ตอนที่ 1824 เสร็จเรื่องสะบัดแขนจรจาก

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

บนท้องถนนพลุกพล่านจอแจ

ยานลมกรดเป็นของหอเสียงสวรรค์ สถานะผู้โดยสารต่อให้สูงส่งแค่ไหน ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปก็ไม่กล้าก่อเรื่องบนยาน

ถึงอย่างไรตัวตนของคนใหญ่คนโตระดับกึ่งจักรพรรดิสองคนของหอเสียงสวรรค์ ก็มีประสิทธิภาพสะท้านสะเทือนอย่างที่สุด

เพียงแต่ไม่มีใครรู้ ว่าการสังหารครั้งหนึ่งได้เกิดขึ้นภายในห้องสงบฝึกปราณห้องหนึ่ง ในลานมรรคหลอมยุทธ์ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกตั้งนานแล้ว

หอลิ้มหิมะ

ชั้นสอง ภายในห้องโอ่โถงแห่งหนึ่ง

คนกลุ่มหนึ่งกำลังร่ำสุรา แต่ละคนล้วนมาดสง่าผ่าเผย บุคลิกเหนือธรรมดา

หลงจู๊หอสุราถูกกำชับมาตั้งแต่ต้นว่าสถานะของคนกลุ่มนี้สูงส่งหาใดเปรียบ ต้องบริการด้วยสุราที่ดีที่สุด อาหารเลิศรสคุณภาพยอดที่สุด

หนำซ้ำหากไม่มีธุระสำคัญ ห้ามให้ใครมารบกวนแขกเหล่านี้

หลินสวินปรากฏตัวที่หอลิ้มหิมะ กิจการภายในหอสุรากำลังเฟื่องฟู ผู้คนพลุกพล่าน ไม่ขาดแคลนผู้ฝึกปราณอาวุโสที่อานุภาพแข็งแกร่งส่วนหนึ่ง

ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่มีใครสังเกตเห็นการมีตัวตนของเขาเลย

ภายใต้การปกคลุมของไอซวนหนี เว้นแต่เป็นผู้แข็งแกร่งที่ครอบครองพรสวรรค์พิเศษ หรือไม่ก็พวกน่าสะพรึงที่ปราณสูงกว่าหลินสวินหลายโข หาไม่ย่อมไม่มีใครสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของหลินสวินสักนิด

นี่ก็คือการเปลี่ยนแปลงสุดอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น หลังจากมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรกับคัมภีร์เตาหลอมมหามรรคผสานเข้าด้วยกัน

มังกร เมื่อใหญ่ผาดโผนทั่ววัฏจักร เมื่อเล็กกลับหลบเร้นในความเล็กจ้อย ไร้คนล่วงรู้!

หลินสวินสาวเท้าขึ้นไปบนชั้นสองของหอสุราที่ถูกหลงจู๊สั่งห้ามคนนอกเข้าใกล้นานแล้ว ยืนอยู่หน้าห้องรับรองห้องนั้นครู่หนึ่งแล้วโบกมือวางกระบวนผนึกหนึ่งชั้น

หลังจากนั้นเขาจึงเคาะประตูห้องเบาๆ คราหนึ่ง

“ใคร เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ พวกข้าชุมนุมกันอยู่ ห้ามรบกวน”

ภายในห้องมีเสียงไม่สบอารมณ์สายหนึ่งดังออกมา

“เรื่องในลานมรรคหลอมยุทธ์มีบทสรุปแล้ว”

หลินสวินกล่าวเรียบเฉย

ประโยคเดียว บรรยากาศคึกคักภายในห้องรับรองพลันเงียบกริบทันควัน

หลังจากนั้นบานประตูก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของชายเคราโง้งคนหนึ่ง เขามองมาทางหลินสวินด้วยสายตาคลางแคลงเล็กน้อย กล่าวว่า “เป็นใครสั่งให้เจ้ามา”

“เซวี่ยเว่ยเหลิ่ง”

หลินสวินเอ่ยชื่อหนึ่งออกมา

ชื่อนี้เป็นของชายหนุ่มชุดแดงคนนั้น น่าเสียดายเขาตายไปแล้ว

แม้จะรู้สึกว่าปฏิกิริยาของหลินสวินค่อนข้างพิกล แต่สีหน้าของชายเคราโง้งก็อ่อนลงไม่น้อย กล่าวว่า “เข้ามาเถอะ ว่ามาว่าเรื่องนี้ผลลัพธ์เป็นอย่างไร”

หลินสวินเดินเข้าไปในห้องรับรอง กวาดสายตามองอีกห้าคนที่นั่งอยู่แล้วเอ่ยว่า “เซวี่ยเว่ยเหลิ่งบอกว่า เขารอพวกท่านไปรวมตัวกันใต้โลก”

“หืม?”

ชายเคราโง้งหน้าเปลี่ยนสี

เพียงแต่ไม่รอให้เขาตอบสนอง ลำคอก็ถูกมือใหญ่ของหลินสวินคว้าหมับทันควัน

เกือบจะในเวลาเดียวกัน เขตแดนมรรคที่จะเหมือนเตาหลอมก็ไม่ใช่ จะคล้ายหุบเหวก็ไม่เชิงแถบหนึ่งแผ่ออกมาจากตัวหลินสวิน ครอบทั่วทั้งห้องรับรองไว้ภายใน

เสียงตึงตังอู้อี้หาใดเปรียบสายหนึ่งดังขึ้น แต่ไม่นานก็จมหายกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง

ขณะที่หลินสวินปลดเขตแดนมรรค ผู้แข็งแกร่งจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์หกคนที่แต่เดิมพูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะภายในห้องรับรอง ล้วนถูกโจมตีดับอนาถ

ภายในนั้นมีมกุฎราชันอริยะหนึ่งคน ราชันอริยะสองคน มกุฎมหาอริยะสามคน ล้วนเป็นบริวารข้างกายข่งอวี้ทั้งสิ้น

ทว่าล้วนตายเกลี้ยง ซากศพไม่มีเหลือโดยไร้ข้อยกเว้น

บนโต๊ะอาหาร อาหารโอชาเลิศรสยังคงร้อนกรุ่น สุราที่กลิ่นหอมรัญจวนกระจายสี่ทิศก็เพิ่งรินเต็มจอก เพียงแต่ไม่มีคนลิ้มรสอีกแล้ว

หลินสวินหยิบน้ำเต้าเปลือกเขียวของตนออกมา แหงนหน้ายกดื่มหนึ่งคำก่อนหมุนตันเดินออกจากห้องรับรองแห่งนี้ จากนั้นค่อยเก็บกระบวนผนึกที่ปกคลุมสี่ทิศแล้วจากไปอย่างผ่าเผย

ภายในหอสุรายังคงคึกคักจอแจ เสียงผู้คนอึกทึกครึกโครม

หลินสวินเดินบนถนนที่พลุกพล่าน มุ่งหน้าไปยังเป้าหมายต่อไป

ก่อนหน้านี้ในห้องสงบฝึกปราณ ก่อนจะสังหารพวกชายหนุ่มชุดแดง หลินสวินเคยใช้การทรมานโหดร้าย กระชากจิตวิญญาณของคนพวกนั้นทีละส่วนมาทรมานสารพัด จนในที่สุดก็ได้รับข้อมูลที่ต้องการ

อย่างเช่นจำนวนผู้แข็งแกร่งที่ถูกข่งอวี้ส่งมาในครั้งนี้ รวมถึงพลังต่อสู้ ชื่อแซ่ รูปร่างลักษณะ ฐานะของพวกเขาเป็นต้น

ครู่ต่อมา

หลินสวินเดินออกจากหอนางโลมแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ‘หอมกำจร’

ภายในห้องรับรองแขกสูงศักดิ์อักษร หญิงสาวงดงามกิริยาไม่ซ้ำ บุคลิกแตกต่าง สวมชุดกระโปรงผ้าโปร่งบางสิบกว่าคนกำลังร่ายระบำชดช้อยอยู่ภายในห้อง ส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนร่างที่เย้ายวนวับแวม

หญิงสาวงดงามเหล่านี้ล้วนมาจากโลกเล็กที่ต่างกันไป อยู่ในเผ่าต่างกัน ความงดงามและเย้ายวนที่เผยออกมาก็แตกต่างกันด้วย

ชายชุดม่วงที่เปลือยท่อนบน ท่าทางหยิ่งยโสคนหนึ่งกำลังกอดรัดหญิงนางหนึ่งร่ำสุราสนุกสนาน มือสองข้างไล้สำรวจตามเรือนร่างอรชรของนางอย่างอยู่ไม่สุข

ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวพวกนั้นหรือชายชุดม่วง ทุกคนล้วนไม่ได้สังเกตว่ามีเงาร่างสายหนึ่งยืนอยู่กลางห้องนานแล้ว มองด้วยสายตาเย็นชา

“ไหวจื่ออิ๋น?”

หลินสวินไม่เสียเวลา เรียกชื่อหนึ่งออกมา

“ใคร!”

ชายชุดม่วงที่กำลังสนุกสนานเพลิดเพลินร่างพลันแข็งทื่อ

สวบ!

ชั่วขณะเดียว ภายในห้องราวกับถูกหุบเหวลึกสีดำสนิทดุจราตรีนิรันดร์แผ่ครอบ

ตอนที่หลินสวินออกไป หญิงสาวงดงามต่างก็เข่าอ่อนสลบไสลเกลื่อนห้อง ไม่เห็นก็แต่ชายหนุ่มชุดม่วงคนนั้น

หนึ่งถ้วยชาให้หลัง

หลินสวินเดินเข้าไปในร้านค้าที่ขายเฉพาะลูกกลอนโอสถ

ภายในห้องหลอมลูกกลอนห้องหนึ่ง ชายชราที่ผมเคราสีขาว บุคลิกไม่ธรรมดาคนหนึ่งกำลังควบคุมเตาหลอมลูกกลอนเพลิงแดงใบหนึ่งหลอมลูกกลอนโอสถอยู่

อีกทั้งยังมาถึงช่วงสำคัญแล้ว

“เด็กๆ รีบนำวัตถุดิบเทพชิ้นสุดท้ายมาให้ข้าเร็วเข้า!”

ชายชราสีหน้าเคร่งขรึม สายตาจ้องเขม็งที่เตาหลอมลูกกลอนซึ่งส่งเสียงกระหึ่มไม่หยุดใบนั้น

ประตูห้องหลอมลูกกลอนเปิดออก เงาร่างสายหนึ่งเดินเข้ามา มองเตาหลอมลูกกลอนที่เดือดปุดๆ ใบนั้นปราดหนึ่ง จู่ๆ ก็กล่าวขึ้นว่า “ลูกกลอนโอสถเตานี้ใกล้พังแล้ว”

ชายชราร่างกายแข็งทื่อ เงยหน้าขึ้นขวับ เผยท่าทางเดือดดาล “เจ้าเป็นใคร ถึงกับกล้ารบกวนข้าหลอมลูกกลอน!”

หลินสวินยิ้มกล่าว “เจ้าดูสิ ลูกกลอนเสียหายแล้ว”

เสียงเพิ่งสิ้นสุด เสียงตูมดังขึ้นคราหนึ่ง ภายในเตาหลอมลูกกลอนใบนั้นไอเดือดไหลพล่าน ส่งเสียงสะเทือนดังวู้มออกมา ที่ตามมาติดๆ คือเม็ดขาวกลิ้งหลุนๆ ที่เจือกลิ่นอายไหม้เกรียมโผล่ออกมา

ชายชราเดือดดาล “ข้าจะฆ่าคนชั่วช้าอย่างเจ้า!”

พรวด!

และเป็นเช่นเดิม เมื่อเสียงสิ้นสุดลง ดาบหักพุ่งโฉบออกไป ตัดลำคอของชายชราขาดสะบั้น หัวลอยคว้างกลางอากาศและถูกหลินสวินคว้าเอาไว้ในมือ

เวลาต่อมาเงาร่างหลินสวินปรากฏตัวในที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ราวกับเทพสังหารไร้สุ้มเสียง ปลิดชีพเด็ดชีวิตสายแล้วสายเล่า

จนกระทั่งระหว่างทางกลับสู่ที่พัก หลินสวินนับนิ้วคำนวณดู ตั้งแต่ออกเดินทางจนเริ่มย้อนกลับมาในครั้งนี้ ใช้เวลาราวๆ ครึ่งชั่วยาม

สิ่งนี้ทำให้เขาขมวดคิ้วน้อยๆ ยังคงเร็วไม่พออยู่ดี…

แต่ว่าผลลัพธ์ไม่เลวยิ่ง

ที่ควรฆ่าก็ฆ่าหมดแล้ว ก็ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างสมบูรณ์ครั้งหนึ่ง

หลินสวินเดินบนทางภูเขา สัมผัสได้ถึงผู้แข็งแกร่งหอเสียงสวรรค์ส่วนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ต่างเหมือนระงับโทสะไม่อยู่ กลิ่นอายปรากฏระลอกคลื่นเล็กละเอียดถึงขีดสุด

คงเพราะพวกเขาคิดไม่ถึงว่าตนจะยังรอดชีวิตกลับมากระมัง

หลินสวินส่ายหน้าเบาๆ มุ่งหน้าต่อไป

“พี่ชาย เจ้าถึงกับรอดชีวิตกลับมา ร้ายกาจ”

ขณะที่เดินผ่านเรือนพักแห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มชุดผ้าป่านที่ผมเผ้ารุงรังเหมือนวัชพืชก็โผล่ออกมาจากกำแพงอีกครั้ง มองหลินสวินพลางร้องจุ๊ๆ อัศจรรย์ใจ

“นี่เป็นถึงยานลมกรดของหอเสียงสวรรค์ ใครจะกล้าทำไม่ดีต่อข้า”

หลินสวินกล่าวเรื่อยเปื่อย

จู่ๆ เขาก็หยุดฝีเท้า มองไปยังเด็กหนุ่มชุดผ้าป่านแล้วกล่าวว่า “ความอยากรู้อยากเห็นอาจทำร้ายคนตายได้ ดูเจ้าอายุยังน้อย อยู่นิ่งๆ ไว้หน่อยจะดีกว่า”

กล่าวจบเขาก็จากไปอย่างผยอง

เด็กหนุ่มชุดผ้าป่านถ่มน้ำลายกล่าวสบถ “หัวโบราณ ทั้งที่อายุก็ไม่ได้มากขนาดนั้นแท้ๆ แต่ดันวางท่าสุขุมลุ่มลึก ไม่น่าปลื้มเลยสักนิด”

เขากลอกตาหนหนึ่งกล่าวว่า “ท่านยาย กลิ่นคาวเลือดบนตัวเจ้าหมอนี่สดใหม่ยิ่งนัก ข้าสงสัยว่าบนยานลมกรดครั้งนี้น่าจะมีคนตายไม่น้อย ฮ่าๆ หนนี้เกรงว่าคงมีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว”

กลางเรือนพัก หญิงชราคนนั้นสีหน้าเอือมระอา “นายน้อย ดูเรื่องสนุกก็ส่วนดูเรื่องสนุก ท่านจะยื่นมือเข้าแทรกไม่ได้เชียว ท่านรู้หรือไม่ เมื่อครู่ที่ท่านพูดคุยกับคนผู้นั้นถูกคนอื่นเห็นแล้ว หากคนผู้นั้นก่อเรื่องนองเลือดที่ไม่อาจพบหน้าผู้คนได้จริงๆ คนอื่นมีแต่จะสงสัยมาถึงตัวท่าน”

เด็กหนุ่มชุดผ้าป่านกล่าวอย่างไม่สนใจ “สงสัยก็สงสัยไปสิ อย่างไรมีท่านยายอยู่ทั้งคน ฟ้าถล่มข้าก็ไม่กลัว”

หญิงชราถลึงตาใส่เด็กหนุ่มปราดหนึ่ง จากนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ นัยน์ตาเปี่ยมด้วยแววเอ็นดู “เจ้าเด็กเน่าคนนี้ ชั่วชีวิตนี้คงพึ่งแต่ข้าแล้ว”

เด็กหนุ่มชุดผ้าป่านหัวเราะร่วน “ใช่ๆๆ ก็จะพึ่งท่านไปตลอดชีวิต จากนี้หากท่านพ่อข้าให้ข้าไปอยู่คนเดียว ข้าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น และไม่แก่งแย่งอะไรทั้งสิ้น มีแค่ท่านยายอยู่กับข้าก็พอแล้ว หากท่านพ่อไม่อนุญาต ข้าก็จะหนึ่งร้องไห้ สองโวยวาย สามแขวนคอตาย จะไม่ยอมถอยให้แม้แต่ครึ่งก้าวเด็ดขาด!”

หญิงชราหัวเราะจนตัวโยน สุดท้ายค่อยกล่าวด้วยท่าทางเจือแววทอดถอนใจอยู่บ้าง “ถือว่าไม่ได้เอ็นดูเด็กเน่าอย่างท่านเสียเปล่า”

ภายในเรือนพักอีกหลัง ตอนที่เห็นหลินสวินกลับมา หลิ่วชิงเยียนที่เอาแต่เฝ้ารอภายในเรือนราวกับยกภูเขาออกจากอก พ่นลมหายใจเฮือกยาวออกมา

“ผู้อาวุโส ท่านสืบข่าวได้หรือไม่”

หลิ่วชิงเยียนยังคงเป็นห่วงความปลอดภัยของอาจารย์ตน

หลินสวินย่อมไม่ลืมเรื่องนี้อยู่แล้ว กล่าวว่า “อาจารย์ของเจ้ายามนี้ปิดด่านที่หอสดับบรรเลง ข้างกายมีเซียวอวิ๋นคงกับโอวหยางเพ่ยสองคนนี้คอยคุ้มกัน ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต”

“คุ้มกัน?”

หัวใจหลิ่วชิงเยียนไหวสั่น ดวงหน้างามซีดเผือด กล่าวว่า “พวกเขากักบริเวณอาจารย์ชัดๆ!”

แววตาหลินสวินอ่อนโยน กล่าวเสียงอบอุ่น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าระหว่างทางที่ข้ากลับมาเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

หลิ่วชิงเยียนอึ้งไป ฝืนควบคุมสภาพจิตใจแล้วเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ท่านคิดว่าตอนนี้ข้ายังมีแก่ใจสนใจเรื่องอื่นอยู่อีกหรือ”

หลินสวินจนปัญญาไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า “เรื่องนี้ก็เกี่ยวกับเจ้าเช่นกัน”

หลิ่วชิงเยียนเผยสีหน้าแปลกใจ “ข้า?”

“ใช่ ได้ยินคนพูดกันว่า ผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นมาบนยานลมกรดพวกนั้นเกิดเรื่องเคราะห์ร้ายบางอย่าง รายละเอียดเป็นอย่างไรข้าเองก็ไม่สามารถสืบได้แน่ชัด แต่เชื่อว่าไม่นานก็คงมีข่าวแพร่ออกมา”

หลินสวินกล่าวกำกวมยิ่ง

ร่างอรชรของหลิ่วชิงเยียนแข็งทื่อน้อยๆ จากนั้นก็เบิกตาโต “ผู้อาวุโส ท่านไม่ต้องปลอบใจข้าหรอก ยานลมกรดนี่เดิมก็เป็นของหอเสียงสวรรค์ ใครจะกินดีหมีหัวใจเสือ กล้ากระทำการไม่ดีต่อเรือนมรรคดึกดำบรรพ์กันเล่า”

หลินสวินกล่าวยิ้มๆ “เชื่อหรือไม่ รอฟังข่าวก็พอ”

หลิ่วชิงเยียนมองหลินสวิน สุดท้ายก็ยังระงับความสงสัยภายในใจ พยักหน้าน้อยๆ

ในคืนนั้น

ลานมรรคหลอมยุทธ์ห้องสงบฝึกปราณอักษร ค. หมายเลขสาม หญิงรับใช้คนหนึ่งเปิดประตูห้อง ตอนที่กำลังจะทำความสะอาด จู่ๆ ก็ส่งเสียงกรีดร้องหวาดหวั่นออกมา

หลังจากนั้นทั่วทั้งลานมรรคหลอมยุทธ์ต่างถูกทำให้ตกใจ เรื่องนี้นองเลือดเกินไป ปิดไม่มิดสักนิด

ไม่นานก็มีข่าวแพร่กระจายออกมา…

ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์อย่างพวกเซวี่ยเว่ยเหลิ่ง ตายอนาถอยู่ในนั้น!

เหล่าคนใหญ่คนโตของหอเสียงสวรรค์ที่คอยควบคุมดูแลยานลมกรดถูกทำให้แตกตื่นทันใด ต่างพากันทิ้งงานในมือ รีบร้อนมุ่งหน้าไปตรวจสอบ

ค่ำคืนนี้ถูกกำหนดให้ไม่อาจสงบสุข เหตุการณ์นองเลือดบนลานมรรคหลอมยุทธ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานเท่าไร สถานที่อื่นๆ บนยานลมกรดล้วนมีเหตุการณ์ชวนตกใจอุบัติขึ้น!

……………………