ตอนที่ 3518

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3518 : เทพสงคราม 6 ดารา?!

 

“ต้วนหลิงเทียน นี่เจ้าคงไม่ได้มีวิธีต่อต้านพลังของกฏเวลาข้าอีกคนหรอกนะ?”

 

หลังจากที่หวงเฉวียนอันออกมาเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนกลางหาว มันก็มองถามต้วนหลิงเทียนอย่างที่เล่นที่จริง เรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้ เพราะมันแพ้พ่ายให้หลิงเจียอวินกับถังซานเปามาติดๆกัน ทำให้มันเริ่มรู้สึกสงสัยในชีวิตตัวเองขึ้นมา

 

ต้องทราบด้วยว่า ก่อนที่จะเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ มันตั้งเป้าไว้ที่อันดับ 1 ด้วยซ้ำ!

 

แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าเรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้

 

เพราะในปัจจุบันมีคนที่สามารถเอาชนะมันได้แล้วถึง 2 คน

 

ตอนแรกมันหลงคิดว่าตัวเองจะอยู่ยงคงกระพันใต้เทพสงคราม 6 ดารา เช่นนั้นในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ อันดับ 1 ที่มันหมายปองก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร..แต่มิคาด กลับปรากฏเทพสงคราม 6 ดาราขึ้นมาในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้จริงๆ!

 

ที่สำคัญนอกจากเทพสงคราม 6 ดาราอย่างถังซานเปาที่มันไร้หนทางสู้แล้ว ยังมียอดฝีมือเทพสงคราม 5 ดาราอย่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีก แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่เทพสงคราม 6 ดาราที่มันกลัว แต่อีกฝ่ายกลับมีสายเลือดพิเศษที่ทำให้มีความสามารถสลับสับเปลี่ยนร่างจริงกับร่างแยกแห่งความตายได้อย่างอิสระ เพิกเฉยพลังอำนาจของกฎแห่งเวลามันได้อย่างสิ้นเชิง

 

ความพ่ายแพ้สองครั้งติดต่อ สำหรับมันที่มั่นใจว่าครั้งนี้อันดับ 1 ต้องอยู่ในกำมือแน่แท้ ไม่ต่างอะไรจากระเบิดห่าใหญ่ที่ถล่มลงมากลางหัวจังๆ!

 

มาตอนนี้ยังมีคนกล้าท้าทายมันอีกคน!

 

แถมคนที่ว่ายังเป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง ผู้นั้นอีก!

 

และประเด็นสำคัญก็คือ

 

อีกฝ่ายยังอายุไม่ถึง 700 ปีด้วยซ้ำ

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่แม้จะอายุไม่ถึง 700 ปีเหมือนกัน แต่การพ่ายแพ้อีกฝ่ายนั้นสำหรับมันแล้วไม่ได้ทำให้ติดใจอะไร สุดท้ายอีกฝ่ายก็คือนายน้อยผู้สูงส่งของตระกูลอันยิ่งใหญ่ในระนาบเทพ

 

แต่กับต้วนหลิงเทียนผู้นี้ มันไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะเอาชนะมันได้

 

อย่างไรก็ตาม ที่ท่าสงบไม่นำพาของต้วนหลิงเทียนเบื้องหน้า ทำให้มันสัมผัสได้ถึงความมั่นใจอันเหลือล้นอย่างอธิบายไม่ถูกจากอีกฝ่าย ด้วยเหตุนี้ใจของมันจึงเต้นระส่ำไปด้วยความกังวลถึงขั้นอดถามออกมาไม่ได้

 

เจ้า ต้วนหลิงเทียนคงไม่ได้มีวิธีต่อต้านพลังกฎแห่งเวลาของข้าอีกคนหรอกนะ!

 

“ไม่”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว “ข้าก็แค่อยากสัมผัสพลังของ แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิด กับพลังของกฎเวลาเท่านั้น”

 

พอต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกมา เหล่าผู้ชมที่วาดหวังไว้ไม่น้อยก็อดผิดหวังไม่ได้

 

พี่ท่านท้าทายหวงเฉวียนอันเพียงเพราะอยากสัมผัสพลังของกฎเวลา? ไม่ได้คิดเอาชนะหวงเฉวียนอันหรอกเหรอ?

 

“ลองต้วนหลิงเทียนพูดมาแบบนี้…หรือทำใจเรื่องแพ้หวงเฉวียนอันเอาไว้แต่แรก?”

 

“ข้าเองก็รู้สึกมาตลอดว่าตัวนหลิงเทียนไม่น่าจะมีวิธีพิเศษอะไรในการเอาชนะหวงเฉวียนอันได้ ศึกอัจฉริยะครั้งนี้มันถูกกำหนดไว้ให้เป็นได้แค่ที่ 4 เท่านั้นล่ะ…และหวงเฉวียนอันสมควรเป็นอันดับ 3 ส่วนอันดับแรกก็คงเป็นถังซานเปา”

 

“เหอะๆ ถังซานเปาเป็นเทพสงคราม 6 ดารา เช่นนั้นก็ต้องได้อันดับ 1 เป็นธรรมดา”

 

 

เพราะคำตอบของต้วนหลิงเทียน คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าเขายอมแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆ

 

ในฐานะผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างหวงเฉวียนอัน พอได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน มันก็คิดไปทำนองเดียวกันกับผู้ชม. แน่นอนว่าสาเหตุหลักที่ทำให้มันคิดไปแบบนี้ เพราะมันเชื่อมั่นในตัวเองแต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะมีทางเอาชนะมันได้

 

“ว่าแต่ แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิด คงเป็นการลงมือที่ดีที่สุดของเจ้าใช่ไหม?”

 

ต้วนหลิงเทียนก็มองถามหวงเฉวียนอันเช่นกัน

 

ถึงแม้จะไม่ทราบว่าไฉนวนหลิงเทียนถามเรื่องนี้ออกมา แต่หวงเฉวียนอันก็พยักหน้า แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดเป็นไม้ตายที่ร้ายกาจที่สุดของมันจริงๆ เรียกว่านี่คือทั้งหมดที่มันมีแล้ว

 

แต่เป็นธรรมดาว่ายามต่อสู้จริงๆ มันก็ต้องใช้พลังของกฎเวลาอย่างอื่นๆ เพื่อหยุด ขัดขวางถ่วงรั้ง ทำให้มั่นใจว่าศัตรูจะโดนพลังอำนาจของแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดด้วย

 

“ถ้างั้นเจ้าก็ใช้แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดที่ว่าออกมาได้เลย…ข้าจะไม่หลบ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับหวงเฉวียนอัน

 

อย่างไรก็ตาม หวงเฉวียนอันที่ได้ยินดังกล่าวก็ขมวดคิ้วย่นยู่ทันที ไม่ได้รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย

 

“วางใจได้ หากข้าหลบแม้แต่ก้าวเดียว ให้ถือว่าข้าพ่ายแพ้การประลองนัดนี้”

 

ต้วนหลิงเทียนยังกล่าวออกมาอีกครั้ง

 

เขาย่อมมองออกวว่าหวงเฉวียนอันกำลังกังวล ว่านี้จะเป็นอุบายของเขารึเปล่า สำหรับความกลัวของอีกฝ่ายเขาก็เข้าใจได้ไม่ยาก สุดท้ายอีกฝ่ายก็รู้ว่าเขาเก่งกฏมิติ แถมยังมีมรรคากระบี่กับวิถีควบคุม หากเขาฉวยโอกาสอะไรขึ้นมาตอนอีกฝ่ายพึ่งใช้แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดก็จบกัน

 

ถึงแม้เสียงพูดของต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ดังมากมายอะไร แต่ทุกผู้คนก็ได้ยินกันชัดถนัดหู “ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนอยากสัมผัสกับพลังของแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดด้วยตัวเองจริงๆ ก็เลยท้าทายหวงเฉวียนอัน”

 

“หากไม่หลบหลีกแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิด หวงเฉวียนอันก็สามารถลงมือคว้าชัยได้ง่ายๆ เพราะถึงตอนนั้นคิดจัดการต้วนหลิงเทียนที่ชราไร้เรี่ยวแรงก็ง่ายดายนัก”

 

หลายคนได้แต่ส่ายหัวไปมา เพราะศึกที่คาดหวังว่าจะดุเดือด ดูท่าจะจบลงตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำ

 

“ได้”

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนให้คำมั่นออกมาท่ามกลางสาธารณชนแบบนี้ หวงเฉวียนอันก็คลา ยกังวลไปหลายส่วน เพราะมันกลัวจริงๆว่าที่ต้วนหลิงเทียนเสนอออกมาแบบนี้เพราะคิดจะขุดหลุมพลางล่อให้มันลงมืออย่างเลินเล่อ ถ้ามันไม่ได้ใช้วิธีหยุดยั้งอีกฝ่ายไว้ ด้วยพลังกฏมิติของต้วนหลิงเทียนอีกฝ่ายต้องสามารถหลบการโจมตีของมันได้แน่

 

ถึงตอนนั้นแม้มันจะยังไม่ถึงกับแพ้ แต่มันก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะได้ง่ายๆ

 

แน่นอนว่ามันไม่คิดจะเสี่ยงทำอะไรแบบนั้น

 

ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้เอ่ยคำมั่นออกมาต่อหน้าผู้คนมากมาย มันก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวลอีกต่อไป

 

ครูต่อมา ท่ามกลางสายตาของผู้ชมทั้งหมด สองตาหวงเฉวียนอันก็เริ่มเปล่งแสงขึ้นเรืองๆ ใช้ออกด้วยแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดออกมาทันที พลังลี้ลับก็พุ่งออกจากลูกตามัน ข้ามฟ้าไปฉับไวก่อนจะจมหายไปในร่างด้วนหลิงเทียนอย่างราบรื่น!

 

“นี่น่ะเหรอ แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิด”

 

ภายใต้สายตาทุกคู่ ร่างต้วนหลิงเทียนยังคงลอยค้างกลางหาวแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว

 

อย่างไรก็ตาม ไม่นานทุกคนก็พบว่า

 

ต้วนหลิงเทียนไม่มีทีท่าว่าจะแก่ หรือถูกกาลเวลาเคี่ยวกรำเลย..

 

“เข้าใจแล้ว..ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”

 

ในขณะเดียวกัน ทางด้านต้วนหลิงเทียนที่ปล่อยให้พลังของแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดของหวงเฉวียนอันเล่นงานได้ง่ายๆ เขาก็พบว่ามันเป็นการโจมตีด้วยวิญญาณในรูปแบบหนึ่ง ทำให้วิญญาณของผู้ที่ถูกโจมตีถูกลวงให้ร่างกายทำการเผาผลาญพลังอย่างรุนแรง พร้อมด้วยพลังอำนาจของกฏแห่งเวลาที่แฝงมา ก็ทำให้พลังของผู้คนสิ้นสูญไปด้วยความเร็วอัศจรรย์จริงๆ

 

เพียงแค่ว่า แม้พลังวิญญาณของหวงเฉวียนอันจะกระทบถูกวิญญาณของเขาก็จริง แต่พลังของมันไม่อาจสั่นคลอนวิญญาณเขาได้เลย

 

ในกรณีนี้เมื่อวิญญาณของเขาไม่ตกอยู่ภายใต้มนตร์สะกดล่อลวงดังกล่าว ก็เป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายเขาจะถูกลวงให้เผาผลาญพลังทิ้งให้สูญเปล่า

 

และในเมื่อวิญญาณเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรแม้แต่น้อยแบบนี้ เขาที่สามารถควบคุมพลังในร่างได้อย่างสมบูรณ์ คิดจะขับไล่พลังของกฏเวลาที่หมายเร่งกระบวนการเผาผลาญพลังในร่างเขาออกไป ก็ทำได้ง่ายดายนัก

 

ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนที่แลดูเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ฟื้นสติกลับมา เงยหน้าขึ้นไปมองหวงเฉวียนอันพลางกล่าวว่า “วิธีการลงมือของเจ้านับว่าร้ายกาจไม่เบาภายใต้เทพสงคราม 6 ดารา นอกจากหลิงเจียอวินแล้ว เกรงว่าคงไม่มีใครต้านทานพลังอำนาจของเจ้าได้แน่”

 

วิญญาณของจักรพรรดิอมตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิญญาณของจักรพรรดิอมตะสมญานามนั้นจะยกระดับพัฒนาขึ้นก็ต่อเมื่อความลึกซึ้งของกฏที่เข้าใจบรรลุถึงขั้นสูง แน่นอนว่ารวมถึงการผสานรวมความลึกซึ้งทั้งหลายด้วย

 

กล่าวได้ง่ายๆว่า วิญญาณของเทพสงคราม 5 ดารากับเทพสงคราม 6 ดารานั้นไม่เหมือนกัน อย่างหลังทรงพลังกว่าอย่างแรกมาก

 

และถ้าหากพลังวิญญาณสูงพอ การโจมตีทางวิญญาณที่ขับเคลื่อนด้วยพลังวิญญาณอันอ่อนด้อยกว่าของศัตรู ย่อมไม่อาจส่งผลกระทบอะไรได้เลย

 

ดุจเดียวกับตอนนี้

 

จุดประสงค์หลักของแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดหวงเฉวียนอัน คือการครอบงำวิญญาณของเขา แต่เนื่องจากจิตวิญญาณของเขาทรงพลังเกินไป พลังวิญญาณที่ใช้ขับเคลื่อนทักษะแปรเปลี่ยนใน หนึ่งห้วงคิดของมันก็เลยไม่มีผลอะไรกับเขาแม้แต่นิดเดียว…

 

“หยุด!”

 

ในขณะเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวด้วยรอยยิ้ม สีหน้าหวงเฉวียนอันก็แปรเปลี่ยนไป มันตะโกนออกมาคำหนึ่งจากนั้นก็เร่งเร้าพลังทั้งหมดใช้ออกด้วยพลังของกฎเวลาทั้งหมดโถมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนเต็มกำลัง

 

เป็นดั่งพายุแห่งกาลเวลา ไม่ว่าจะผ่านพ้นไปที่ใด ห้วงเวลา ณ จุดนั้นก็จะหยุดเดิน ต้วนหลิงเทียนที่เห็นการลงมือดังกล่าว รอยยิ้มเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย

 

“แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิด!”

 

ทว่าในขณะที่หวงเฉวียนอันคิดจะใช้แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิด รอยยิ้มที่ชะงักไปของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มคลี่กางมากขึ้น “ไม่เลว…เลือกจะหยุดเวลาก่อน และใช้แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดเล่นงานในช่วงที่คู่ต่อสู้ปราศจากการป้องกันใดๆ…”

 

“กฏแห่งเวลานับว่าควรคู่กับการถูกเรียกว่ากฏอันดับ 1 ในบรรดา 4 กฏสูงสุดจริงๆ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“เจ้า…”

 

หวงเฉวียนอันที่พบว่าต้วนหลิงเทียนเพิกเฉยการหยุดเวลาของมันได้อย่างสิ้นเชิง ลูกตาของมันก็หดเล็กลงทันที สีหน้ายังฉายชัดถึงความตกตะลึงเหลือเชื่อ “เจ้า…เจ้าที่แท้ก็เป็นเทพสงคราม 6 ดาราด้วย!”

 

ตั้งแต่ตอนที่พลังอำนาจของแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้เลยทั้งๆที่ต้วนหลิงเทียนไม่คล้ายจะเร่งเร้าพลังป้องกันอะไร หวงเฉวียนอันก็สงสัยเรื่องนี้แต่แรก…

 

พอมาเห็นว่าพลังของกฏเวลาที่มันทุ่มสุดตัว ก็ไม่อาจหยุดต้วนหลิงเทียนได้แม้แต่เศษเสี้ยวเช่นกัน มันก็ยืนยันได้ทันที!

 

ด้วยระดับพลังของมันในปัจจุบันและความเข้าใจในกฎของเวลา มีเพียงเทพสงคราม 6 ดาราหรือสูงกว่าเท่านั้น ที่สามารถเพิกเฉยพลังอำนาจของกฎเวลามันได้อย่างสมบูรณ์

 

และทันทีที่วาจาประโยคดังกล่าวโพล่งออกมาจากปากของหวงเฉวียนอัน ผู้ชมทั้งหลายก็ตะลึงอึ้งค้างไปเรียบร้อย

 

สีหน้าท่าทีของฉีคงไห่ยังเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังนัก

 

จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียน จักรพรรดิอมตะมหาสุริยันยูไล หรือที่แท้ก็คือพระอาจารย์หมีเยี่ยน บัดนี้สองตาได้ฉายชัดถึงแสงแห่งความโลภอันแรงกล้าหาใดเปรียบ!

 

“น้องฟงท่าน…ศิษย์ของท่านผู้นี้ซ่อนได้ลึกเกินไป! ซ่อนได้ลึกเกินไปจริงๆ!!”

 

ติงฟู่ หันไปมองกล่าวกับฟงชิงหยางที่ยังคงละเลียดชาอย่างสงบ ด้วยเห็นอีกฝ่ายไม่แตกตื่นอะไร ไม่ต้องให้ใครมาบอก ตงฟูก็รู้ว่าไม่พ้นฟงชิงหยางล่วงรู้มานานแล้วว่าศิษย์อย่างด้วนหลิงเทียนที่แท้ทรงพลังถึงขนาดไหน ถึงกับเป็นเทพสงคราม 6 ดาราเป็นอย่างต่ำ!

 

“เทพสงคราม 6 ดาราทั้งๆที่ยังมีอายุไม่ถึง 700 ปี และยังสืบทอดมรรคากระบี่ท่านจนค้นพบมรรคากระบี่ของตัว ไหนจะวิถีควบคุมนั้นอีก…น้องฟงท่าน ไม่เพียงแต่พรสวรรค์ของท่านจะท้าทายสวรรค์ แต่ความสามารถในการเฟ้นหาลูกศิษย์ของท่านยังท้าทายสวรรค์อีกด้วย!”

 

“พอเทียบกับลูกศิษย์ของน้องฟงท่านแล้ว..ศิษย์ของข้าช่างโง่เขลาเบบาปัญญายิ่งกว่าหมูเสียอีก!”

 

ติงฟู่กล่าวถึงจุดนี้ เว่ยฉีที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมา

 

ต้องทราบด้วยว่าปกติแล้วอาจารย์ของมันยกย่องมันว่าเก่งกาจอย่างนั้นอย่างนี้ ความสามารถสูงล้ำยิ่งกว่าอะไร…แต่วันนี้กลับบอกว่ามันโง่เขลาเบาปัญญายิ่งกว่าหมู?

 

ขณะเดียวกัน บรรยากาศของสถานที่จัดการประลองศึกอัจฉริยะสวรรค์ก็เสมือนเดือดพล่านขึ้นมาในฉับพลัน “มารดาเราช่วย! เทพสงคราม 6 ดาราปรากฏตัวขึ้นอีกคนแล้ว!!”

 

“เฮๆๆ ในอดีตเคยมีศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งไหนที่มีเทพสงคราม 6 ดาราปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆกัน 2 คนบ้างไหม?”

 

“ไม่น่าจะมีนะ”

 

“มารดามันเถอะ ศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่ข้าเข้าร่วมกลับมีเทพสงคราม 6 ดาราปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆกันถึง 2 คน! ข้ามั่นใจว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบนี้จะได้กลายเป็นหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์แล้วจริงๆ!!”

 

 

สีหน้าของเหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหลายเริ่มแดงขึ้นมา แต่ละคนตื่นเต้นทั้งคึกคักอักโขนัก ราวกับคนที่เป็นเทพสงคราม 6 ดาราไม่ใช่ตัวนหลิงเทียนกับถังซานเปา แต่

เป็นพวกมันเอง

 

บรรดาผู้ที่เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นคู่ต่อสู้ทั้งหลายเช่น อวี๋ตงฟาง บัดนี้สีหน้าเริ่มซีดลงอย่างน่ากลัว คล้ายใครเอาขี้เถ้ามาฉาบทาก็ไม่ปาน เพราะแต่ละคนสาเหนียกตัวเองดีว่าชาตินี้ทั้งชาติเกรงว่าคงไม่มีทางไล่ตามต้วนหลิงเทียนได้ทันแล้ว “ศิษย์พี่หญิงศิษย์น้องเล็กของท่านท้าทายสวรรค์ยิ่งกว่าที่ท่านพูดไว้เสียอีก…”

 

“เทพสงคราม 6 ดาราอายุไม่ถึง 700 ปี…พระเจ้าช่วย! ต่อให้เป็นในระนาบเทพ ให้เป็นชนพื้นเมืองที่มีพรสวรรค์มากแค่ไหน ก็มีตัวตนเช่นนี้ดำรงอยู่ไม่มากกระมัง?”

 

ต้องบอกเลยว่าตอนนี้จงกุ้ยอวี่กลัวแล้วจริงๆ

 

นอกจากนั้นยังมีโอวหยางชี่ที่เคยไปคุกเข่าอยู่หน้าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนในอดีต ด้วยหมายจะเป็นศิษย์ที่แท้จริงของฟงชิงหยาง บัดนี้สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความขื่นขม แลดูสมเพชตัวเองนัก

 

อาศัยมันโอวหยางชี่ กลับฝันไกลอยากเป็นศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง… ยังไปสบประมาทผู้อื่นไว้อีก

 

ที่แท้ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ก็เป็นตัวตนที่ท้าทายสวรรค์ถึงเพียงนี้

 

อายุไม่ถึง 700 ปี บรรลุพลังระดับเทพสงคราม 6 ดารา…

 

พรสวรรค์ดังกล่าวเรียกว่าท้าทายสวรรค์เหนือกว่าถังซานเปา นายน้อยของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักเป็นไหนๆ

 

ถังซานเปาแก่กว่าต้วนหลิงเทียนมาก…ฝึกฝนบ่มเพาะมานานกว่าต้วนหลิงเทียนเกินครึ่งชีวิตต้วนหลิงเทียนเสียอีก!

 

“เจ้ายังคิดจะสู้ต่อไหม”

 

ต้วนหลิงเทียนมองถามหวงเฉวียนอัน

 

“สู้กับผีสิ…”

 

หวงเฉวียนอันโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงคร่ำครวญ จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มแหยๆว่า “เจ้าเป็นถึงเทพสงคราม 6 ดาราแล้วแท้ๆ แต่คิดรังแกข้าด้วยข้ออ้างอยากรับทราบพลังของแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดข้าเนี่ยนะ? เจ้าไม่น่าท้าข้าแต่แรกด้วยซ้ำ นู่นเจ้าสมควรไปท้าถังซานเปาหรือหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนุ่น!”

 

พอกล่าวจบคำหวงเฉวียนอัน ก็หันไปมองฉีคงไห่ “รองจ้าววิหารฉี ข้ายอมแพ้แล้ว”

 

“อืม”

 

ฉีคงไห่พยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนพลางประกาศชัยชนะออกมา

 

และตอนนี้สายตาที่ฉีคงให้ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็ทวีความซับซ้อนมากขึ้น…