หนิงหานยู่มักจะสืบเกี่ยวกับข่าวสารต่าง ๆ ย่อมรู้ดีว่าเทือกเขาวายุเปราะคือสิ่งใด ดังนั้นจึงได้เอ่ยปากอธิบาย “เทือกเขาวายุเปราะคือสถานที่ที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งบนจินเฮ่าซิง ที่นั่นจะมีพลังอัสนีวาโยแผ่ขยายออกมาตลอดทั้งปี มันคล้าย ๆ กับป่าลมสายฟ้าที่โลกามนุษย์ของพวกเรา แต่ว่าเทือกเขาวายุเปราะของที่แห่งนี้ มันน่ากลัวยิ่งกว่าป่าลมสายฟ้าอย่างมาก”

ป่าลมสายฟ้า เทือกเขาวายุเปราะ?

ฉียู่หรงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เทือกเขาวายุเปราะนางไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ป่าลมสายฟ้านางรู้จักเป็นอย่างดี สถานที่ที่น่ากลัวเช่นนั้นปกคลุมอัสนีวายุ อันตรายอย่างยิ่ง มีบางอย่างอันตรายกว่าป่าลมสายฟ้า ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพเข้าไป เป็นไปได้ที่จะตายโดยไม่ต้องฝังศพ

แต่เทือกเขาวายุเปราะนั้นน่ากลัวเสียยิ่งกว่าป่าลมสายฟ้าของโลกามนุษย์เสียอีก สิ่งนี้ทำให้ฉียู่หรงอดไม่ได้ที่จะกังวลใจว่าหากนางกับหนิงหานยู่เข้าไปแล้ว จะสามารถกลับออกมาได้หรือไม่

“ท่านพี่อย่าได้กังวลใจไป ท่านลืมแล้วหรือว่าข้าฝึกตนด้วยกฎใด? ถึงแม้ว่าตอนนี้กฎชีวิตของข้าจะยังไม่บรรลุถึงแดนขั้นที่หก แต่หากต้องเอาชีวิตรอดจากเทือกเขาวายุเปราะก็น่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด” หนิงหานยู่กล่าวด้วยความมั่นใจ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉียู่หรงก็ไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใดต่อไปช่วงหนึ่ง แม้ว่านางจะมีบุคลิกที่สงบและมั่นคงกว่าน้องสาวผู้นี้ แต่ถ้าพูดเรื่องความฉลาด นางยังด้อยกว่าหนิงหานยู่อยู่มาก

ของขลังนภาเวหาที่หลัวซิวทิ้งเอาไว้เต็มเปลี่ยมไปด้วยความลึกลับของกฎสองชนิดคือปริภูมิและความเร็ว ถึงแม้จะไม่สามารถเทียบกับปีกเทพไร้มลทินได้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ของขลังนภาเวหาทั่วไปสามารถเทียบเท่าได้

ต่อให้เป็นเซวียนจิงหยุนก็คาดไม่ถึงว่าพวกนางจะเลือกหนีไปเสี่ยงตายที่เทือกเขาวายุเปราะ ดังนั้นเส้นทางที่ฉียู่หรงและหนิงหานยู่บินมานั้น ไร้ซึ่งการขัดขวางตลอดทั้งทาง

ในเวลานี้ พวกนางทั้งสองได้ยืนอยู่บนขอบภูเขาที่กระจายด้วยพลังอัสนีวาโยแล้ว แม้จะยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่ได้เข้าไป ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวายุที่เฉียบคมและเสียงก้องกังวานของสายฟ้า พลังที่ยิ่งใหญ่ทั้งยังไร้ขอบเขตเช่นนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นมัน

กลางเทือกเขาวายุเปราะ ตัวสำนึกไม่สามารถผ่านเข้าไปสำรวจได้ มิฉะนั้น มันจะถูกพลังอัสนีวาโยที่รุนแรงในทำลายทันที แม้กระทั่งอาจทำให้ตัวหยั่งรู้ได้รับความเสียหายด้วย

“หานยู่ เจ้าแน่ใจหรือว่าเราควรจะเข้าไปที่นี่?” ก่อนหน้านี้ได้ฟังคำพูดของหนิงหานยู่ แต่เมื่อได้มาเห็นทิวทัศน์ที่สยองขวัญของเทือกเขาวายุเปราะจริง ๆ ในใจของฉียู่หรงก็รู้สึกไม่สงบขึ้นมา

“แน่นอนว่าต้องเข้าไป เพียงแค่พวกเราอดทนจนท่านพี่เย่กลับมา ข้าเชื่อว่าท่านพี่เย่จะต้องมาช่วยเราออกไปเป็นแน่” หนิงหานยู่กัดฟันแน่น แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาในตัวนาง

……

ที่คูเมืองของจินเฮ่าซิง หลัวซิวและจีเสี่ยวจื่อได้นั่งค่ายวาร์ปมาหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดครั้งนี้ก็ถึงเสียที

จากดารายอดอัมพรถึงจินเฮ่าซิง สามารถพูดได้ว่าจากใจกลางมหาโลกายอดอัมพร ไปจนถึงสุดขอบของมหาโลกาห้วงดารา ระยะทางตรงกลางนั้น หากอาศัยเพียงวิชาร่างกลของตนเดินทาง อย่างน้อยคงต้องใช้เวลาอีกหลายปี

ตลอดทางที่ผ่านมา หลัวซิวก็พูดกับจีเสี่ยวจื่อเกี่ยวกับบางเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนที่โลกามนุษย์ โดยเฉพาะที่บนโลกดึกดำบรรพ์ฉกฉวยเอาหนวดของอสูรกลืนดาราไป นั่นทำให้จีเสี่ยวจื่อถึงกับขำจนตัวงอ

“จ้าวมหาเทพสองคนนั้นช่างโง่เง่าเสียจริง” จีเสี่ยวจื่อพูดเจือเสียงหัวเราะ

ขณะที่คุยและหัวเราะกันไป ทั้งสองก็เดินไปตามถนนในเมือง ไม่นาน ก็เดินทางมาถึงหน้าประตูของลานสวนที่หลัวซิวซื้อไว้ในตอนนั้น

ผ่านไปสิบกว่าปี แต่ที่นี่กลับไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง วิชาห้ามค่ายกลของลานสวนยังคงอยู่ดังเดิม และไม่มีร่องรอยขอความเสียหายแต่อย่างใด

สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวสบายใจได้หนึ่งเปราะ ในเมื่อวิชาห้ามค่ายกลยังคงอยู่ดีไร้ความเสียหาย นั่นแสดงว่าฉียู่หรงและหนิงหานยู่ทั้งสองคนไม่ได้พบเจอปัญหาใดระหว่างที่อยู่ในที่แห่งนี้