ตอนที่ 3492

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3492 : สมรู้ร่วมคิด

 

  “ท่านอาจารย์ พวกเราจะไปไหนกันหรือ?”

 

  กว่าที่ต้วนหลิงเทียนจะตอบสนอง อาจารย์เขา ฟงชิงหยาง ก็พาเขาออกจากผาบรรพกาลเรียบร้อยแล้ว

 

  ค่ายกลที่ปกคลุมผาบรรพกาลเอาไว้นั้น มีผลปิดกั้นก็แต่คนที่คิดจะเข้าไปด้านในเท่านั้น จะไม่มีผลอะไรกับคนที่คิดกลับออกมาด้านนอก ทำให้ผู้คนด้านในสามารถออกมาได้ทุกเมื่อ

 

  ดุจเดียวกับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไล ตอนเข้ามามันก็ต้องลำบากติดสินบนคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนให้เปิดช่องว่างค่ายกล แต่ตอนกลับออกไปมันก็เหาะตัวปลิว

 

  “สำเร็จหรือไม่?”

 

  หลังจากกลับออกมาด้านนอก ยูไลก็ไปหารองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักฉีคงไห่ก่อน พอฉีคงไห่เห็นมัน สองตาก็สว่างจ้าเอ่ยถามเรื่องราวออกมาเร็วไว “เจ้าไม่ได้ทำให้ฟงชิงหยางเอะใจสงสัยเลยหรือ?”

 

  ฉีคงไห่รออยู่ด้านนอก เพื่อรอถ่วงเวลาฟงชิงหยาง

 

  อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ฟงชิงหยางยังไม่โผล่มาให้เห็น

 

  “ล้มเหลว”

 

  ยูไล หรือก็คือพระอาจารย์หมี่เยี่ยน เดิมทีสีหน้ามันก็หวนคืนสู่ความสงบแล้ว แต่พอมาได้ยินฉีคงไห่พูดถึง ‘ฟงชิงหยาง’ หน้ามันก็กลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากอีกครั้ง

 

  “ไฉนเจ้าถึงล้มเหลวได้?”

 

  ฉีคงไห่ย่นคิ้วเป็นปม

 

  “ฟงชิงหยางนั่น มันสมควรเข้าไปในผาบรรพกาลก่อนข้าเสียอีก…”

 

  พระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลเอ่ออกเสียงหนัก “ตอนที่ข้ากำลังจะลงมือเล่นงานต้วนหลิงเทียน มันก็เลือกจะโผล่ออกมาทันที…และเพราะก่อนหน้าข้าโดนมันทำลายสำนึกเทวะจนจิตวิญญาณบาดเจ็บจนอ่อนแอลงมาก จึงสู้มันไม่ได้…”

 

  “และในขณะที่ข้ากำลังจะพลาดท่าเสียทีมัน ก็พอดีได้อวี๋ตงฟาง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 3 ของกงซุนซวนหยวน ได้นำข้อความจากกงซุนซวนหยวนมาบอกต่อต้วนหลิงเทียน ถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเคยรับปากกงซุนซวนหยวนไว้ว่าจะช่วยเหลือครั้งหนึ่ง…ต้วนหลิงเทียนจึงกล่าวร้องขอฟงชิงหยางไว้ไม่ให้ฆ่าข้า”

 

  กล่าวถึงจุดนี้สองหมัดของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็กำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว สองตาฉายแววอับอายขายหน้านัก

 

  “ฟงชิงหยาง…รออยู่ด้านในแต่แรก?”

 

  เมื่อแผนการณ์ล้มเหลว สีหน้าฉีคงไห่ก็แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก “เจ้านั่นมันให้ความสำคัญกับศิษย์คนนี้จริงๆ ดูเหมือนจะลอบติดตามคุ้มครองพร้อมเคลื่อนไหวช่วยเหลือตลอดเวลา…ดูท่าหลังจากนี้คิดลักพาตัวต้วนหลิงเทียนคงไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว”

 

  ทั้งฉีคงไห่และพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเข้าใจว่าฟงชิงหยางสมควรไปรออยู่ในผาบรรพกาลแต่แรก

 

  พวกมันไม่ได้รู้เลยว่าฟงชิงหยางพึ่งจะเข้าสู่ผาบรรพกาลก่อนที่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนจะปรากฏตัวต่อหน้าต้วนหลิงเทียนแค่เค่อเดียวเท่านั้น แต่เพราะฟงชิงหยางได้เข้าสู่ผาบรรพกาลอีกช่องทางหนึ่ง เช่นนั้นจะหมี่เยี่ยนหรือฉีคงไห่ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้

 

  ผาบรรพกาลเป็นดั่งสมบัติสถานของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ติงฟู่ ในฐานะจักรพรรดิสวรรค์ย่อมเป็นผู้ควบคุมสูงสุด อาวุโสที่มาเฝ้าก็เป็นคนที่ติงฟู่ให้สิทธิ์เฉพาะกิจเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องเข้าทางนั้นทางเดียว และครั้งนี้ติงฟู่ก็เป็นคนพาฟงชิงหยางเข้าสู่ผาบรรพกาลทางอื่นด้วยตัวเอง

 

  ที่สำคัญผู้อาวุโสควบคุมค่ายกล ที่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนพยายามติดสินบน ก็ได้แจ้งติงฟู่ให้ทราบแต่แรก

 

  เพราะติงฟู่คาดไว้แล้ว ว่าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนอาจจะทำอะไรแบบนี้

 

  เรียกว่าตั้งแต่ที่ฟงชิงหยางนำเรื่องนี้มาแจ้งให้มันทราบ มันก็เร่งส่งข้อความไปกล่าวกำชับอาวุโสที่ควบคุมค่ายกลของผาบรรพกาลทันที และกล่าวบอกออกมาอย่างชัดเจนว่า…

 

  หากมีคนของวิหารเฟิงฮ่าวคิดมาติดสินบนก็ให้รีบแจ้งมันทันที ส่วนสินบนที่อีกฝ่ายมอบให้ ก็สามารถเก็บไว้ใช้เองได้เลย

 

  เรื่องดีงามเช่นนี้เหล่าอาวุโสที่ควบคุมค่ายกลไหนเลยจะปฏิเสธได้ จึงทำตามคำสั่งเป็นมั่นเหมาะ

 

  ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ทรยศต่อพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน แต่ยังได้สินบนกินเปล่า เรียกว่าเป็นการค้าฟ้าประทานไร้คำว่าขาดทุนชัดๆ!

 

  …

 

  “ท่านอาจารย์ พวกเราจะไปไหนกันหรือ?”

 

  กว่าที่ต้วนหลิงเทียนจะตอบสนอง อาจารย์เขา ฟงชิงหยาง ก็พาเขาออกจากผาบรรพกาลเรียบร้อยแล้ว

 

  “ไปถึงเจ้าก็รู้เอง”

 

  ไม่นานนัก ด้วยการหอบหิ้วของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็ถูกพามายังบ้านลานแห่งหนึ่ง และพอเห็นผู้ที่นั่งรออยู่ในลาน ต้วนหลิงเทียนก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นที่ไหน

 

  ที่พักของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวน

 

  เมื่อเห็นฟงชิงหยางพาต้วนหลิงเทียนมาหยุดลงในลาน กงซุนซวนหยวนก็เร่งกล่าวขอบคุณออกมาก่อนใดอื่น “ขอบคุณเจ้าที่เมตตา…”

 

  มันย่อมรู้ดีว่าครั้งนี้ที่ยูไลรอดชีวิตมาได้ไม่ใช่ความดีความชอบของต้วนหลิงเทียนคนเดียว แต่ยังเป็นเพราะความเมตตาของฟงชิงหยางเสียส่วนใหญ่ เพราะสุดท้ายแล้วหากฟงชิงหยางยืนกรานจะลงมือ ให้ต้วนหลิงเทียนพูดอะไรก็ไร้ผล

 

  “กงซุนซวนหยวน หนี้ที่ศิษย์ข้าติดค้างเจ้า ถือว่าจ่ายคืนให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว…”

 

  ข้างต้นเป็นประโยคแรกที่ฟงชิงหยางเอ่ยขึ้นหลังพบเจอกงซุนซวนหยวนอีกครั้ง

 

  “ใช่”

 

  กงซุนซวนหยวนได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขม มันกล่าวลำเลิกกับต้วนหลิงเทียนก่อนหน้าเพราะหวังไว้แบบนี้ก็จริง แต่ไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะชดใช้หนี้บุญคุณเร็วถึงขนาดนี้

 

  ขณะเดียวกันมันก็อดไม่ได้ที่จะก่นด่าคนที่กำลังครอบงำร่างยูไลว่า ‘สมองหมู’ เพราะไม่ทราบอีกฝ่ายใช้อะไรคิดถึงได้เลือกลงมือกับต้วนหลิงเทียนคาพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนแบบนี้?! หรือไม่ทราบว่า ติงฟู่ จักรพรรดิสวรรรค์หยวนสื่อเทียนสนิทสนมกับฟงชิงหยางอาจารย์ของต้วนหลิงเทียน?

 

  ฟงชิงหยางมองลึกไปยังกงซุนซวนหยวนครู่หนึ่ง ค่อยเปิดประตูเห็นภูผาถามว่า “ยูไลในปัจจุบัน คงมิใช่ยูไลในอดีตกระมัง?”

 

  “หืม?”

 

  กงซุนซวนหยวนตกใจไม่น้อย ลูกตามันหดเล็กลงโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้จะพยายามเก็บอาการและทำตัวให้เป็นปกติแทบจะทันที แต่ต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางก็แลเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน

 

  “ดูเหมือนข้าจะเดาถูก…”

 

  ฟงชิงหยางเอ่ยต่อเสียงเฉย “และหากเดาไม่ผิด ผู้ที่ครอบงำยูไลอยู่ สมควรเป็นคนของเผ่าพันธุ์ภูตจากโลกแห่งความตายกระมัง?”

 

  “เจ้ารู้แล้ว?”

 

  กงซุนซวนหยวนไม่ได้ตั้งใจจะยอมรับ ทว่าพอได้ยินฟงชิงหยางโพล่งทะลุกลางปล้อง มันก็ตกใจจนเผลออุทานตอบมา ด้วยคิดไม่ถึงว่าฟงชิงหยางจะค้นพบเรื่องนี้แล้ว

 

  “เรื่องที่ยูไลสมควรมีชีวิตอยู่ ข้าไม่สงสัย…อย่างไรก็ตามนิสัยใจคอของมัน แตกต่างจากยูไลก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง”

 

  ฟงชิงหยางกล่าวสืบต่อ “สมควรเป็นคนของเผ่าพันธุ์ภูตนั่นยังไม่อาจครอบครองร่างของยูไลได้โดยสมบูรณ์…เช่นนั้นจึงหมายเปลี่ยนมาครอบครองร่างต้วนหลิงเทียนศิษย์ข้าแทนกระมัง? เพราะสุดท้ายต้วนหลิงเทียนศิษย์ข้าก็ไม่ได้มีแค่ร่างเหยียนหวงที่มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายที่พวกเจ้ากล่าวถึงเท่านั้น แต่ยังเข้าใจ 2 ในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก แถมความเข้าใจในกฏมิติก็ไม่ใช่ชั่ว…”

 

  “ใช่”

 

  มาถึงขนาดนี้แล้วกงซุนซวนหยวนก็ไม่คิดปฏิเสธอะไรอีก เพราะตั้งแต่ที่ฟงชิงหยางถามเรื่องนี้ออกมา มันก็รู้ว่าไม่มีทางหลีกหนีความจริงได้อีกต่อไป

 

  “ดูเหมือนที่ข้าเดาไว้ จะไม่ผิดจริงๆ”

 

  ฟงชิงหางพยักหน้า ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามต่อว่า “แล้วไม่มีทางแยกมันออกจากร่างยูไลได้เลยรึไร? หรือช่วยยูไลให้เอาชนะการครอบงำแล้วเป็นฝ่ายกลืนกินมันแทน?”

 

  “ไม่มีเลย”

 

  กงซุนซวนหยวนคลี่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “จิตวิญญาณของมันหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณของยูไลไปแล้วกว่าครึ่ง นอกเสียจากมันจะยินดีถอนตัวจากไปเอง เช่นนั้นเห็นทีจะมีแต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะขับไล่วิญญาณของมันออกไปได้…”

 

  ต้วนหลิงเทียนที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ ก็เข้าใจแล้วว่าอาจารย์เขาคิดมายืนยันเรื่องอะไร

 

  ที่แท้ก็ยืนยันเรื่องที่ยูไลไม่ได้เป็นยูไลอีกต่อไปนั่นเอง

 

  หรือกล่าวให้ชัดๆว่า ยูไลได้ถูกยึดร่างไปกว่าครึ่งแล้ว

 

  ในยามปกติ ผู้ที่ควบคุมบังคับร่างยูไล สมควรเป็นคนจากเผ่าพันธุ์ภูตที่ว่า…

 

  “ต้วนหลิงเทียน”

 

  กงซุนซวนหยวนหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยยสีหน้าจริงจังเสียงขรึม “วันหน้าหากไม่มีเหตุจำเป็น เจ้าก็พยายามอย่าออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน และหากมีเหตุจำเป็นต้องไปไหนจริงๆ ทางที่ดีก็ให้อาจารย์เจ้าติดตามไปด้วย”

 

  “หาไม่แล้วคนของเผ่าพันธุ์ภูตนั่นต้องลงมือกับเจ้าอีกแน่”

 

  กับคำเตือนดังกล่าวของกงซุนซวนหยวน ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แยแสหรือสนใจจะฟังแม้แต่น้อย กระทั่งหน้ามันหางตาเขายังไม่เหลือบแล

 

  ตอนนี้เขามั่นใจเต็มสิบส่วน…ว่าตั้งแต่วันนั้นไม่พ้นกงซุนซวนหยวนต้องรู้แต่แรกว่าคนที่ครอบงำยูไลคิดทำอะไร! แต่อีกฝ่ายกลับเลือกที่จะไม่เตือนเขา ทว่ามากล่าวลำเลิกกับเขาแทน…

 

  จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเดาได้ว่า ไม่พ้นกงซุนซวนหยวนก็หวังให้คนที่ครอบงำยูไลชิงร่างเขาสำเร็จ เพื่อที่ยูไลจะได้เป็นอิสระ…

 

  ส่วนที่ไฉนกล่าวทวงบุญคุณให้เขารับปากเรื่องตอบแทน เป็นธรรมดาว่าคิดหาทางรอดสายหนึ่งให้ยูไล

 

  เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนไม่แม้แต่จะแยแสมันเลย กงซุนซวนหยวนก็พอจะล่วงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนกำลังคิดอะไรอยู่ เช่นนั้นมันก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมาอย่างขื่นขม

 

  “ขอตัว”

 

  ฟงชิงหยางกล่าวลากงซุนซวนหยวนห้วนๆ จากนั้นก็พาต้วนหลิงเทียนเหินร่างกลับทันที

 

  “ว่าแต่เจ้าไปชมดูผาบรรพกาลนั่น ได้เรื่องอะไรบ้างหรือไม่?”

 

  หลังออกจากที่พักของกงซุนซวนหยวนแล้ว ฟงชิงหยางก็หันมาถามต้วนหลิงเทียน

 

  “พอได้อยู่”

 

  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “แต่ในช่วงเวลาสำคัญ คนของเผ่าพันธุ์ภูตนั่นดันโผล่มาขัดจังหวะเสียก่อน”

 

  ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เรียกหายูไลอีกต่อไป เพราะอีกฝ่ายสมควรเป็นคนของเผ่าพันธุ์ภูตที่ครอบงำร่างยูไล และไม่ใช่ยูไลอีกต่อไป การกระทำทุกอย่างไม่ใช่เจตนาของยูไล

 

  “เช่นนั้นเจ้าก็ไปดูต่อเถอะ”

 

  ฟงชิงหยางกล่าว จากนั้นก็พาต้วนหลิงเทียนกลับไปส่งที่ผาบรรพกาล

 

  ถึงแม้ทางพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนจะกำหนดไว้แล้ว ว่าอัจฉริยะที่ผ่าเข้ารอบที่ 5 สามารถเข้าสู่ผาบรรพกาลได้แค่รอบเดียว หากออกมาแล้วก็ไม่อาจกลับเข้าไปอีกได้…แต่ใครคือต้วนหลิงเทียน?

 

  ด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่างฟงชิงหยางกับติงฟู่ หากต้วนหลิงเทียนจะเข้าไปในผาบรรพกาล ก็ลำบากแค่ออกปากคำเดียวเท่านั้น

 

  ผาบรรพกาลของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนไม่เหมือนห้องลับแห่งกฏของวิหารเฟิงฮ่าว อย่างหลังนั้นเป็นประเภทสิ้นเปลือง ทว่าการเข้าใช้ผาบรรพกาลนั้น ทางพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนไม่ได้สูญเสียสิ้นเปลืองอะไร

 

  หลังจากต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงผาบรรพกาลแล้ว ฟงชิงหยางก็ไม่ได้จากไปไหน เพียงเฝ้ารออยู่ที่ไหนสักแห่งนอกผาบรรพกาล

 

  และไม่นานนัก ก็มีร่างหนึ่งมาปรากฏตัวข้างกายฟงชิงหยาง

 

  เป็นจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ติงฟู่

 

  “เป็นเช่นไรบ้าง?”

 

  ฟงชิงหยางเอ่ยถามติงฟู่

 

  “หลังจากเจ้านั่นออกมา ฉีคงไห่ก็ปรากฏตัวออกมาแล้วไปเจอมันทันที…ดูเหมือนฉีคงไห่จะรู้เรื่องแต่แรก หาไม่แล้วมันคงไม่มาปรากฏตัวที่นี่ กระทั่งอาจจะมาเพื่อช่วยให้เจ้านั่นลักพาตัวศิษย์หลานต้วนได้สะดวกด้วยซ้ำ”

 

  ติงฟู่กล่าว

 

  หากเป็นที่อื่น รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักอย่างฉีคงไห่คงต้องค้นพบการซุ่มดูของติงฟู่แน่นอน

 

  ทว่าที่นี่เป็นที่ไหนล่ะ?

 

  มันคือพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน และติงฟู่ ก็คือจักรพรรดิสวรรค์แห่งหยวนสื่อเทียน!

 

  ด้วยมหาค่ากลที่ปกคลุมทั่วพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ติงฟู่ย่อมซ่อนตัวได้อย่างมิดชิด ขอเพียงไม่เคลื่อนไหวเอิกเกริก ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพก็ยากจะค้นพบการคงอยู่ของติงฟู่

 

  “เช่นนั้น กล่าวได้ว่าฉีคงไห่นั่นก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย”

 

  ฟงชิงหยางคลี่ยิ้มเย็นชา เมื่อรู้วัตถุประสงค์ของเผ่าพันธุ์ภูตที่ครอบงำร่างยูไลแล้ว เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายคิดจะส่งตัวต้วนหลิงเทียนให้วิหารเฟิงฮ่าว

 

  ไม่พ้นต้องตั้งใจลักพาตัวต้วนหลิงเทียนหายเข้ากลีบเมฆแน่นอน!

 

  สำหรับฉีคงไห่ ก็ไม่ใช่อะไรมากไปกว่าตัวโง่งมที่ถูกหลอกใช้ เพื่อให้มาสกัดมันไม่ให้ไปช่วยต้วนหลิงเทียนได้ทันเวลา!