ตอนที่ 1932 : คำถามที่บีบคั้น

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1932 : คำถามที่บีบคั้น

ราชาเทพทั้งสี่คนของจักรวรรดิเสิ่นเตาขวางทางเจี้ยนเฉินเอาไว้ ตอนที่เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล เขาก็รู้สึกราวกับแบกภูเขาไว้ทั้งลูก

นอกจากราชาเทพสี่คนนี้แล้วก็มีนักสู้และทหารมากมายแห่กันเข้ามาทุกทิศทาง ในพริบตาพวกนั้นก็ล้อมเจี้ยนเฉินเอาไว้ได้หมด

แต่เพราะราชาเทพทั้งสี่คนนี้ พวกนั้นจึงไม่ได้โจมตีเจี้ยนเฉินซึ่ง ‘บุกรุก’ เข้ามาในพระราชวัง

ก่อนที่ราชาเทพทั้งสี่คนจะรู้ถึงตัวตนของเจี้ยนเฉิน มันเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่กล้าแตะต้องเจี้ยนเฉิน

ในฐานะราชาเทพแล้ว พวกเขาฉลาดและระวังกว่าคนทั่วไป แม้แต่หากไม่นับว่าพระราชวังนั้นมีการคุ้มกันแน่นหนาเพียงใดและการป้องกันของค่ายกลนั้นดีเพียงใด แค่จำนวนราชาเทพในพระราชวังนั้นก็ทำให้เหนือเทพไม่อาจจะฝ่าเข้ามาในนี้ได้

แต่ไม่ใช่แค่เหนือเทพคนนี้ผ่านพวกราชาเทพมาได้และปราฏตัวขึ้นที่นี่ ทว่าแม้แต่ค่ายกลมากมายก็ไร้ค่ากับชายคนนี้ ชัดเจนแล้วว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ

“คำนับองค์จักรพรรดิ ! ”

ตอนนั้นเองทหารทุกคนรอบ ๆ ได้ตะโกนออกมา

เจี้ยนเฉินมองผ่านไปและพบกับชายวัยกลางคนในชุดมังกรดูสง่าปรากฏตัวขึ้นมา ชายคนนั้นลอยอยู่ในอากาศ เขาคือจักรพรรดิของจักรวรรดิเสิ่นเตา

“จักรพรรดิ ? ” เจี้ยนเฉินสงสัยขึ้นมานิด ๆ เขามองไปรอบ ๆ จนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนกัน

แม้ว่าเขาจะเดาได้ว่าเขามายังจักรวรรดิหนึ่งแต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจักรวรรดิใด

จักรพรรดิที่ลอยอยู่ในอากาศมองมาที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทีเฉยเมย เขาเหมือนจะทำการตรวจสอบเจี้ยนเฉิน ราวกับว่าต้องการเข้าใจในตัวเจี้ยนเฉิน

“เจ้าโรคจิต เจ้าคิดจะไปไหนกัน ? ตายซะ ! ”

ด้านหลังผู้หญิงสองคนจากบ่อน้ำพุในที่สุดก็ตามมาทัน พวกนางวิ่งฝ่าผู้คนเข้ามาพร้อมกับกระบี่ในมือที่ส่องประกายไปด้วยกฎและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาย พวกนางได้แทงกระบี่เข้าใส่เจี้ยนเฉินอย่างไร้ปราณี

เจี้ยนเฉินถอนหายใจออกมา ตอนนั้นเองใบหน้าของเขาก็แสดงความใสซื่อออกมา เขาไม่ได้หลบการโจมตีจากทั้งสองเลยแม้แต่น้อย เขากลับใช้ร่างกายตนเองรับการโจมตีเอาไว้

เขาบริสุทธิ์เพราะเขาถูกโยนมาที่นี่โดยนางฟ้าเฮายู่ในตอนที่เขาไม่อาจจะต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย เขาไม่ได้มีพลังแม้แต่จะต่อต้านตอนที่แสงจันทร์ของนางฟ้าเฮายู่ครอบคลุมตัวเขาไว้ ดังนั้นเขาจึงโดนโยนลงไปสู่บ่อน้ำพุร้อน

เหล่าราชาเทพไม่คิดจะหยุดการโจมตีของทั้งสองคน ขั้นเทพสองคนนี้ไม่อาจจะเป็นภัยต่อชีวิตเหนือเทพได้ ราชาเทพทั้งสี่คนมองไปที่เจี้ยนเฉินเมื่อเขาเคลื่อนไหว พวกนั้นก็จะจับเจี้ยนเฉินเอาไว้โดยไม่ลังเล

ผลลัพธ์นั้นออกมาชัดเจน แม้แต่ตอนที่ทั้งสองใช้พลังทั้งหมดที่มีแต่ก็ไม่อาจทำให้เจี้ยนเฉินบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย เจี้ยนเฉินได้ใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายรับการโจมตีนั้นไว้ได้

“ช่างเป็นร่างกายที่แข็งแกร่งจริง ๆ ! ”

สายตาของจักรพรรดิและราชาเทพทั้งสี่คนหรี่ลง พวกเขารู้สึกแปลกใจเมื่อได้เห็นแบบนั้น

ชัดแล้วว่าผู้หญิงสองคนนี้ก็ตะลึงเช่นกัน สีหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ไม่นานหลังจากนั้นพวกนางก็หน้าซีดและพูดขึ้นมา “เสด็จพ่อ ฆ่าชายคนนี้เสีย ได้โปรด หากชายคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ เราคงไม่มีทางลบความเกลียดชังนี้ไปได้”

“ถูกต้องแล้ว เสด็จพ่อ ได้โปรดฆ่าชายผู้นี้ อย่าปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่อีกต่อไป “

ทั้งสองคนตะโกนออกมาและมองมาที่เจี้ยนเฉินอย่างอาฆาต สายตาของพวกนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังซึ่งชัดแล้วว่าพวกนางอยากฆ่าเจี้ยนเฉินทั้งเป็น

“องค์หญิง ข้าเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งของข้าแล้ว ข้าจะผ่านค่ายกลที่แข็งแกร่งเข้ามาได้ยังไงกัน ? มีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ข้าจะหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้และให้พวกนั้นอธิบายกับพวกเจ้า” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในใจ เขาเริ่มรู้สึกรำคาญนางฟ้าเฮายู่ขึ้นมาแล้ว

ตอนที่องค์หญิงได้ยินว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ สีหน้าของพวกนางก็สลดลง ตอนที่พวกนางต้องการจะพูดบางอย่างออกมา จักรพรรดิก็ได้ยกมือขึ้นห้าม เขาพูดขึ้นโดยไม่ได้แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย “พอแล้ว เราจะคุยเรื่องนี้ในอนาคต ซิงเอ๋อ หลานเอ๋อ พกวเจ้ากลับไปก่อน ทุกคนแยกย้ายได้” จักรพรรดิเน้นคำสั่งสุดท้ายเพื่อบอกกับทหารโดยรอบ

“พะยะค่ะ องค์จักรพรรดิ ! ”

นักสู้หลายคนที่มารวมตัวกันพากันถอยกลับไป ราชาเทพทั้งสี่คนที่ล้อมเจี้ยนเฉินเอาไว้ต่างก็เข้าใจว่าเหนือเทพตรงหน้ามีเบื้องหลังที่พิเศษ เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิไม่คิดใส่ใจเรื่องนี้ พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างตะลึงก่อนที่จะแยกย้ายกลับไป

“เสด็จพ่อ ท่านต้องช่วยลูกด้วย” ทั้งสองคนลนลานและสีหน้าเศร้าหมอง

เป็นธรรมดาที่พวกนางจะบอกได้ว่าจักรพรรดิไม่คิดใส่ใจเรื่องนี้

จักรพรรดิแอบถอนหายใจ เขาหมดหนทางเช่นกัน เขาเห็นด้วยตัวเองว่าผู้อาวุโสและบรรพชนที่เขาเคารพนั้นโยนเจี้ยนเฉินเข้ามาที่นี่ แม้ว่าเขาต้องการจะเอาเรื่อง แต่เขาก็ไม่ได้มีความกล้ามากพอ

ตอนนั้นเจี้ยนเฉินได้หรี่ตาลง เขามองไปที่นางฟ้าเฮายู่ซึ่งกำลังเข้ามาและพูดขึ้นด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว “นางฟ้าเฮายู่ ท่านต้องอธิบายกับข้าในเรื่องนี้” เจี้ยนเฉินพูดด้วยท่าทีเด็ดขาด เขาโกรธมากกับการที่นางฟ้าเฮายู่ปั่นหัวเขาแบบนี้

องค์หญิงทั้งสองคนไม่เหมือนกับเจี้ยนเฉิน พวกนางโค้งให้อย่างสุภาพ “คำนับบรรพชน คำนับผู้อาวุโส ! ”

สีหน้าของจักรพรรดิแน่นิ่งไปเมื่อได้ยินคำพูดที่ดูไม่เคารพจากปากของเจี้ยนเฉิน

แม้แต่ศิษย์ของเทียนซวงอย่างหมานเย่ก็ต้องตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น

เหนือเทพกลับกล้าพูดแบบนั้นกับผู้ที่ขอบเขตตั้งต้น พวกเขาต่างก็สงสัยว่าพวกเขาหูฝาดไป

สายตาของเทียนซวงดูเย็นชาขึ้นมา เฮายู่คือพี่สาวที่นางชื่นชมและเคารพ นางถึงกับอยากปกป้องเฮายู่มากกว่าตัวนางเอง เมื่อมีเหนือเทพกลับพูดกับพี่สาวของนางด้วยความไม่เคารพเช่นนี้ นางก็ยากที่จะมองข้ามได้

แต่ต่อมาตอนที่นางเห็นสีหน้าของนางฟ้าเฮายู่ นางก็ต้องอึ้ง ตอนนั้นนางสงสัยว่าคนตรงหน้านางนั้นใช่พี่สาวเฮายู่ที่นางรู้จักรึไม่

ที่นางเห็นคือนางฟ้าเฮายู่กลับยิ้มออกมาด้วยความพอใจกับความโชคร้ายของเหนือเทพผู้นี้ นางไม่ได้เห็นความโกรธเลยแม้แต่น้อย

“เจ้าอยากฟังคำอธิบายแบบไหนกัน ? ” เฮายู่มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยรอยยิ้มกว้าง นางรู้สึกดีใจกับการที่เห็นเจี้ยนเฉินมีสภาพเช่นนี้