ในใจเย่เฉินมีข้อสงสัยอย่างมาก

เขาไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมผู้อาวุโสคนนี้ ดูเหมือนว่าจะรู้จักตัวเองได้ในพริบตา

แต่ว่า ในเมื่อผู้อาวุโสคนนี้ช่วยเขาแก้ปัญหาในปัจจุบันได้ งั้นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาคือ การไปไหว้พ่อแม่ของเขาก่อน ส่วนที่เหลือ ค่อยคุยกันวันหลังก็ได้

เขาคำนับให้ผู้อาวุโส แล้วพูดว่า:”คุณปู่ ขอบคุณครับ”

พูดจบ ก็แสร้งพยุงกู้เย้นจง แล้วก้าวขึ้นบันไดหินไปกับหลินหว่านชิวและกู้ชิวอี๋

ไม่มีใครตามมา รวมทั้งอาจารย์ดูโหงวเฮ้งที่ยืนนิ่งอยู่ด้านล่างในเวลานี้ มองดูแผ่นหลังของเย่เฉิน พย่าามยับยั้งความตื่นเต้นในใจของเขา

หลุมฝังศพของตระกูลเย่ แบ่งออกเป็นเก้าแถว

แถวบนสุดคือบรรพบุรุษคนแรกของตระกูลเย่ ที่ทิ้งหลุมศพไว้

ยิ่งลงไป ลำดับอาวุโสก็จะยิ่งต่ำลง

พ่อแม่ของเย่เฉิน ถูกฝังในแถวสุดท้าย

ในแถวนี้ มีหลุมศพที่มีขนาดเท่ากันทั้งหมดยี่สิบหลุม แต่มีเพียงหลุมศพเดียวเท่านั้นที่มีศิลาหน้าหลุมศพ

กู้เย้นจงหยุดอยู่ในแถวนี้ ชี้ไปที่หลุมฝังศพเพียงแห่งเดียวในแถวนี้ และพูดกับเย่เฉินว่า:”เฉินเอ๋อ นั่นคือหลุมฝังศพของพ่อแม่นาย”

เย่เฉินพยักหน้าเบา ๆ และพึมพำ:”ในรุ่นนี้ของตระกูลเย่ มีแค่พ่อแม่ของผมเท่านั้นที่ล่วงลับไปแล้ว คนอื่นๆน่าจะยังมีชีวิตอยู่สินะ?”

กู้เย้นจงพูดว่า:”ใช่ แม้ว่าคนรุ่นนี้จะอายุ 40-50 ปีแล้ว แต่จริงๆ แล้วพวกเขาอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิต ถ้าพ่อแม่ของนายไม่ได้โดนคนอื่นทำร้าย ในตอนนี้พวกเขาควรจะเป็นแกนนำของตระกูลเย่”

เย่เฉินถอนหายใจและเดินเข้าไปข้างใน

พวกรปภ. รวมทั้งอาจารย์ดูโหงวเฮ้ง อยู่ข้างล่างทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงมองไม่เห็นสถานการณ์ที่นี่ ดังนั้นเย่เฉินจึงเลิกเสแสร้ง ให้กู้เย้นจงเดินเข้าไปก่อน

เมื่อมาถึงหลุมศพของพ่อแม่ เย่เฉินถอดแว่นกันแดดและหน้ากากออก แล้วมองดูรูปถ่ายและชื่อพ่อแม่ของเขาบนป้ายหลุมศพ น้ำตาไหลไม่หยุดทันที และไหลไม่หยุด

ในความคิดของเขา เหมือนว่ากำลังเล่นภาพยนตร์ด้วยความเร็วสูงมาก

ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงตัวเองตั้งแต่วินาทีที่เขาจำได้ จนกระทั่งเขาอายุแปดขวบ

จากนั้น ก็ฉายช่วงชีวิตที่ผ่านมาสิบกว่าปีของตัวเอง ด้วยความเร็วในหัว

ชีวิตสิบแปดปีที่ไม่มีพ่อแม่นั้น ยาวนานและยากลำบาก เต็มไปด้วยความขมขื่นและความเจ็บปวดที่คนธรรมดาไม่สามารถเข้าใจได้

ในเวลานี้ เขามีคำพูดมากมายในใจของเขาที่อยากจะระบายกับพ่อแม่ที่เสียชีวิตไป แต่พอจะพูดก็พูดไม่ออกเลยสักคำ

หลังจากร้องไห้อยู่หน้าหลุมศพสักพัก เย่เฉินก็คุกเข่าลงบนพื้น ถือดอกไม้ไว้ในมือทั้งสองข้าง และวางดอกไม้ไว้หน้าหลุมศพด้วยความเคารพ พูดสะอื้นว่า:”พ่อครับ แม่ครับ ลูกไม่กตัญญู พวกคุณจากไป18 ปีแล้ว ลูกเพิ่งจะมาพบพวกคุณ หลายปีมานี้ ลูกลำบากมาก แทบจะเอาตัวไม่รอด ไม่สามารถทำความกตัญญูกตเวทีที่ลูกควรจะทำได้ ได้โปรดยกโทษให้ลูกด้วยครับ……”

พูดจบ เขาก็โค้งตัวลง และก้มกราบเก้าครั้งที่หน้าหลุมฝังศพ

มีคนบอกว่าข้างบนคุกเข่าให้ฟ้า ข้างล่างคุกเข่าให้ดิน ตรงกลางคุกเข่าให้พ่อแม่ แต่ในสายตาของเย่เฉิน ท้องฟ้าและโลกไม่คุ้มค่าที่จะคุกเข่า ในโลกนี้มีแต่พ่อแม่เท่านั้น ที่สมควรจะคุกเข่า

ในเวลานี้ กู้เย้นจงก็ก้าวไปข้างหน้าด้วย คุกเข่าข้างหนึ่งที่หน้าหลุมฝังศพ และพูดถอนหายใจว่า:”พี่ และพี่สะใภ้ ผมสัญญากับพวกคุณมาสิบแปดปีแล้ว สุดท้ายผมก็ไม่ได้ผิดสัญญา ในที่สุดก็พาเฉินเอ๋อกลับมาได้แล้ว พวกคุณดูสิ ตอนนี้เขาเป็นคนเก่งแล้ว! แทบจะเหมือนกับพี่ใหญ่ในตอนนั้นเลย! และเป็นฮีโร่อีกด้วย!”

ขณะที่เขาพูด ก็ปาดน้ำตา และพูดต่อ:”ครั้งล่าสุดที่ผมมาหาพวกคุณ ผมบอกว่าอีกไม่นานผมก็จะลงไปหาพวกคุณ แต่ไม่นึกเลยว่า เฉินเอ๋อจะช่วยชีวิตผมไว้ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พวกคุณอาจจะต้องลำบากรอผมอีกสักหน่อย……”

เมื่อพูดถึงนี้ กู้เย้นจงก็ร้องไห้ไม่หยุดแล้ว

หลินหว่านชิวก้าวไปข้างหน้า คุกเข่าข้างเดียวเหมือนกับกู้เย้นจง พูดสะอื้นว่า:”พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ขอบคุณวิญญาณบนสรวงสวรรค์ของพวกคุณ ที่คุ้มครองเย้นจงให้รอดจากภัยพิบัติ บุญคุณที่ตระกูลเย่มีต่อตระกูลกู้ ทั้งชีวิตนี้ เราจะไม่มีวันลืมเลย…..”

กู้ชิวอี๋คุกเข่าลงข้างๆเย่เฉิน ไม่พูดอะไร เพียงแค่ร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างๆ เย่เฉิน

หลังจากคุกเข่ากับพื้นเป็นเวลานาน เย่เฉินถึงปาดน้ำตา และเช็ดป้ายหลุมศพของพ่อแม่เบา ๆ ด้วยแขนเสื้อ พูดว่า:”พ่อครับ แม่ครับ ครั้งนี้ลูกไม่สามารถอยู่กับพวกคุณนานเกินไป แต่พวกคุณโปรดวางใจ ต่อไปลูกชายจะมาหาพวกคุณทุกปี”

พูดจบ เขาก็ถอนหายใจยาวๆ พยุงกู้เย้นจงที่อยู่ข้างๆเขา และพูดว่า:”ลุงกู้ ไปกันเถอะ”

กู้เย้นจงพยักหน้าเล็กน้อย และดึงภรรยาของเขาลุกขึ้น

เย่เฉินสวมแว่นกันแดด และหน้ากากอีกครั้ง และเดินลงไปอย่างช้าๆ กับครอบครัวทั้งสามคนของกู้เย้นจง