เบื้องหน้าหญิงสาวชุดดำมืดทะมึน เกือบจะหายใจไม่ออก

ศัตรูที่ฆ่าบิดาอยู่ตรงหน้า แต่นางไม่เพียงแต่ไร้พลังแก้แค้น ถึงขั้นต้องสละชีวิตของตนด้วยเหตุนี้อีก นี่ทำให้นางอดรู้สึกสิ้นหวังไม่ได้

ต้องโทษที่นางโกรธแค้นและวู่วามเกินไป ไม่เคยคิดว่าด้วยพลังของนางเองจะเป็นคู่ต่อสู้ของศัตรูได้หรือไม่

ทว่า…

ความแค้นของบิดาเชียวนะ!

ยามพบศัตรูที่ค้นหามาอย่างยากลำบาก ใครจะใจเย็นลงได้

หยาดน้ำตาแย่งกันหลั่งรินออกมาจากเบ้าอย่างไม่เชื่อฟัง หญิงสาวชุดดำลอบถอนใจ นึกถึงคำพูดที่บิดากำชับตนอยู่บ่อยครั้งในวัยเด็ก…

‘โลกของผู้ฝึกปราณนั้นปลาใหญ่กินปลาเล็ก เหี้ยมโหดจนไม่มีความเมตตา ยามที่พ่ออยู่ย่อมปกปักคุ้มครองเจ้าได้ตลอดชีวิต แต่หากวันหนึ่งพ่อไม่อยู่แล้ว เจ้าต้องรักษาตัวให้ดี…’

ตอนนั้นนางไม่เข้าใจ รังเกียจบิดาที่พร่ำบ่น รังเกียจบิดาที่จุ้นจ้านมากเกินไป รังเกียจบิดาที่ไม่เคยเห็นตนเป็นผู้ใหญ่

แต่ตอนนี้…

คนที่นางคิดถึงที่สุดก็คือบิดา สิ่งที่นึกเสียใจภายหลังที่สุดก็คือไม่รีบเข้าใจความเหนื่อยยากของบิดา!

ความรู้สึกเสียใจ กลัดกลุ้ม คับแค้น จนปัญญาเข้าปกคลุมจิตใจของนางดุจเขาถล่มสมุทรคำราม เปลี่ยนเป็นความสิ้นหวังที่ไร้สิ้นสุด

“สหายยุทธ์ ผู้หญิงคนนี้รูปงามไม่ธรรมดา มิสู้มอบนางให้ข้าเป็นอย่างไร”

ทันใดนั้นมีคนส่งเสียงหัวเราะเยาะหยัน

ชายชราชุดเทาร้องอ้อคราหนึ่งกล่าว “ได้ ขายให้เจ้าหนึ่งผลึกมรรคเป็นอย่างไร”

“หนึ่งผลึกมรรคหรือ”

คนผู้นั้นอึ้งไป

“ในสายตาข้า ผู้หญิงที่ดูปัญญานิ่มคนนี้มีค่าแค่หนึ่งผลึกมรรคเท่านั้น”

ชายชราชุดเทาพูดเรียบๆ

บริเวณใกล้เคียงมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาทันที

ผู้ฝึกปราณที่มาตลาดมืดใต้ดินส่วนใหญ่ล้วนไม่ใช่คนดี ยิ่งไม่ขาดพวกเหี้ยมโหดป่าเถื่อน แน่นอนว่าไม่มีทางใส่ใจความเป็นความตายของผู้หญิงคนหนึ่ง

“ปล่อยนางซะ”

ในตอนนี้เองร่างของหลินสวินปรากฏตัวในที่นั้น แววตาเย็นชา มองชายชราชุดเทาคนนั้น

“โอ้ วีรบุรุษช่วยสาวงามรึ”

“จุ๊ๆ ปัจจุบันบนโลกนี้ยังมีคนเช่นนี้ด้วยหรือ”

ไม่รอให้ชายชราชุดเทาคนนั้นตอบสนอง ผู้ฝึกปราณคนอื่นในที่นั้นต่างเริ่มเสริมขึ้น คำพูดเต็มไปด้วยความหยอกล้อและเย้ยหยัน

“สหาย เห็นหรือยัง พวกเขาล้วนกำลังหัวเราะเยาะเจ้า เจ้าแน่ใจหรือว่าจะช่วยนางอีก”

ชายชราชุดเทาเจือความดูถูก

“ทำชั่วแล้วยังพูดได้เต็มปากเต็มคำเช่นนี้ ทำเรื่องดีกลับถูกหัวเราะเยาะ โลกนี้… นับวันยิ่งทำให้ผู้คนผิดหวังจริงๆ”

หลินสวินทอดถอนใจ

“ทำเรื่องดีรึ”

ทุกคนในที่นั้นหัวเราะลั่นอีกครั้ง

ชายชราชุดเทากล่าวอย่างเย็นชา “ความดีชั่ว ขาวดำ ร้ายดีบนโลกนี้… ล้วนไม่เคยสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือพลังของใครแข็งแกร่งกว่า ก็จะได้เป็นนายเหนือหัวที่ตัดสินความเป็นตาย”

“อย่างนั้นหรือ”

หลินสวินพูดแต่ไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเขา

ตูม!

ชายชราชุดเทารู้สึกแค่ว่ามีพลังที่ยิ่งใหญ่ไม่อาจขวางกั้นบีบกดลงมา ร่างกายเหมือนถูกภูเขาแสนลูกกำราบ ร่วงลงไปกองกับพื้นดังตึง

ในขณะเดียวกันหญิงสาวชุดดำคนนั้นก็ถูกช่วยไว้

เสียงหัวเราะในที่นั้นพลันหยุดชะงักลง ผู้ฝึกปราณไม่น้อยต่างเผยสีหน้าจริงจัง

ทั้งหมดเพิ่งตระหนักได้ว่า เจ้าหนุ่มที่ถูกพวกเขาหัวเราะเยาะคนนี้ ถึงกับเป็นพวกร้ายกาจคนหนึ่ง!

“เป็นเจ้า หลี่ว์ป๋อ!”

ทันใดนั้นหญิงสาวชุดดำร้องเสียงดังอย่างยากจะเชื่อ

ก็เห็นชายชราชุดเทาที่ถูกกำราบลงกับพื้นนั่นราวกับถูกทำลายการพรางตัว กลายเป็นชายหนุ่มที่ท่าทางน่าเกรงขามคนหนึ่ง!

“เป็นเจ้าได้อย่างไร พวกเราหมั้นหมายกันแล้ว พ่อของข้าก็ดีกับเจ้าเช่นนั้น เจ้า… ทำไมเจ้าถึงทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้…”

ใบหน้างามของหญิงสาวชุดดำซีดเผือด สั่นไปทั้งตัว คล้ายไม่กล้าเชื่อตาตัวเอง

ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้ก็อดสูดหายใจเย็นเยียบไม่ได้ เจ้าหมอนี่ถึงกับฆ่าว่าที่พ่อตาของเขารึ

เหี้ยมนัก!

ชายหนุ่มสีหน้าลนลานขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่สุขุมเยือกเย็นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

หญิงสาวชุดดำน้ำตานองจนตาพร่า แรงสะเทือนนี้ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว บิดาของตนถึงกับถูกคู่หมั้นของตนฆ่า…

นี่ทำให้ทั้งตัวนางแทบจะพังทลาย

เห็นดังนี้หลินสวินพลันดีดนิ้วดังฟุ่บ ชายหนุ่มร่างกระตุกไปทั้งตัว ส่งเสียงหวีดร้องอย่างเจ็บปวดออกมา พลังปราณทั้งตัวล้วนถูกกำจัด

“แม่นาง มีแค้นต้องชำระ ขุ่นข้องต้องระบาย”

หลินสวินกล่าวทิ้งท้ายประโยคนี้ก่อนหันหลังจากไป ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครกล้าขวาง

และไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะอีก ในใจคนไม่น้อยถึงขั้นเกิดความเลื่อมใสขึ้นมารางๆ บนโลกนี้… ผู้แข็งแกร่งที่ ‘ทำเรื่องดี’ เช่นนี้… มีไม่มากแล้วจริงๆ…

เดินถึงครึ่งทางก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนเสียงหนึ่งดังไล่หลังมา

หลินสวินไม่จำเป็นต้องหันกลับไปก็รู้ว่า ชายหนุ่มคนนั้นต้องถูกฆ่าแล้วแน่นอน

ส่วนในใจหญิงสาวชุดดำจะโศกเศร้าและขมขื่นเพียงใด หลินสวินได้แต่เห็นอกเห็นใจ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็เป็นแค่คนผ่านทางเท่านั้น

“สหายยุทธ์ แม้ข้าจะไม่เห็นด้วยกับวิธีของท่าน แต่ในใจกลับเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง”

ระหว่างทางเซี่ยซานเงียบไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า “เพียงแต่ในตลาดมืดใต้ดินนี้ ข้ายังอยากเตือนท่านสักประโยค ทางที่ดีอย่ามีใจเอื้ออาทรอีกจะดีกว่า”

หลินสวินไม่ได้ใส่ใจ

ไม่ทันไรหลินสวินก็เข้าไปในเรือนเก่าแก่หลังหนึ่งภายใต้การนำทางของเซี่ยซาน

ทันทีที่เข้าไปหลินสวินก็สังเกตเห็นได้ในพริบตา ว่าในเรือนนี้ปกคลุมด้วยกระบวนผนึกทบเป็นชั้นๆ ดูกวดขันเป็นอย่างยิ่ง

ยามเซี่ยซานจะออกไปก็เหมือนอยากจะพูดแต่ก็หยุดปากไว้ สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่งแล้วส่ายหัวจากไป

ในโถงใหญ่มีคนนั่งอยู่สามคน ตรงกลางเป็นชายกลางคนชุดดำคนหนึ่ง หนวดเคราเผ้าผมดุจสีหมึก นัยน์ตาราวกับสายฟ้าเย็นชา กลิ่นอายทั่วร่างมืดมนเกินคาดเดา

ด้านซ้ายและขวาของเขาคือชายชราผมขาวแกมเทาคนหนึ่งและฮูหยินงามทรงเสน่ห์อีกคน

ชายชราผมขาวกำลังดีดลูกคิดทองอร่าม แววตาอ่อนโยน

ฮูหยินงามแต่งกายเปิดเผย เนินเนื้ออวบอิ่ม ผิวขาวดุจหิมะ เรียวขาอวบอั๋นคู่ยาวไขว้ขัดกันอย่างเกียจคร้าน นัยน์ตาคู่งามเป็นประกาย ทั่วทั้งตัวเผยความเย้ายวนที่สุกงอมและล่อใจ น่าดึงดูดดุจเปลวเพลิง

หลินสวินกวาดตามองรอบๆ ก็ชี้ชัดได้ว่าชายกลางคนชุดดำเป็นมหาอริยะคนหนึ่ง ชายชราผมขาวและฮูหยินงามก็มีปราณระดับอริยะแท้

กำลังพลเช่นนี้มาอยู่ที่เมืองหลินอันก็เรียกได้ว่าชวนตะลึงแล้ว

ถึงอย่างไรเมืองหลินอันก็เป็นแค่เมืองหนึ่งในหมู่เมืองเรือนหมื่นของแคว้นเขียว ในตลาดมืดที่ตั้งอยู่ในโลกใต้ดินของเมืองหลินอันนี้ มีบุคคลระดับอริยะสามคนปรากฏตัวในชั่วขณะเดียวได้ก็ไม่ธรรมดามากแล้ว

แน่นอนว่าต่อให้อีกฝ่ายไม่ธรรมดามากแค่ไหน หลินสวินก็ยังไม่ใส่ใจ

ด้วยระดับของเขาตอนนี้ แม้แต่กึ่งจักรพรรดิยังกล้าห้ำหั่น ไหนเลยจะเห็นมหาอริยะคนหนึ่งกับอริยะแท้สองคนอยู่ในสายตา

“สหายยุทธ์จะขายอะไร”

ชายกลางคนชุดดำที่อยู่ตรงนั้นเอ่ยเสียงขรึม สายตามองหลินสวินตั้งแต่หัวจรดเท้าดั่งมีดเฉือน แต่กลับมองอะไรไม่ออก

หลินสวินในตอนนี้กลิ่นอายเหมือนกลับคืนสู่สามัญ ไม่ลึกลับซับซ้อน ทั้งยังตั้งใจปิดบังฐานะ ไหนเลยจะยอมให้อีกฝ่ายมองเบื้องลึกของตนออก

“โอสถสมบัติต้นนี้มีค่ากี่ผลึกมรรค”

หลินสวินพลิกมือหยิบโอสถสมบัติต้นหนึ่งออกมา

“สามพันหกร้อยผลึกมรรค” ชายกลางคนชุดดำดูคร่าวๆ คล้ายผิดหวังอยู่บ้าง เอ่ยตัวเลขจำนวนหนึ่งขึ้นมาลอยๆ

“น้อยเกินไปหน่อยหรือไม่”

โอสถสมบัติต้นนี้หากอยู่ในโลกภายนอก อย่างน้อยก็มีค่าห้าพันผลึกมรรค!

ฮูหยินงามทรงเสน่ห์คนนั้นอมยิ้มกล่าว “สหายยุทธ์ ที่นี่คือตลาดมืด ราคาย่อมต่ำกว่าโลกภายนอกมากเป็นธรรมดา นอกเสียจากว่าสมบัติที่เจ้าจะขายมีเยอะมาก ราคาก็จะคุยกันได้”

หลินสวินขานรับว่าอ้อ สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง โอสถสมบัติแน่นขนัดแถบหนึ่งกองพะเนินขึ้นมา มีมากถึงร้อยชนิด สาดแสงสว่างไสว กลิ่นโอสถอบอวล

“พวกนี้ล่ะ”

ชายกลางคนชุดดำเพิ่งเผยสีหน้าจริงจัง เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่งก็กล่าว “ระดับคุณภาพล้วนนับว่าไม่เลว สามารถยึดตามราคาของโลกภายนอกได้เจ็ดจุดห้าส่วน”

“พวกนี้ล่ะ”

หลินสวินสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง ลูกกลอนโอสถหลายขวดพุ่งลอยออกมา

ฮูหยินงามผุดลุกขึ้น ก้าวเข้าไปสำรวจทีละอัน ผ่านไปครู่ใหญ่แววตานางก็วาววาบ กล่าวอย่างประหลาดใจ “สหายยุทธ์ ของดีบนตัวเจ้ามีไม่น้อยทีเดียว ในหมู่ลูกกลอนโอสถพวกนี้ บางส่วนเป็นถึงของล้ำค่าที่สำนักโบราณพวกนั้นไม่เผยแพร่สู่ภายนอกเด็ดขาด”

นัยน์ตาของชายกลางคนชุดดำเปล่งประกายกล่าว “ฮูหยินเยี่ยน ให้ราคาเท่าไหร่ดี”

“ยึดตามราคาตลาดของโลกภายนอกได้แปดส่วน”

ฮูหยินงามระบุตัวเลขหนึ่งออกมา

“อย่ารีบร้อน ยังมีอีก”

หลินสวินพูดพลางทยอยนำสมบัติจำพวกของล้ำค่า หินแร่ แกนวิญญาณ สมุนไพรบางส่วนออกมากองไว้ด้วยกัน ราวกับภูเขาลูกย่อมๆ

คราวนี้ลมหายใจของชายกลางคนชุดดำและฮูหยินงามกระชั้นถี่ขึ้นมาเล็กน้อย

ชายชราผมขาวที่ดีดลูกคิดสีทองอยู่ข้างๆ มาตลอดคนนั้นก็ผุดลุกขึ้น เดินมาหน้ากองสมบัติพวกนั้น ทำการสำรวจและประเมินทีละอัน

ลูกคิดสีทองในมือเขาดังต๊อกแต๊ก

“ล้วนเป็นของดีชั้นหนึ่ง รับซื้อได้โดยยึดตามราคาตลาดเก้าส่วน”

ชายชราผมขาวกล่าวเสียงขรึม ยามเงยหน้ามองหลินสวิน ในสายตาของเขาเจือแววประหลาดสายหนึ่ง คล้ายมองเค้าเงื่อนอะไรบางอย่างออกจากสมบัติพวกนั้น

ชายกลางคนชุดดำและฮูหยินงามต่างตะลึงไปชั่วขณะ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด คล้ายรู้สึกตระหนกอยู่บ้าง

คนผู้หนึ่งถึงกับนำสมบัติมากมายเช่นนี้มาขาย ทั้งแต่ละอย่างยังเรียกได้ว่าเป็นของดีที่มีคุณภาพชั้นยอด นี่จะไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว

“เก้าส่วนรึ ยังไม่พอ”

หลินสวินส่ายหัว

สมบัติพวกนี้ล้วนเป็นทรัพย์หลังศึกที่เขารวบรวมได้ในช่วงหลายปีนี้ สำหรับคนอย่างพวกชายกลางคนชุดดำ สมบัติแต่ละอย่างนั้นล้วนมีมูลค่ามหาศาล ถึงขั้นใช้คำว่าล้ำค่าและหายากมาบรรยายได้

แต่สำหรับหลินสวิน สมบัติพวกนี้ล้วนใช้การไม่ได้แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงคิดนำออกมาขาย

“สหายยุทธ์ นี่ถือว่าสุดขีดความสามารถแล้ว ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานที่ขายของใต้ดิน และสมบัติพวกนี้ที่เจ้าจะขายยังเป็นของที่ปล้นชิงมาโดยไม่ชอบด้วย”

ชายกลางคนชุดดำแววตาวูบไหวกล่าวเนิบช้า “ในเมื่อจะขายของที่ปล้นมา มูลค่าก็ย่อมไม่มีทางเท่ากับราคาตลาดของโลกภายนอก”

“เก้าจุดห้าส่วน หากเรือนเร้นหมอกของพวกเจ้ารับไหว ของพวกนี้ทั้งหมดจะเป็นของพวกเจ้า หากรับไม่ไหวข้าก็แค่เปลี่ยนที่เท่านั้น”

หลินสวินกล่าวง่ายๆ

หัวคิ้วของชายกลางคนชุดดำขมวดขึ้น สีหน้าเปลี่ยนเป็นอึมครึมไม่น้อย

ขอแค่เป็นคนที่เข้ามาในตลาดมืดใต้ดิน ก็ล้วนเป็นพวกที่เอาแต่มุดหัวมุดหางทำแต่เรื่องชั่วๆ เมื่อฐานะถูกเปิดเผย แน่นอนว่าต้องถูกศัตรูจับจ้อง

ทั้งการค้าขายในตลาดมืดยังสนแต่เรื่องพลัง ไม่สนกฎเกณฑ์!

ด้วยเหตุนี้ยามขายของที่ปล้นมา จึงไม่เคยมีใครกล้าต่อรองราคากับเรือนเร้นหมอกของพวกเขา!

“ช่างเถอะ ยากจะได้พบผู้ค้ารายใหญ่เช่นนี้ ครั้งนี้พวกเราเอากำไรน้อยหน่อยก็พอ เหล่าถง เจ้าคำนวณราคาของสมบัติทั้งหมดให้หน่อย”

ฮูหยินเยี่ยนยิ้มกล่าว

ชายชราผมขาวพยักหน้า ลูกคิดทองอร่ามในมือดังรัวอยู่พักหนึ่ง

ครู่ใหญ่เขาจึงเงยหน้าขึ้น เอ่ยตัวเลขออกมาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “รวมทั้งหมดเก้าล้านสามแสนห้าหมื่นผลึกมรรค”

ชายกลางคนชุดดำและฮูหยินเยี่ยนต่างเผยสีหน้าตกใจ คล้ายถูกตัวเลขนี้ทำให้หวั่นหวาด

แต่ในใจหลินสวินกลับยิ้มหยันทันที เจ้าเฒ่านี่ถึงกับเล่นเล่ห์เพทุบายอย่างผ่าเผยต่อหน้าข้า!