บทที่ 1617 หุ่นเชิดคนหนึ่ง

The king of War

บทที่ 1617 หุ่นเชิดคนหนึ่ง

ได้ยินคำพูดของลั่วปิง หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว
หลัวซื่อหงประธานของซุ่นเทียนกรุ๊ป แต่ว่าเป็นแค่หุ่นเชิดที่ถูกดันขึ้นมาคนหนึ่ง เวลานี้โทรศัพท์มาหาลั่วปิง กลัวว่าอีกฝ่ายจะมีเจนตาไม่ดี
ลั่วปิงถามว่า “ท่านประธานครับ ต้องรับไหมครับ?”
หยางเฉินพูดแบบเรียบนิ่ง “รับเถอะ!”
ลั่วปิงกดปุ่มลำโพงลงโดยตรง เสียงอันหยาบกระด้างลอยมาจากในลำโพง “ประธานลั่ว ได้ข่าวว่าประธานหยางกลับมาแล้วเหรอ? ไม่ทราบว่าผมพอมีโชค เลี้ยงข้าวประธานหยางหรือเปล่า?”
หยางเฉินหรี่ดวงตาขึ้นมาเล็กน้อย ข่าวที่เขากลับมา คนที่รู้มีไม่กี่คน โดยเฉพาะคนที่รู้ว่าเขากลับมา ล้วนเป็นคนที่ไว้ใจได้
ดังนั้นหมายความว่า ตารางการเดินทางของเขา ไม่อาจเปิดเผยได้
แต่หลัวซื่อหงกลับรู้ว่าเขากลับมาแล้ว ดูแล้วตารางการเดินทางของเขาคงถูกคนรู้เข้าตั้งแต่แรกแล้ว
ลั่วปิงมองทางหยางเฉิน หลังจากเห็นหยางเฉินพยักหน้า เขาถึงพูดจาด้วยเสียงเย็นชา “ในเมื่อประธานหลัวอยากเจอประธานหยาง ผมจะเป็นตัวแทนบอกให้ ส่วนประธานหยางจะไปร่วมหรือไม่ ผมก็ไม่รู้ด้วยนะ”
หลัวซื่อหงหัวเราะเสียงดังออกมา “งั้นขอบคุณประธานลั่วด้วยนะครับ อีกสักครู่ ผมจะส่งเวลาและที่อยู่ไปให้ประธานลั่ว”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ลั่วปิงพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ท่านประธานครับ ท่านคิดจะไปร่วมงานนัดกินข้าวของเขาจริง?”
หยางเฉินพยักหน้า “หุ่นเชิดกระจอกๆ คนหนึ่ง ยังกล้าออกหน้า ผมกลับอยากดูหน่อยว่า ซุ่นเทียนกรุ๊ปที่กล้าเป็นศัตรูกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปคนนี้ มีความสามารถแค่ไหน”
เขารู้ว่า ซุ่นเทียนกรุ๊ปไม่ธรรมดา ถ้าธรรมดาจริงล่ะก็ ด้วยความสามารถของลั่วปิง คงพังทลายซุ่นเทียนกรุ๊ปไปตั้งนานแล้ว ในเมื่อทำไม่ได้ งั้นก็หมายความว่า แม้แต่ลั่วปิง ก็รับมือไม่ได้
หยางเฉินพูดว่า “เอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับซุ่นเทียนกรุ๊ปมาให้ผม”
ลั่วปิงรีบตอบรับว่า “ครับ ท่านประธาน!”
ไม่นาน ลั่วปิงนำข้อมูลที่เกี่ยวกับซุ่นเทียนกรุ๊ปฉบับหนึ่งมาแล้ว ข้อมูลละเอียดอย่างมาก รวมทั้งข้อมูลรายละเอียดระดับผู้บริหารสำคัญของซุ่นเทียนกรุ๊ปล้วนมีหมด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หยางเฉินวางเอกสารลง ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว
จากในข้อมูลฉบับนี้
หยางเฉินรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของซุ่นเทียนกรุ๊ปแล้ว เวลาก่อตั้ง มีเพียงหนึ่งเดือนสั้นๆ ยังพัฒนาจนกลายเป็นกิจการชั้นนำของเมืองเยี่ยนตูได้
แม้กระทั่งกล้าแย่งธุรกิจของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปไปอีก
ประเด็นคือ คู่ค้าพวกนั้นที่เดิมทีร่วมงานกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป คาดไม่ถึงยังกล้าเลือกร่วมงานกับซุ่นเทียนกรุ๊ปจริง และทอดทิ้งเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
หยางเฉินถามว่า
“คู่ค้ามากมายของผมยินยอมทอดทิ้งการร่วมงานกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป และอยากร่วมงานกับซุ่นเทียนกรุ๊ป นี่มันผิดปกติมากนะ
มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
ลั่วปิงรีบตอบทันที “ผมตรวจสอบแล้วครับ แต่ว่าคู่ค้าที่ทอดทิ้งการร่วมงานกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปพวกนี้
ล้วนปิดปากเงียบ โดยเฉพาะไม่เหมือนว่าโดนบังคับด้วย พวกเขาร่วมงานกับซุ่นเทียนกรุ๊ปได้
เหมือนว่าดีใจมากๆ เลยครับ”
“ผมสงสัยว่า
ซุ่นเทียนกรุ๊ปให้ผลประโยชน์มากมายแก่พวกเขาครับ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ยินยอมแบกรับค่าชดใช้ต่อเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเป็นจำนวนมาก เพราะผิดสัญญาหรอกครับ
และอยากไปร่วมงานกับซุ่นเทียนกรุ๊ป”
หยางเฉินพยักหน้าแล้ว “ในเมื่อไม่ใช่โดนบังคับ งั้นก็มีแค่ว่าซุ่นเทียนกรุ๊ปให้ผลประโยชน์ที่พวกเขาไม่มีทางปฏิเสธได้”
“เพียงแต่ ซุ่นเทียนกรุ๊ปทำได้อย่างไรกัน ถึงทำให้ฝ่ายคู่ค้าพวกนั้นยอมเชื่อพวกเขา?”
ลั่วปิงส่ายหน้าด้วยท่าทางขมขื่น “ผมกำลังพิจารณาปัญหาข้อนี้มาตลอดเหมือนกันครับ
ด้วยความสามารถและตำแหน่งของพวกเราเยี่ยนเฉินกรุ๊ปในปัจจุบันนี้ ขอเพียงมีความสัมพันธ์กับพวกเราสักนิดหนึ่ง
ก็หากำไรได้มากแล้ว แต่ทั้งๆ ที่คู่ค้าพวกนี้ที่กลายเป็นผู้ร่วมงานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้ว ดันเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญากับพวกเราเอง”
“ผมเคยคำนวณบัญชีก้อนหนึ่ง เพียงแค่เงินชดเชยเนื่องจากผิดสัญญาที่คู่ค้าพวกนี้มีทำต่อพวกเราเยี่ยนเฉินกรุ๊ป พุ่งไปถึงห้าหมื่นล้านเต็มๆ!
พูดได้ว่า ซุ่นเทียนกรุ๊ปอยากให้คู่ค้าพวกนี้ร่วมงานกับตัวเอง อย่างน้อยต้องเอาออกมาห้าหมื่นล้าน ประเด็นคือ ซุ่นเทียนกรุ๊ปยังต้องรับประกันด้วยว่า จะสามารถทำให้คู่ค้าที่ยกเลิกสัญญากับพวกเราเหล่านั้น
ทำเงินได้มากกว่า”
“ประเมินตัวเลขดู อย่างน้อยซุ่นเทียนกรุ๊ปจ่ายเงินสองแสนล้าน ถึงสามารถทำให้คู่ค้าพวกนี้ติดตามพวกเขาครับ”
“กิจการหนึ่งที่เอาสองแสนล้านออกมาให้คู่ค้าได้ ทั่วทั้งจิ่วโจว กลัวว่าล้วนมีอยู่ไม่กี่แห่งมั้งครับ?”
ชั่วขณะนั้นหยางเฉินเงียบงัน
เบื้องหลังของซุ่นเทียนกรุ๊ปยิ่งใหญ่กว่าเบื้องหลังของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปล่ะ?”
ผ่านไปตั้งนาน เขาเอ่ยปากบอกว่า “ถ้าพูดว่า
ลั่วปิงตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นพูดว่า “ถ้าเป็นแบบนี้
ซุ่นเทียนกรุ๊ปไม่ต้องออกแรงสักนิด ก็ทำให้คู่ค้าพวกนั้นทรยศพวกเราได้จริง เพียงแค่
นี่น่าจะเป็นแค่จุดหนึ่งในนั้น ประเด็นสำคัญสุดยังเป็นผลประโยชน์ สำหรับคู่ค้าแล้ว มีเพียงทำเงินได้มากกว่า ถึงเป็นเรื่องหลักครับ”
หยางเฉินพยักหน้า “ยังไม่ต้องสนใจมากขนาดนั้น รอเดี๋ยวนัดกินข้าวกลางวัน คุณไปด้วยกันกับผม!”
ลั่วปิงตอบรับ “ครับ ท่านประธาน!”
ช่วงเที่ยงตรง ลั่วปิงขับรถด้วยตนเอง พาหยางเฉินมาถึงร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นแห่งหนึ่งแล้ว
หยางเฉินขมวดคิ้วแล้ว “นี่คือสถานที่ที่หลัวซื่อหงนัดกินข้าว?”
ลั่วปิงพยักหน้า รีบตอบทันที
“ท่านประธานครับ ถ้าท่านไม่ชอบ
พวกเราเปลี่ยนร้านอาหาร?”
หยางเฉินส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก!”
สองคนเดินตามกันไป เข้าสู่ร้านอาหาร
“ประธานลั่ว ไม่เจอกันนานเลยนะ!”
เพิ่งเข้ามาในร้านอาหาร เสียงที่หยาบกระด้างดังขึ้นทันใด ตามมาด้วยมองเห็นภาพชายวัยกลางคน หน้าตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเดินเข้ามาแล้ว เป็นฝ่ายยื่นมือออกไปหาลั่วปิงก่อนเอง
ถ้าไม่ใช่ว่าหยางเฉินรู้มาก่อน ซุ่นเทียนกรุ๊ปแย่งคู่ค้าของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปไปมากมาย คงคิดจริงว่า หลัวซื่อหงกับลั่วปิงเป็นเพื่อนสนิทกัน
ลั่วปิงยื่นมือจับด้วยกันกับหลัวซื่อหง พูดเยาะเย้ย “ถ้าผมจำไม่ผิด ซุ่นเทียนกรุ๊ปเพิ่งก่อตั้งมาหนึ่งเดือนเองมั้ง? เมื่อสามวันก่อน ผมกับประธานหลัวเพิ่งเจอหน้ากันไปที่สหภาพธุรกิจครั้งหนึ่งมั้ง?”
หลัวซื่อหงหัวเราะเสียงดังออกมาแล้ว “สำหรับผมนั้น สามวันก็นานมากแล้ว”
พูดจบ เขามองทางหยางเฉินอีก หัวเราะแล้วถามว่า “คิดว่าท่านนี้ คงเป็นท่านประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป คุณหยางเฉินสินะครับ?”
หยางเฉินมองทางหลัวซื่อหงแบบหน้าตาไร้อารมณ์ เพียบมองไปแวบหนึ่ง ก็ทำให้รอยยิ้มบนหน้าของหลัวซื่อหงแข็งทื่อ
หลัวซื่อหงรู้สึกได้อย่างแจ่มชัดว่า ที่ตนเองเผชิญหน้าอยู่ไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์ป่าที่มาจากยุคดึกดำบรรพ์ ดวงตาล้ำลึกคู่นั้น ทำให้หลัวซื่อหงมีความรู้สึกตกสู่นรก
เขาไม่มีแม้แต่ความกล้าเดินเข้าไป หลบเลี่ยงสายตา แม้กระทั่งไม่กล้าสบตากับหยางเฉิน
หยางเฉินพูดอย่างนิ่งๆ “ประธานหลัวดูเหมือนกลัวผมมาก?”
หลัวซื่อหงสั่นเทาทั้งตัว เช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้ว รีบตอบว่า “ประธานหยางพูดเป็นเล่นไป ผมได้ยินว่าประธานหยางกลับมา นับถือประธานหยางมากมาตลอด สำหรับท่าน ผมมีเพียงความเคารพ จะกลัวได้อย่างไรกันครับ?”
ต้องยอมรับว่า ผู้ชายที่ดูขึ้นมาเหมือนหยาบกระด้างคนนี้ ไม่ธรรมดาพอสมควรจริงๆ มิฉะนั้นคงไม่ถูกผู้ยิ่งใหญ่ด้านหลังผลักออกมาเป็นหุ่นเชิดได้หรอก
“ประธานหยาง! ประธานลั่ว! เชิญทางนี้ครับ!”
หลัวซื่อหงรีบทำท่าทางเชิญทันที พอทั้งสองคนไปยังห้องอาหารส่วนตัวระดับสูงห้องหนึ่ง
เพียงแต่ หลังเข้าสู่ห้องอาหาร หยางเฉินถึงรู้ว่า ในห้องอาหารยังมีคนอื่นอยู่อย่างคาดไม่ถึง