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ต่างกับโลกภายนอกที่อื้ออึงอลวนแต่กลับไม่รู้เรื่องอย่างแน่ชัด

ขณะนี้เหล่าคนใหญ่คนโตที่นั่งในโถงใหญ่ของหอกระบี่ดาราเลิศเหล่านั้น ต่างรู้อยู่แล้วว่าคนรุ่นเยาว์อย่างพวกชื่อหลิงจื่อดูเหมือนจะเสียกำลังพล ปีกหักกลับมา

แต่สุดท้ายก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้ สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าชายหนุ่มนามหลินเต้ายวนผู้นั้นไม่ได้ต้องการฆ่าให้สิ้นซากจริงๆ

ดังนั้นหลังคนใหญ่คนโตเหล่านี้ได้ข่าว ถึงมาร่วมกันประชุมเพื่อหามาตรการตอบโต้ แต่ไม่ได้หุนหันไปฆ่าเขาทันที

ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงการเคลื่อนไหวเพื่อชิงวาสนาครั้งหนึ่ง บาดเจ็บล้มตายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

และที่นี่ยังเป็นโลกต้าอวี่ หลายปีมานี้เผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ดูเหมือนอำนาจลดลงไม่น้อย แต่ภูมิหลังอันเก่าแก่นั้นยังไม่อาจดูเบาได้ดังเดิม

คนใหญ่คนโตที่มาจากโลกอื่นอย่างพวกเขาก็ต้องชั่งใจถึงผลลัพธ์ของการลงมือ

แต่เฟิงหรูเสวี่ยที่มาจากโลกใหญ่คมทองต่างจากพวกเขา สาเหตุที่เขาลงมือโดยไม่ลังเลก็เป็นเพราะลี่โยวตายแล้ว!

ลี่โยว อัจฉริยะมรรคกระบี่ที่โดดเด่นที่สุดในโลกใหญ่คมทอง มกุฎมหาอริยะที่ราวกับไร้ศัตรูในรุ่นเดียวกันคนหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ลี่โยวก็เป็นคนรุ่นเยาว์ที่เฟิงหรูเสวี่ยให้เกียรติที่สุด!

ในสถานการณ์เช่นนี้ เฟิงหรูเสวี่ยไม่ลงมือถึงแปลก

“ทุกท่าน ตระกูลอวี่ก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจนแล้ว พวกเราย่อมก็ไม่ต้องหวั่นกลัวอีก หลินเต้ายวนคนนี้แผลงฤทธิ์ไม่หวั่นกลัว จะไม่ลงโทษได้อย่างไร”

มีคนทำลายความเงียบลง เอ่ยปากเสียงเข้ม

“ตามที่ข้ารู้มา โลกต้าอวี่ในอดีตไม่เคยได้ยินว่ามีคนรุ่นเยาว์อย่างหลินเต้ายวนมาก่อน ด้วยฝีมือที่เขาเผยออกมา ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณโลกต้าอวี่เกรงว่าคงมีชื่อเสียงเลื่องลือ เป็นที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองไปนานแล้ว”

ผู้อาวุโสที่แต่งกายชุดเขียวจากหอกระบี่ดาราเลิศคนหนึ่งเอ่ยปาก ทำให้ทุกคนเผยสีหน้าครุ่นคิดในชั่วพริบตา

“สหายมรรคคิดว่าหลินเต้ายวนผู้นี้ไม่ได้เป็นผู้ฝึกปราณจากโลกต้าอวี่หรือ”

มีคนเอ่ยถาม

“ใช่แล้ว”

ผู้อาวุโสชุดเขียวคนนั้นพยักหน้า “ทุกท่านไม่รู้สึกแปลกใจหรือว่าต่อให้มองไปทั้งเขตแดนดาราจื่อเหิง หลินเต้ายวนคนนี้ก็ยังเป็นพวกยอดเยี่ยมในระดับมกุฎมหาอริยะผู้หนึ่ง แต่ทุกท่านกลับไม่เคยได้ยินชื่อเขา”

ทุกคนแววตาฉายวาบ ล้วนรู้สึกได้ถึงจุดที่ไม่ชอบมาพากล

“ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมกุฎมหาอริยะที่สู้กับเหล่าศัตรูเพียงลำพัง แล้วยังสังหารราชันอริยะได้อย่างแข็งกร้าวเลย หากอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารายังพบเห็นได้น้อยนัก ถ้าจัดอันดับด้วยกระดานมหาอริยะฟ้าดารา พลังต่อสู้ของเจ้าหนุ่มนี่ต้องเบียดขึ้นไปบนสามอันดับแรกได้แน่”

ชายชราชุดเขียวพูดถึงตรงนี้สีหน้าก็เผยแววประหลาด “แต่บนกระดานมหาอริยะฟ้าดารานั้น ที่แซ่หลินเหมือนกันมีเพียงหลินสวินที่อยู่อันดับหนึ่ง แต่ไม่มีชายหนุ่มที่ชื่อว่าหลินเต้ายวน”

“คงไม่ใช่ว่า… เจ้าหมอนี่ก็คือหลินสวินกระมัง”

มีคนเอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้

ประโยคเดียวในโถงใหญ่ก็เงียบลง คนใหญ่คนโตแต่ละคนล้วนเกิดความปั่นป่วน

หลินสวิน!

ชายหนุ่มที่ชื่อเสียงดุร้ายเฉิดฉายบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนก็ทำให้ทั้งทั่วหล้าฟ้าดาราสะท้านสะเทือนด้วยการสังหารนองเลือดในแหล่งสถานคุนหลุน

เรือนมรรคใหญ่ทั้งหก เผ่านักรบใหญ่ทั้งสิบมองเขาเป็นเหยื่อที่ต้องฆ่า ประกาศเสนอรางวัลน่าเย้ายวนใจหาใดเทียบหลายอัน

สำนักโบราณจรัสเทพกับแดนกษิติครรภ์ที่เป็นสองยักษ์ใหญ่โลกมืดต่างก็มองเขาเป็นหนามยอกอก เสาะหาเขาไปทั่ว

แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ หลินสวินครอบครองความลับใหญ่ของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์อย่างหนึ่ง ขนาดระดับจักรพรรดิบางคนยังอิจฉาตาร้อนและใจเต้นเพราะสิ่งนี้!

“ถ้าหลินเต้ายวนผู้นี้ก็คือหลินสวินคนนั้นจริงๆ…”

พอคิดถึงตรงนี้เหล่าคนใหญ่คนโตที่อยู่ในโถงต่างก็จิตใจร้อนรุ่มขึ้นมา สีหน้ายิ่งมีเลศนัยขึ้นไปอีก

“ไม่ว่าเจ้านี่จะใช่หลินสวินหรือไม่ จากการกระทำชั่วช้าที่เขาทำในแดนลับต้าอวี่ก็ควรถูกลงโทษแล้ว!”

ชายหนุ่มชุดแดงผู้หนึ่งผุดลุกขึ้น ไอสังหารพลุ่งพล่าน “ทุกท่าน ข้าคนแซ่ชื่อก็ขอออกไปก่อน”

พอพูดจบก็หันกายเคลื่อนที่ไปกลางอากาศ

ชั่วขณะเดียวบรรยากาศในโถงใหญ่ระส่ำระสายขึ้นมา

ใครก็ดูออก เกรงว่าชายหนุ่มชุดแดงจะมีความคิดอีกอย่าง เคลือบแคลงว่าหลินเต้ายวนก็คือหลินสวิน!

“ทุกท่านไปแดนลับต้าอวี่แห่งนั้นด้วยกันกับข้าสักรอบจะดีกว่าไหม”

ชายชราชุดเขียวจากหอกระบี่ดาราเลิศเอ่ยเสียงเข้ม

ทุกคนมองหน้ากัน

ไม่นานนักบางคนก็พยักหน้ารับ

ทั้งยังมีคนส่ายหัว มีความคิดเป็นอื่น ปฏิเสธการเคลื่อนไหวคราวนี้

แต่ไม่ว่าใครต่างก็สังหรณ์อย่างหนึ่ง เกรงว่าหลินเต้ายวนที่ถูกเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ละทิ้งจะไม่อาจเดินออกมาจากแดนลับต้าอวี่ได้แล้ว!

……

ในขณะที่ทั้งโลกต้าอวี่อึกทึกครึกโครมเซ็งแซ่ หลินสวินกำลังเดินเล่นอยู่ในตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่

ตำหนักเก่าแก่ลึกลับแห่งนี้เป็นสิ่งที่ต้นตระกูลเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่เหลือทิ้งไว้ ภายในตำหนักประหนึ่งดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง

กระถางใหญ่เก้าใบลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือตำหนัก ต่างเป็นสิ่งที่แปรสภาพมาจากพลังกฎเกณฑ์บ่อเกิดแรกกำเนิด แสงมรรคไหลเวียน ไอขุ่นมัวคลุมเครือ แผ่กลิ่นอายสูงส่งอันเก่าแก่ดั้งเดิม

ทันทีที่อวี่อวิ๋นเหอ อวี่อวิ๋นเฟิงและอวี่อวิ๋นหลงเข้าไปในตำหนัก ก็ถูกกระถางทั้งเก้าใบนี้ดึงดูดสายตา ขณะนี้กำลังนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นเพื่อหยั่งรู้

เดิมทีบ่อเกิดแรกกำเนิดก็เป็นพลังมหามรรคที่หายากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง ฮุ่นตุ้นที่ขุ่นมัวแยกออกจึงกลายเป็นโลก กล่าวอย่างไม่เกินเลย การถือกำเนิดของโลกแห่งหนึ่งก็มีที่มาจากการฟูมฟักบ่อเกิดแรกกำเนิด

ถ้าสามารถซึมซับหลอมพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดได้บ้าง ย่อมมองทะลุปริศนาแห่งกฎระเบียบโลกได้ สิ่งนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่ที่ส่งเสริมการทะลวงระดับเป็นราชันอริยะ

พวกอวี่อวิ๋นเหอย่อมไม่อาจพลาดวาสนาใหญ่เท่าฟ้าเช่นนี้ไปได้

‘ตอนนั้นจักรพรรดิอวี่ผู้นั้นคงจะหลอมศาสตราจักรพรรดิเก้ากระถางที่นี่…’

หลินสวินสองมือไพล่หลัง เดินเยื้องย่างในตำหนัก

เขาปล่อยจิตใจให้ว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ สัมผัสกระถางใหญ่ที่แปลงมาจากกฎเกณฑ์บ่อเกิดแรกกำเนิด การหยั่งรู้ต่างๆ ผุดขึ้นในจิตใจ

สุดท้ายเขาก็หยุดเดิน ดวงตาดำดั่งสายฟ้า มองดูกระถางใหญ่ทั้งเก้านั้น ก่อนก้าวออกไปก้าวหนึ่งมุ่งหน้าไปยังกลางห้วงอากาศ

ครืน!

ทั้งตำหนักส่งเสียงดังโครมครามในชั่วพริบตา กระถางใหญ่ทั้งเก้าปลดปล่อยคลื่นกฎเกณฑ์บ่อเกิดแรกกำเนิดอันน่ากลัวออกมา ทำให้หลินสวินยังหายใจติดขัด รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิต

พอหลินสวินชักเท้ากลับมา คลื่นกฎเกณฑ์บ่อเกิดแรกกำเนิดนั้นก็หายลับตามไปด้วย

‘ดูท่า อย่าว่าแต่ระดับมกุฎมหาอริยะ ต่อให้ราชันอริยะอยู่ตรงนี้ เกรงว่ายังไม่อาจรับพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดของกระถางใหญ่ทั้งเก้านี้ไปได้…’

‘มิน่าตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่แห่งนี้ดำรงอยู่ในโลกมานานปี กระถางใหญ่ทั้งเก้าใบนี้ถึงยังไม่เคยถูกคนเอาไปได้จนถึงตอนนี้’

หลินสวินครุ่นคิด

เขานึกถึงคำชี้แนะของอวี่ชิงหยางที่บอกว่า เค้าโครงของเก้ากระถางสยบหล้านี้มีประโยชน์ที่ไม่อาจประเมินค่าได้ในด้านการควบรวมและหลอมเขตแดนมรรค

เห็นได้ชัดว่าประโยชน์นี้ก็มาจากกระถางใหญ่เก้าใบตรงหน้านี้!

‘โอกาสมาถึงแล้ว ไม่ต้องรออีก’

หลินสวินไม่ลังเลอีก เหยียบย่างขึ้นไปบนห้วงอากาศก้าวหนึ่งอีกครั้ง

โครม!

พลังบ่อเกิดแรกกำเนิดปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

กลิ่นอายบ่อเกิดแรกกำเนิดขมุกขมัวราวละอองแสง ลึกลับคลุมเครือ ชั้นพลังที่ปลดปล่อยออกมาสำแดงความสง่างามสูงส่งดั่งไม่อาจเสื่อมสลาย เหนือธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง อานุภาพที่สร้างขึ้นก็น่ากลัวเกินจินตนาการ

เห็นได้ว่าเสื้อผ้าบนร่างหลินสวินขาดกระจุย บนผิวหนังที่เทียบได้กับศาสตราจิตคมกริบล้วนมีรอยแผลแตกเป็นริ้วปรากฏขึ้นรางๆ แทบจะในชั่วดีดนิ้ว

แต่หลินสวินไม่ถอยแม้สักนิด ก้าวขึ้นไปทีละก้าว!

แสงมรรคดั่งสายธารกระจายออกมาจากร่างหลินสวิน เข้าต้านทานพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดนั้น

ยิ่งสูงขึ้นไป ยิ่งเข้าใกล้กระถางใหญ่เก้าใบนั้น กลิ่นอายบ่อเกิดแรกกำเนิดขมุกขมัวก็ยิ่งเข้มข้นและทรงพลัง เพียงริ้วเดียวเท่านั้นก็ทำให้ภูผาธาราถล่มลงได้!

โครม!

กระถางใหญ่เก้าใบกำลังส่งเสียงครั่นครืนขึ้นอย่างรุนแรง ประหนึ่งได้รับการท้าทาย

“พี่หลิน ระวัง!”

อวี่อวิ๋นเหอร้องตกใจ หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เขาคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะเข้าไปใกล้กระถางใหญ่เก้าใบนั้น นี่อันตรายเกินไปแล้ว

ตามความเข้าใจของเขา ตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีผู้ฝึกปราณคนไหนกล้าทำเช่นนี้ ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นถึงพลังบ่อเกิดแรกกำเนิด นอกจากระดับจักรพรรดิแล้ว ใครจะกล้าไปแตะต้อง

อย่างเขา อวี่อวิ๋นเฟิงและอวี่อวิ๋นหลง ก็ทำเพียงนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้น ใช้พลังในร่างของตนไปหยั่งรู้และทำความเข้าใจ แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้

“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าแค่อยากอาศัยโอกาสนี้ชักนำเคราะห์ทะลวงระดับออกมาก็เท่านั้น”

หลินสวินเอ่ยปาก

ดวงตาดำของเขาแน่วแน่ มรรคที่เขาเสาะแสวงมีจุดเปลี่ยนที่ต้องการแตกต่างจากทุกคนบนโลก เป็นสิ่งที่เขาออกตัวไขว่คว้าเอง

และในตอนนี้ เมื่อได้เห็นกระถางใหญ่ที่แปลงมาจากบ่อเกิดแรกกำเนิดทั้งเก้าใบนี้ หลินสวินก็รู้แล้วว่าการบรรลุระดับมีแต่ต้องเดินหน้าต่อ!

ส่วนจุดเปลี่ยนก็ไม่ต้องรอคอยแล้ว

ตอนฝ่ามหาเคราะห์ระดับราชันที่แดนมกุฎก็เป็นเช่นนี้

ตอนฝ่ามหาเคราะห์อริยมรรคที่สมรภูมิเก้าดินแดนก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

ตอนนี้ เขากำลังจะฝ่า ‘เคราะห์มกุฎราชันอริยะ’!

“บรรลุระดับหรือ”

อวี่อวิ๋นเหอตกตะลึง การรับรู้ของตัวเองแทบจะถูกพลิกกลับแล้ว บนโลกนี้ยังมีวิธีบรรลุระดับที่พิลึกพิลั่นเช่นนี้ด้วยหรือ

ยิ่งไปกว่านั้น มหาเคราะห์บรรลุระดับนั้นยังเลือนราง ยากคาดเดาได้ว่าจะมาเยือนเมื่อไรด้วย

เป็นเพราะเหตุนี้ หลังจากผู้ฝึกปราณบนโลกนี้ฝึกปราณทะลวงถึงขั้นสมบูรณ์ในระดับหนึ่งแล้ว แทบจะเลือกปิดด่านเพื่อเตรียมตัวข้ามด่านเคราะห์กันทั้งนั้น

เดิมทีก็เพราะกังวลว่าเมื่อออกไปข้างนอกจะชักนำด่านเคราะห์สวรรค์ ถูกฆ่าโดยไม่ทันตั้งตัวกะทันหัน

แต่ดูหลินสวินสิ ดันออกตัวไปไขว่คว้าเอง!

อวี่อวิ๋นเฟิงกับอวี่อวิ๋นหลงก็จ้องมองด้วยความประหลาดใจไปครู่หนึ่ง

“คนไม่ธรรมดาทำเรื่องไม่ธรรมดา การข้ามด่านเคราะห์บรรลุระดับก็ย่อมไม่เหมือนคนทั่วไป” อวี่อวิ๋นเฟิงพึมพำ

โครม!

ทันใดนั้นสายฟ้าอันรางเลือนและอึมครึมสายหนึ่งก็ส่งเสียงดังขึ้นฉับพลัน ประหนึ่งมาจากขอบฟ้าไกลลิบ แต่กลับสะเทือนจิตใจทุกคนอย่างรุนแรง

ก็ในตอนนี้เองเงาร่างหลินสวินหยุดลงกะทันหัน หันหลังกลับมาที่พื้นดิน เสื้อผ้าเขาขาดวิ่นดูเหมือนยับเยิน แต่หลังตรงแน่วดั่งกระบี่ ดวงตาเปล่งประกายดุจดวงดารา

“มาแล้ว…”

หลินสวินส่งเสียง

ในขณะเดียวกัน รัศมีสามพันลี้ของท้องฟ้าเหนือเทือกเขาเก้ากระถางนอกตำหนักเทพจักรพรรดิอวี่ ต่างถูกเมฆเคราะห์สีดำหนาแน่นดั่งน้ำหมึกปกคลุมไปทั่ว ราวกับตกอยู่ในราตรีนิรันดร์

อสนีเคราะห์เป็นสายๆ ถาโถมอยู่ในส่วนลึกของเมฆเคราะห์ดั่งมังกรห้อตะบึง แสงสีต่างๆ ฉายวาบเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่

ขณะนี้ผู้ฝึกปราณทั้งหมดภายในแดนลับต้าอวี่ต่างตัวสั่นระริก หน้าเปลี่ยนสีในทันใด ขนลุกเกรียวเสียวสันหลังวาบ

พวกเขาเพียงรู้สึกว่าเหมือนวันสิ้นโลกมาเยือน เหมือนมีแรงกดข่มอยู่เหนือจิตวิญญาณ ทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก

นี่ใครจะข้ามด่านเคราะห์กัน

สายตาทุกคู่ต่างมองไปทางเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย

เปรี้ยง!

บรรยากาศอึดอัดอึมครึมก็ถูกเสียงสายฟ้าฟาดสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสายหนึ่งทำลายลง ผู้ฝึกปราณไม่น้อยต่างตาพร่ามัวฉับพลัน เลือดลมปั่นป่วน

เพียงเสียงสายฟ้าฟาดที่ห่างกันไกลลิบขนาดนั้นยังทำให้พวกเขาต่างรู้สึกแย่หาใดเทียบ!

จากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าเหนือเวิ้งฟ้าแห่งนั้นมีปรากฏการณ์ประหลาดมากมายปรากฏขึ้น มีทั้งอสนีเคราะห์สีม่วงรวมตัวเป็นดอกมหามรรค ผลิบานอยู่ในส่วนลึกของเมฆเคราะห์สีดำ

มีทั้งอสนีเคราะห์สีเขียวแปลงเป็นเงาร่างเทพเทวา โอหังเหนือโลกา มีอสนีเคราะห์สีแดงควบรวมเป็นเตาทองแดง โคจรครั่นครืน มีเคราะห์อสนีสีเงินแปลงเป็นสุริยันจันทราดารา หมุนโคจรเป็นวัฏจักรไม่ว่างเว้น…

ภาพอัศจรรย์เช่นนั้น เป็นที่น่าตื่นตะลึงในโลกา!