เมื่อกู้เย้นจงพูดคำฮึกเหิมจบ คนอื่นๆได้ยินสิ่งนี้ราวกับว่าพวกเขากินยาสร้างความมั่นใจในทันที ไม่เพียงแต่พวกเขาโล่งใจอย่างมาก และแม้แต่รอยยิ้มที่ตื่นเต้นก็เต็มบนใบหน้าของพวกเขา

บางคนถึงกับปรบมือโดยไม่ตั้งใจ

ส่งผลให้ทุกคนปรบมือและเห็นด้วยอย่างมีความสุข

ทุกคนมีส่วนร่วมในกู้ซื่อกรุ๊ปสุดท้ายก็เพื่อจุดประสงค์ในการทำเงิน พวกเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในกลุ่มและอุบาย พวกเขาเพียงต้องการติดตามบุคคลที่สามารถนำพวกเขาไปสู่การทำเงินได้ดีที่สุด ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้

เนื่องจากปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับกู้เย้นจงและอาการป่วยร้ายแรงของเขาหายดีแล้ว แต่ทำไมไม่สนับสนุนเขาต่อไป ยืนเคียงข้างเขาและทำเงินมากขึ้นภายใต้การชี้นำของเขาล่ะ? จริงมั้ย?

แต่สีหน้ากู้เย้นเจิ้งและกู้เย้นกางก็ไม่สู้ดีทันที

หลังจากเตรียมแผนอย่างพิถีพิถันมาเนิ่นนาน หรือว่าเพิ่งเริ่มได้ไม่นานก็จบลงแล้ว?

ความรู้สึกนี้มันอึดอัดจริงๆ

ราวกับว่าตัวเองได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาหลายสิบปีเพื่อท้าทายปรมาจารย์ โดยคิดว่าตัวเองนั้นไร้ผู้ต่อกร

สรุปว่าเมื่อมาถึงตรงหน้าปรมาจารย์ เพียงแค่การเคลื่อนไหวเดียวของปรมาจารย์ก็พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์

เป็นการโจมตีทั้งสองที่ยิ่งใหญ่มาก

ในเวลานี้ กู้เย้นเจิ้งยังคงไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้!

เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “พี่ใหญ่! คุณหยุดหยอกล้อทุกคนเถอะ มะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้ายจะหายขาดได้อย่างไร คุณคิดว่าเราอายุสามขวบกันเหรอ? สตีฟจ็อบส์ก็จากไปแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณบอกว่าตอนนี้คุณหายแล้วใครจะเชื่อ? ถ้าเกิดคุณเล่นอุบายใส่ทุกคนเมื่อถึงเวลาให้ผู้ถือหุ้นรู้ก็จะหมดความมั่นใจในราคาหุ้นของกรุ๊ปเรา และราคาหุ้นก็จะถล่มทลายไปจนหมด ”

กู้เย้นจงไม่โกรธ เขายืนขึ้นและหันกลับมาถามด้วยรอยยิ้ม “น้องรอง นายดูสิว่าสภาพของฉันเหมือนไม่สบายหรือเปล่า?”

กู้เย้นเจิ้งเริ่มเจ้าเล่ห์พลางพูดว่า “ดูแล้วจะมีประโยชน์อะไร ดวงตาของฉันไม่ใช่ CT และฉันมองไม่เห็นว่าเนื้องอกในร่างกายของคุณอยู่ส่วนไหน บางทีคุณอาจจะกลับมาสดใสก่อนตายก็ได้”

กู้เย้นจงส่งเสียงไม่พอใจอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็ยกมือขึ้นอย่างกะทันหัน และตบไปที่กู้เย้นเจิ้งซึ่งนั่งอยู่ทางซ้ายของเขา

มีเสียงป้าบในห้องประชุมดังขึ้นอย่างคมชัด และแม้แต่เสียงก้องเล็กน้อยก็ก่อตัวขึ้นในห้องประชุมขนาดใหญ่นี้

กู้เย้นเจิ้งถูกตบจนหูวิ้ง แรงมหาศาลทำให้เขาเอนหลังอย่างควบคุมไม่ได้ จากนั้น เก้าอี้ของเขาก็เสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้นอย่างแรง

กู้เย้นกางน้องสามที่นั่งอยู่ข้างๆ เขารีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วย

กู้เย้นเจิ้งประคองเขา กุมหัวแล้วลุกขึ้นตะโกนด้วยความโกรธ “พี่ใหญ่คุณหมายความว่ายังไง? ทำไมคุณถึงทุบตีฉัน? ประธานที่สง่างามอย่างคุณตีคนในคณะกรรมการ คุณไม่กลัวที่ถูกคนภายนอกหัวเราะเยาะเหรอ?”

กู้เย้นจงยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “น้องรองนายต้องการรู้ว่าฉันหายดีแล้วหรือยังไม่ใช่เหรอ? เมื่อกี้ถูกตบจนหูวิ้งนายรู้สึกอย่างไร? ดูเหมือนคนป่วยตบหรือเปล่า?”

“คุณ…” กู้เย้นเจิ้งไม่คิดว่าเขาจะทุบตีตัวเองไม่พอ แถมตีวัวกระทบคราดอีกทันใดนั้นเขาก็รู้สึกโกรธ!

แต่ ณ เวลานี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้สู้พี่ชายไม่ไหวด้วย เขาได้แต่กัดฟันพลางพูดว่า “พี่ใหญ่ พูดแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าจะให้ผมและนักลงทุนมั่นใจ คุณควรเผยแพร่รายงานการตรวจสุขภาพล่าสุดของคุณ และต้องเป็นรายงานที่ออกโดยหน่วยงานตรวจสุขภาพที่มีอำนาจ”

กู้เย้นจงเยาะเย้ย “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่มั้ย? ได้หลังจากประชุมเสร็จฉันจะเรียกนักข่าวที่รออยู่ข้างนอกและจัดงานแถลงข่าว หลังจากงานแถลงข่าวฉันจะไปโรงพยาบาลเซี๋ยเหอเพื่อตรวจร่างกายและทำซีทีสแกนทั้งตัว ผลลัพธ์ออกมาเร็วมาก ถ้าเร็วที่สุดผลตรวจจะได้ในบ่ายวันนี้”