ถึงแม้จะมีบางวรยุทธ์ที่สามารถคงสภาพรูปลักษณ์ภายนอก จากแววตาที่โหดเหี้ยมของสำนักหนานเหมินกลับสามารถดูออกอยู่ว่าสตรีนางนี้ยังสาวมากจริง ๆ ยังสาวเช่นนี้แต่มีผลการฝึกตนมกุฎเทพแล้ว ชีวิตในอนาคตต้องไร้ขีดจำกัดแน่นอน!

ดังนั้นมาตรแม้นว่าการโจมตีของนางเกือบจะทำให้ทั้งเซียนเหล็กเฟยหยางสูญสหลาย สำนักหนานเหมินก็ไม่ได้ลงมือโจมตีในทันทีเช่นกัน

“พิกัดของหลุมดำเอกภพอยู่ที่ใด?”หลัวซิวยืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าพลางก้มมองลงไป สายตาร่วงลงบนตัวสำนักหนานเหมินพลางถามอย่างสุขุม

เมื่อได้ยินคำถามดังกล่าว สีหน้าของสำนักหนานเหมินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ช่วงนี้สมาคมเฟยหยางใช้หลุมดำเอกภพเพื่อมุ่งหน้าไปค้นและรีดไถทรัพยากรสมบัติจากโลกาเทพฟ้าชั้นต่ำจนได้กำไรมาเยอะมาก หรือว่ากองกำลังอื่น ๆ เริ่มรู้สึกอิจฉาแล้ว?

แต่ทว่าในโลกะอิมเอี๊ยงมีผู้ใดบ้างที่ไม่ทราบว่าสมาคมเฟยหยางเป็นกิจการของสำนักอิมเอี๊ยง? ความเป็นมาของเจ้าหมอนี่เป็นอย่างไรกันแน่? หรือว่าเขามาจากโลกาจ้าวมหาเทพที่อยู่บริเวณรอบ ๆ

สำนักหนานเหมินสามารถยืนยันได้โดยสิ้นเชิงว่าเหล่าหนุ่มสาวบนเรือรบทองคำตรงหน้านี้ ไม่ใช่นักยุทธ์ในโลกะอิมเอี๊ยงอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นการที่พวกเขามีศักยภาพที่แข็งแกร่งเช่นนี้ จากความสามารถด้านหน่วยข่าวกรองของสมาคมเฟยหยาง พวกเขาไม่มีทางไม่ทราบเรื่องนี้แน่นอน

“ไม่ทราบว่าตัวตนของทุกท่านเป็นอย่างไรกันแน่?”สำนักหนานเหมินถามอย่างระมัดระวัง

“ไอ้แก่ ตัวตนของพวกข้าเป็นอย่างไรนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถสืบถามได้!”จีเสี่ยวจื่อแกล้งตอบกลับเหมือนมีความรู้ความสามารถสูงและลึก

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว รูม่านตาของสำนักหนานเหมินจึงหดลง ส่วนฉียู่หรงและหนิงหานยู่ที่อยู่บนเรือรบกลับอมยิ้ม นิสัยขี้เล่นของจีเสี่ยวจื่อนี่กำเริบอีกแล้ว

“ทุกท่านมาจากโลกาชั้นฟ้าหรือ?”สำนักหนานเหมินลองทดสอบหยั่งเชิงอีกครั้ง

“ขอเตือนเจ้าไว้ก่อน พาข้าไปหลุมดำเอกภพ อะไรที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม มิเช่นนั้นข้าจักกวาดล้างให้สมาคมเฟยหยางของเจ้ากลายเป็นพื้นที่เรียบ”หลัวซิวพูดอย่างสุขุม

“ช่างโอหังยิ่งนัก เจ้าคิดว่าเจ้า……”

ผู้อาวุโสทั้งสามที่อยู่ข้างกายสำนักหนานเหมินโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง สมาคมเฟยหยางที่อยู่ในโลกะอิมเอี๊ยงเคยถูกผู้อื่นข่มขู่เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

แต่ทว่าคำพูดหนึ่งของพวกเขายังไม่ทันพูดจบ หลัวซิวก็หมดความอดทนแล้ว ภายใต้การควบคุมเรือรบทองคำโดยเขา ทำให้เรือรบทองคำขยับจนดังสะเทือนเลื่อนลั่น ก่อนจะพุ่งชนเข้าใส่ค่ายกลที่อยู่ด้านล่างเมืองเฟยหยาง

ซึ่งค่ายกลที่อยู่ด้านล่างคือค่ายกลระดับมกุฎ มาตรแม้นว่าผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพช่วงปลายมารุกราน ก็ยากที่จะทำลายเกราะป้องกันของค่ายกลดังกล่าว

แต่ทว่าเรือรบทองคำกลับเป็นของขลังระดับจ้าวมหาเทพ ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นที่สนั่นหู ค่ายกลคุ้มกันก็เหมือนดั่งกระจกที่แตกสลาย ค่อย ๆ แตกร้าว

ชัวะ!

เงาร่างของหลัวซิวหายวับไปภายในพริบตา ก่อนจะปรากฏตรงหน้าสำนักหนานเหมินนั่นในวินาทีต่อไป ภายใต้การพันธนาการจากกฎปริภูมิและเวลา ผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพขั้น 6 คนนี้ก็ถูกเขาบีบคอในทันที

มีอัคคีเทพซิวหลัวลุกโชนอยู่บนตัวหลัวซิว ทำให้ห้วงอากาศอันว่างเปล่าที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ถูกแผดเผาจนทรุดลง ออร่ากฎเพลิงอัคคีขั้น 7 ที่แฝงซ่อนอยู่ภายในทำให้สำนักหนานเหมินตกตะลึงจนหน้าถอดสี

เสี้ยววินาทีในเมื่อครู่นี้ เขาไม่ทันได้ต่อต้านเลยด้วยซ้ำ การกระทำทุกอย่างก็ถูกพันธนาการ หากฝ่ายตรงข้ามอยากสังหารเขาละก็ เกรงว่าเขาสำนักหนานเหมินคงตายไปตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว

เขาเกรงกลัวชายหนุ่มคนนี้แล้ว!

“เจ้าโจรช่างกล้ายิ่งนัก!”

ผู้อาวุโสทั้งสามลงมือ อยากช่วยเหลือสำนักหนานเหมิน ทว่าหลัวซิวกลับไม่มองพวกเขาเลยด้วยซ้ำ ลูกแก้วความเป็นตายปรากฏเหนือศีรษะเขา

“อ๊ากก! ……”

ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว ผู้อาวุโสทั้งสามก็กรีดร้องอย่างหวาดกลัวและน่าเวทนา แก่นชีวีที่มากมายมหาศาลในร่างกายถูกดูดออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ ล้วนถูกลูกแก้วความเป็นตายดูดกลืน

หลัวซิวไม่ได้จะเปิดศึกเข่นฆ่าอย่างยิ่งใหญ่แต่อย่างใด ดังนั้นลูกแก้วความเป็นตายจึงมุ่งเป้าไปที่ผู้อาวุโสสามคนนี้เท่านั้น มิเช่นนั้นทุกคนในเมืองเฟยหยางล้วนต้องตายเพราะชีวีดั้งเดิมถูกยึด