ตอนที่ 1907 – สงบลง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1907 – สงบลง

เจี้ยนเฉินคว้าแหวนมิติที่ผู้พิทักษ์จักรวรรดิสูงสุดได้โยนให้เขาและตรวจสอบของข้างในด้วยการรับรู้ของจิตวิญญาณของเขา

มีเพียงสองสิ่งในแหวนมิติ: เหรียญผลึกและยาเม็ด

อย่างไรก็ตาม มันมีเหรียญผลึกกองเป็นภูเขารวมทั้งยาเม็ด พวกมันมีจำนวนมากและวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ยังประหลาดใจในปริมาณเหรียญผลึกที่กองเป็นภูเขา

“อาจจะมีเหรียญผลึกหลายแสนล้านที่นี่หรือมากกว่านั้น” เจี้ยนเฉินประหลาดใจอย่างลับ ๆ แม้ว่าเขาเคยเห็นเหรียญผลึกมากมาย แต่เขาก็ยังประหลาดใจเมื่อเห็นจำนวนอันมหาศาลของมัน

น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือเหรียญผลึกทั้งหมดนั้นอยู่ในระดับต่ำ เป็นผลให้เมื่อแปลงพวกมันเป็นเหรียญผลึกระดับกลางได้เพียง 1,000 ล้านเหรียญผลึกระดับกลางหรือ 10 ล้านเหรียญผลึกระดับสูง

เหรียญผลึกระดับสูง 1 ล้านเทียบเท่ากับ 1 ก้อนผลึก ดังนั้นเหรียญผลึกระดับสูง 10 ล้านจึงเทียบเท่ากับ 10 ก้อนผลึกระดับสูง นี่เทียบเท่ากับความมั่งคั่งของตระกูลขั้นเหนือเทพ

ยาเม็ดรักษาส่วนใหญ่ก็เหมือนเหรียญผลึก พวกมันไม่ได้อยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะ แต่พวกมันมีผลการรักษาค่อนข้างชัดเจน

เหรียญถูกใช้เพื่อชดเชยค่าเสียหายของเมืองหลัก เพื่อให้เขาสามารถสร้างเมืองขึ้นใหม่ได้ ในขณะที่เม็ดยานั้นแน่นอนว่าใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้

เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิสูงสุดมาพร้อมกับสิ่งของเหล่านี้ตามความมุ่งหมาย เขาเตรียมพวกมันไว้ล่วงหน้า

อย่าลืมว่า มันก็ค่อนข้างยากที่จะรวบรวมทรัพยากรจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ

เจี้ยนเฉินเงียบไปสักพักพร้อมกับแหวนมิติที่อยู่ในมือก่อนที่จะพูดว่า “ในเมื่อผู้พิทักษ์จักรพรรดิมาเพื่อขอความเมตตา ข้าจะปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน ชีวิตของพวกเขาได้รับการยกเว้น แต่พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการลงโทษได้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้พิทักษ์สำนักจิตวิญญาณปฐพี พวกเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนเรื่องที่ทำลายเมืองหลักของข้า”

เจี้ยนเฉินยื่นมือออกมาและแผ่ปราณกระบี่หกเส้นไปที่หน้าผากของคนหกคนรอบ ๆ ทันที ปราณกระบี่แต่ละเส้นมีขนาดเท่าเข็ม

ผู้พิทักษ์ของสำนักวิญญาณปฐพีที่ถูกมัดอยู่ไม่สามารถหลบการโจมตีของเจี้ยนเฉินได้เลย ปราณกระบี่เจาะผิวของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย มันพุ่งผ่านหน้าผากของพวกเขาและมุ่งหน้าตรงไปยังสมองของพวกเขา ทำร้ายจิตวิญญาณของพวกเขา

“อ้าก ! ”

ผู้พิทักษ์ทั้งหกที่ได้รับบาดเจ็บอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาอย่างเจ็บปวด พวกเขาหน้าซีดและอ่อนแอมาก

เจี้ยนเฉินได้ควบคุมพลังของปราณกระบี่อย่างสมบูรณ์แบบ มันจะทำร้ายแต่ไม่ทำลายจิตวิญญาณของพวกเขา มันจะยากมากสำหรับพวกเขาที่จะฟื้นตัวจากสิ่งนี้เว้นแต่พวกเขาจะมีสมบัติสวรรค์หรือยาที่พิเศษ

อย่างไรก็ตาม ของทั้งสองนั้นมีค่ามาก

“เจ้าทำร้ายวิญญาณของเราจริง ๆ ! เมื่อเจ้าสำนักของเรามาถึงเขาก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้” หญิงสาวคนที่ถือพัดจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความโกรธแค้นขณะที่นางกัดฟันพูด

ผู้พิทักษ์คนอื่น ๆ ก็มองเจี้ยนเฉินด้วยความโกรธ สายตาของพวกเขาดูเหมือนว่าพวกเขาอยากจะกินเจี้ยนเฉินทั้งเป็น

มีเพียงผู้พิทักษ์คนเดียวที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ เขามีความหวาดกลัวอย่างที่สุด เขาไม่กล้าพูดสักคำเดียว

อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้มีส่วนร่วม เจี้ยนเฉินจึงไม่ได้ตั้งเป้าหมายเขาเป็นพิเศษ เจี้ยนเฉินไม่ทำร้ายวิญญาณของเขา

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินปล่อยพันธนาการที่เขาได้มัดพวกเขาด้วยเกราะไหมบรรพกาล ทำให้พวกเขาขยับตัวได้

ผู้พิทักษ์จักรพรรดิสูงสุดมองดูเฉินเจี้ยนที่สวมชุดดำอย่างลึกซึ้งเช่นเดียวกับปรมาจารย์เฉินหลงผู้ยืนอยู่ด้านหน้าไคยะในเมืองหลัก หลังจากนั้นเขาก็จากไปพร้อมกับผู้พิทักษ์ทั้งเจ็ด

โดยธรรมชาติวายเนอร์หยานไม่ได้อยู่ต่อ เขาจากไปพร้อมกับผู้พิทักษ์จักรพรรดิ เขาลุกขึ้นยืนพร้อมผู้อาวุโสที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาไปกับพวกเขาโดยไม่คำนึงถึงเหตุผล

หลังจากเห็นว่าสำนักจิตวิญญาณปฐพีได้สร้างความเสียหายมากมายเช่นนี้ขึ้นมา ขั้นเทพทั้งสองของตระกูลวายเนอร์ก็อยู่ในเมืองไม่ได้เช่นกัน พวกเขาติดตามวายเนอร์หยานไปยังเมืองหลวง

แคว้นตงอันสงบลงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามคลื่นกระแทกของพลังงานจากการต่อสู้ที่สะท้อนอยู่บนท้องฟ้า ลมที่เกรี้ยวกราดก็เปล่งเสียงดัง

เจี้ยนเฉินหันไปรอบ ๆ แล้วมองไปที่กำแพงเมืองที่เสียหาย เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในขณะที่เขาแสดงความรู้สึกอับจนหนทางเล็กน้อย

ในช่วงเวลานี้โม่หลิง, อันโด, หนานหยุนตงและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็บินออกจากเมือง พวกเขารวมตัวกันต่อหน้าเจี้ยนเฉินและจ้องมองเขาด้วยความชื่นชมและความเคารพ

ฮุสตัน, จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิสิทธิ์, เสี่ยวจิน, เสี่ยวหลิง, รุยจิน, เฮยยู่, หงเหลียนและคนอื่น ๆ ก็โผล่ออกมาจากบริเวณที่ต้องห้าม พวกเขารวมตัวกันตรงหน้าเขา

อย่างไรก็ตาม ซางกวนมู่เอ๋อไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น

“พี่ชาย เราจะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้หรือ ? ” จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิสิทธิ์ถาม เขาลังเลอย่างมากพร้อมกับจิตสังหารที่ทรงพลังแผ่ออกมาจากตัวเขาอย่างชัดเจน

“แย่…พวกเขาแย่มาก พวกเขาทำลายบ้านเรา” เหมือนเด็กสาวที่น่าสงสาร เสี่ยวหลิงกลั้นน้ำตาของนางขณะที่สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเศร้า

คนอื่น ๆ ต่างก็แสดงความเห็นใจในเรื่องนี้ด้วยความจริงใจ

“เรื่องของเรากับสำนักจิตวิญญาณปฐพียังไม่จบ กลับไปกันก่อนกันเถอะ” เจี้ยนเฉินพูดกับทุกคน เขารู้ดีอย่างยิ่งว่าสำนักยิ่งยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ก็มีความภาคภูมิใจมากเท่านั้น ตอนนี้ผู้พิทักษ์ทั้งเจ็ดของสำนักจิตวิญญาณปฐพีได้รับพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของตระกูลขั้นเหนือเทพในอาณาจักรอันเล็กกระจ้อยร่อยดั่งเช่นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยเรื่องที่เกิดขึ้น

ในวันนี้เป็นเพียงการเริ่มต้น

เจี้ยนเฉินเข้าไปหาไคยะโดยตรงในเมืองหลัก ความรู้สึกของเขาปะปนกันมากเมื่อเขาเห็นปรมาจารย์เฉินหลงยืนตรงหน้านาง

เขารู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะการปกป้องของปรมาจารย์เฉินหลงในวันนี้ ชีวิตของไคยะก็น่าจะจบสิ้นแล้ว ปรมาจารย์เฉินหลงช่วยชีวิตนางในวันนี้

“เฉินหลง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าต้องขอบคุณเจ้ากับสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้” เจี้ยนเฉินพูดกับเฉินหลง

ปรมาจารย์เฉินหลงไม่แยแสต่อการแสดงความขอบคุณของเจี้ยนเฉิน เขาพูดอย่างสงบ “ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าเลย ข้าแค่ปกป้องสหายของข้าเท่านั้น”

หลังจากนั้นปรมาจารย์เฉินหลงมองไปที่ไคยะแล้วเสียงของเขาก็ดังขึ้น เขากล่าวว่า “ ไคยะ กองทัพทั้งสามของลัทธิปิศาจชั้นฟ้ากำลังจะโจมตีอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน การอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ทำไมเจ้าไม่ไปกับข้าล่ะ ? ”

“ เฉินหลง เจ้าอาจจะช่วยไคยะ แต่อย่าคิดแม้แต่จะพานางไป มิฉะนั้นข้าจะทำให้เจ้าอยู่ต่อได้เช่นกัน” ก่อนที่ไคยะจะตอบ เจี้ยนเฉินก็ตัดบท เขาพูดอย่างเอาจริงเอาจังไม่มีช่องว่างให้ต่อรอง

เขาจะไม่อนุญาตให้ไคยะไปกับใครบางคนที่นางเพิ่งพบเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขามักจะรู้สึกว่าปรมาจารย์เฉินหลงอาจมีแรงจูงใจที่ซ่อนเร้นสำหรับการผูกมิตรกับไคยะซึ่งเป็นเพียงเซียนจักรพรรดิในขณะที่เขาเป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลาย

ลำพังแต่เพียงความแตกต่างในด้านความแข็งแกร่ง แต่พวกเขารู้จักกันมานาน

ยิ่งไปกว่านั้นไคยะยังมีสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีที่ติดตามนางด้วยความตั้งใจของมันเอง เขายังสงสัยด้วยว่าปรมาจารย์เฉินหลงรู้ว่ามันคืออะไร ซึ่งเป็นสาเหตุที่เขาพยายามผูกมิตรกับไคยะอย่างแข็งขัน

“เจี้ยนเฉิน ข้าต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งของเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าในอดีต แต่การทำให้ข้าอยู่ที่นี่นั้นเป็นไปไม่ได้ ถ้าข้าต้องการจากไป” ปรมาจารย์เฉินหลงตอบอย่างแข็งกร้าวโดยไม่มีความกลัว

“เฉินหลง เจี้ยนเฉิน หยุดเถียงกันได้แล้ว” ไคยะรีบมายืนระหว่างกลางพวกเขาหลังจากที่ได้สัมผัสบรรยากาศกดดันระหว่างพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ นางกลัวว่าพวกเขาสองคนจะเริ่มต่อสู้กัน

“เฉินหลง ขอบคุณที่ช่วยข้า อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินเป็นสหายที่สำคัญที่สุดในชีวิตของข้าในตอนนี้ ข้าจะไม่ทิ้งเขาไป” ไคยะพูดอย่างจริงจัง

ปรมาจารย์เฉินหลงมองไปที่ไคยะด้วยความสนใจ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถอนหายใจอย่างแผ่วเบาในที่สุด “มันยุติธรรมพอ เมื่อเจ้าเลือกที่จะอยู่ข้างหลัง ข้าจะไม่บังคับให้เจ้าจากไปกับข้า” หลังจากนั้น ปรมาจารย์เฉินหลงก็ไม่พูดอีกต่อไป เขาหันหลังกลับและเดินออกจากเมืองและจากไปจากแคว้นตงอัน

เจี้ยนเฉินดูเขาจากไปและไม่ได้หยุดเขา ไม่คำนึงถึงสิ่งที่เขาทำในอดีตที่ผ่านมา เฉินหลงได้ช่วยชีวิตของไคยะ เขาไม่สามารถโจมตีอีกฝ่ายได้อีกต่อไป

“มันแปลกจริง ๆ ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นเคย ? ” ไคยะยังคงรู้สึกงุนงงมากเมื่อนางมองดูที่ด้านหลังของปรมาจารย์เฉินหลง นางกลับมาตระกูลเทียนหยวนพร้อมกับเจี้ยนเฉินด้วยความสับสนเล็กน้อย