“อะไรนะ? มันมีคนมาท้าขุนเขาที่เผ่ากรุงมังกรเรา?”
“นานแค่ไหนแล้วกันที่ไม่มีใครกล้ามาท้าขุนเขาที่เผ่ากรุงมังกรเรา?”
“เฮอะๆ ชีหยูและต้าอี้สองคนนั้นต่างเป็นตัวตนระดับสูงของอันดับท้าขุนเขา ใครกันมันช่างกล้า?”
“ไป! ไปดูกันเถอะ! ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามันเป็นใคร!”
…
เมื่อมีคนมาท้าขุนเขามันย่อมจะทำให้ทั้งเผ่ากรุงมังกรนั้นแตกตื่นไปตามๆ กัน
ท้าขุนเขานั้นมันเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันทั่วสวรรค์ศาลโมฆะส่องสว่าง
หากคิดอยากไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะของเผ่าใด วิธีนี้มันก็เรียกได้ว่าเป็นทางลัด
เพราะฉะนั้นเผ่าต่างๆ จึงย่อมส่งคนหนุ่มสาวของตัวเองออกไปท้าขุนเขาตามที่ต่างๆ มากมาย
มันจึงถือว่าเป็นการแข่งขันของคนรุ่นใหม่
โดยจะตัดสินว่าใครเหนือใครต่ำกว่ากัน และยังเป็นการฝึกฝนตัวอีก
มันจึงเกิดสิ่งที่เรียกว่าอันดับท้าขุนเขาขึ้นมา
แดนตรังค์ตะวันออกนั้นมันเป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลแน่นอนว่ายอดฝีมือมันย่อมจะมีมากมายไม่อาจนับ
คนที่ติดห้าร้อยอันดับท้าขุนเขาได้นั้นมันล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
เผ่ากรุงมังกรนั้นมีชีหยูและต้าอี้สองคนที่ติดหนึ่งร้อยอันดับแรก
แน่นอนว่าฝีมือของพวกเขานั้นมันทรงพลังอย่างมาก
แต่ว่าแค่คนอย่างเย่หยวนนี้ชีหยูและต้าอี้ย่อมจะไม่ลงมาจัดการเอง
เผ่ากรุงมังกรนั้นมันเป็นเผ่าใหญ่ มันย่อมจะไม่ได้มีผู้ท้าขุนเขาแค่สองคนเท่านั้น
“มันกลับเป็นนักยุทธสายเลือด! ไอ้หนู มาจากทางไหนก็กลับไปทางนั้น! อย่าได้มาทำเรื่องขายหน้าให้ตัวเองเลย!”
“ฮ่าๆๆ นักยุทธสายเลือดมันกลับคิดอยากจะเข้าเกาะมังกรสวรรค์! ไอ้หนู เจ้าหลงตัวเองไปแล้ว!”
“มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางก็กล้ามาท้าเผ่ากรุงมังกรเรา ไอ้เด็กนี่มันสติไม่ดีหรือ?”
…
เสียงร้องเย้ยหยันดังขึ้นจากรอบด้าน
นักยุทธสายเลือดนั้นมันเป็นตัวตนที่ถูกดูถูกจากเผ่าภูตแท้ทั้งหลาย
แต่ว่าพวกเขาทั้งหลายเองก็จะมอบเลือดออกไปให้มนุษย์เช่นกันเพื่อที่จะได้มีทาสที่จงรักภักดีแก่ตัวเอง
ยามเฝ้าหน้าเผ่าคนนั้นเองก็เป็นเช่นนี้
แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานวันการทำเช่นนั้นย่อมทำให้นักยุทธสายเลือดแทบทั้งหมดมีสถานะเป็นแค่คนรับใช้
“เฮอะ ไอ้เด็กมนุษย์มันก็กล้ามาท้าขุนเขาที่เผ่ากรุงมังกรเราหรือ เจ้ามันช่างกล้าดีจริงๆ!” คนที่กล่าวขึ้นมานั้นก็คืออานชาน
เขาเองก็เป็นคนที่ติดอันดับท้าขุนเขาอยู่ที่อันดับสี่ร้อยกว่าๆ เป็นถึงมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นสุด
อันดับสี่ร้อยกว่าๆ นั้นมันถือว่าไม่อ่อนแอแล้ว
คนที่ติดห้าร้อยอันดับแรกได้นั้นมันไม่ได้มีฝีมือต่างกันมากมายนัก
สายเลือดของพวกเขา พลังบ่มเพาะของพวกเขา ฝีมือการต่อสู้ของพวกเขานั้นมันสามารถเทียบเคียงกันได้
และเย่หยวนนั้นเป็นแค่เด็กน้อยไม่รู้จักโลกที่เพิ่งมาท้าขุนเขาครั้งแรก
แน่นอนว่าย่อมจะยังไม่ติดอยู่บนอันดับท้าขุนเขา
แค่มีสายเลือดสูงส่งนั้นมันไม่พอ
เย่หยวนหันไปมองหน้างูเหลือมยักษ์ตรงหน้าและส่ายหัวออกมา “เจ้าไม่ได้ เจ้ามันอ่อนแอไป! เผ่ากรุงมังกรไม่มีใครเก่งกว่านี้แล้วหรือ?”
เมื่ออานชานได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องร้องลั่นขึ้นอย่างคับแค้นใจ “ไอ้หนู เจ้าท้าขุนเขาเช่นนี้ เจ้าจะได้ตายเข้าแน่นอน เข้าใจหรือไม่?!”
เย่หยวนนั้นส่ายหัวตอบกลับไป “คนอ่อนแออย่างเจ้านั้นต่างหากที่จะตาย!”
คนทั้งหลายที่ได้ยินนั้นต้องผงะไปทันที เจ้าเด็กบ้านี่มันโผล่มาจากไหนทำไมถึงได้โอหังขนาดนี้?
คนอื่นๆ เวลาท้าขุนเขานั้นพวกเขาย่อมจะเริ่มจากเผ่าที่อ่อนแอก่อนแล้วค่อยไต่ระดับขึ้นมา
แต่เจ้าเด็กบ้าหัวร้อนนี่กลับมาท้าทายเผ่ากรุงมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับแรก
เพราะในเผ่ากรุงมังกรนั้นมันมียอดฝีมือผู้ท้าขุนเขาที่ติดห้าร้อยอันดับแรกอยู่มากถึงเจ็ดคน!
อานชานนั้นหรี่ตาลงกล่าวอย่างเย็นเยือก “เริ่มเถอะ! ข้ารอที่จะสังหารเจ้าลงไม่ไหวแล้ว!”
เย่หยวนเองก็ไม่รอช้าปล่อยสายเลือดมังกรออกมาพร้อมตรามังกร
อานชานเองก็ปล่อยตรามังกรออกมาเช่นกัน
คนทั้งสองนั้นต่างฝ่ายต่างรับตรามังกรของกันและกันไป ถือว่าเป็นอันเสร็จพิธี
ท้าขุนเขานั้นมันเป็นการต่อสู้ที่ห้ามคนนอกเข้ายุ่งเกี่ยว
หากเผ่าใดคิดลอบทำร้ายผู้ท้าขุนเขาระหว่างต่อสู้พวกเขาก็จะถูกเผ่าอื่นรุมคว่ำบาตรทันที
พิธีนี้มันคือการแสดงความยินยอมถึงผลการต่อสู้
ผู้ชนะนั้นจะได้รับตราของผู้แพ้ไป แลกกับตราของตนเอง
เมื่อพิธีจบลงแล้วอานชานก็อ้าปากกว้างพุ่งตัวใส่เย่หยวนทันที
“กลืนสวรรค์!”
อานชานนั้นขยายร่างใหญ่ขึ้นพร้อมกรามที่ขยายออก
คลื่นพลังกดดันรุนแรงกลืนเย่หยวนเข้าไป
เย่หยวนนั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบโต้
ภายในร่างของงูหลามกลืนสวรรค์นั้นมันมีห้วงมิติแยกเฉพาะไว้สำหรับกลืนกินชีวิตอื่นๆ
สิ้งนี้มันก็คือทักษะเทวะภายในของเผ่าพันธุ์นี้
ภายใต้ห้วงมิตินั้นแม้แต่อากาศก็ยังมีฤทธิ์กัดกร่อน
ไม่นานร่างของเหยื่อก็จะกลายเป็นแค่เศษเนื้อไม่อาจจะหนีออกมาได้แน่นอน
“ฮ่าๆๆ ข้าก็คิดว่าไอ้เด็กนี่มันจะเก่งกาจแค่ไหน ไม่นึกเลยว่ามันจะรับไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว!”
“อ่อนแอแท้ๆ! ข้าก็นึกว่าจะได้เห็นอะไรสนุกๆ”
“สร้างเรื่องใหญ่โตแต่สุดท้ายกลับจบลงแค่นี้? น่าเบื่อแท้ๆ!”
“มันไม่มีอะไรให้สนใจตั้งแต่แรกแล้ว มีหรือที่นักยุทธสายเลือดมันจะเก่งกาจได้จริง? ไปเถอะ แยกย้ายๆ!”
…
การต่อสู้เช่นนี้มันย่อมจะน่าเบื่อจนเกินกว่าจะทนดู
การถูกงูหลามกลืนสวรรค์กลืนลงท้องไปนั้นมันคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดแล้ว
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่มีปัญญาจะตอบโต้ใดๆ แม้แต่น้อยและกลับมีหน้ามาท้าขุนเขา มันช่างน่าขัน
อานชานนั้นวางท่ากล่าวเย้ยขึ้น “ฝีมือแค่นี้มันก็กล้ามาบอกว่าจะสังหารข้า? ไอ้เด็กนี่สมองมัน…อ่อก…อ่อก”
อานชานที่กำลังวางท่าเป็นผู้ชนะอยู่นั้นจู่ๆ ก็กระอักขึ้นมาพร้อมลงไปดิ้นด้วยท่าทางเหมือนคนปวดท้อง
ได้เห็นเช่นนี้คนทั้งหลายก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น
งูหลามกลืนสวรรค์นั้นมันคือตัวตนที่กลืนกินได้แม้แต่สวรรค์ ทำไมมันจะปวดท้องได้?
จะบ้าเรอะ!
‘ท่านอานชานเป็นอะไรไปกัน?’
‘หรือว่าจะเป็น…ไอ้เด็กนั่น?’
มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
งูหลามกลืนสวรรค์นั้นมีความสามารถที่เหนือล้ำ
แม้จะนับกับทายาทมังกรทั้งหลายพวกเขาก็นับเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังอย่างมาก
ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่เผ่ากรุงมังกรนี้จะให้กำเนิดแม้แต่สายเลือดระดับสวรรค์แห้งได้?
เพราะว่าวิชาการกลืนกินนี้ที่หากลืนลงท้องไปได้แล้วมันก็เท่ากับว่าชนะแน่นอน
ความสามารถนี้มันทำให้หลายครั้งพวกเขาต่อสู้ข้ามอาณาจักรได้
แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“อ่อก… อัก…”
อานชานนั้นดิ้นไม่หยุดร่างกายใหญ่ยักษ์ของเขานั้นมันตกลงฟาดพื้นหลายครั้งกลิ้งไปมา
“ออกมา! ไอ้หนู ออกมา! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้ว! อ่อก…อัก…”
คนที่ได้เห็นนั้นต่างเบิกตากว้าง!
แม้จะเป็นคนโง่แค่ไหนก็ดูออกว่าต้นเหตุที่ห้วงมิติภายในของอานชานปั่นป่วนนั้นเกิดขึ้นมาเพราะอะไร
คนร้ายนั้นคือเย่หยวน
ตอนนี้มันมิใช่ปัญหาที่ว่าจะกลืนได้หรือไม่แล้ว
แต่แม้อานชานกลับพยายามสำรอกเย่หยวนออกมาแค่ไหนอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะยอมออกมา!
นี่มัน…น่าอับอายนัก!
แต่หลังจากเข้าไปในห้วงมิติภายในแล้วทำไมเขาถึงยังเก่งกาจได้?
อานชานนั้นกลิ้งไปมาบนพื้น ซึ่งคนทั้งหลายนั้นก็เห็นชัดเจนว่ามีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเขา
ดูท่าแล้วเขาคงทรมานอย่างมาก…
เขานั้นร้องไห้ขอร้องให้เย่หยวนออกมา แต่เย่หยวนกลับไม่คิดออกมา
ไม่รู้ว่าเขาต้องทนทรมานไปอีกนานแค่ไหน แต่สุดท้ายหลังของอานชานก็ระเบิดออกอย่างรุนแรง
พร้อมกับเงาร่างหนึ่งที่ก้าวออกมา มันจะเป็นใครไปได้นอกจากเย่หยวน?
อานชานนั้นหยุดร้องและนอนนิ่งลงบนพื้นไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
คนดูทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่มองดูเย่หยวนราวกับว่าเขานั้นเป็นสัตว์ประหลาด
“เจ้าบ้านี่…เจ้าบ้านี่ต่อยทลายห้วงมิติภายในของท่านอานชาน? นี่มัน…มนุษย์จริงๆ หรือ?”
“มันอยู่ในห้วงมิติภายในตั้งนานแต่กลับไม่มีแม้แต่แผลเลย?”
“หากมนุษย์เป็นอย่างมันกันหมดแล้วทักษะเทวะภายในของเผ่าพันธุ์เรามันจะไม่กลายเป็นเรื่องตลกไปหรือ?”
…
ชาวงูหลามกลืนสวรรค์ทั้งหลายนั้นรู้สึกเย็นเยือกไปถึงกระดูก
ได้เห็นรูใหญ่บนหลังของอานชานนั้นพวกเขาก็เริ่มกลัวที่จะกลืนศัตรูขึ้นมาทันที
หากอีกฝ่ายที่พวกเขากลืนมันเป็นอย่างเย่หยวนเล่าจะทำอย่างไร?
“ข้าก็บอกไปแล้วว่ามันอ่อนแอเกินไป มีใครเก่งกว่านี้ไหม?” เย่หยวนหันมาถามกลุ่มคน
……………………….