บทที่ 2693 ผู้หญิงที่เกิดมาจากความขมขื่น + ตอนที่ 2694 พยายามสุดความสามารถ ตามแต่พระเจ้าจะประธาน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2693 ผู้หญิงที่เกิดมาจากความขมขื่น

เหมยเหมยยังไม่ยอมแพ้ เธอคิดจะพาเยวี่ยเซียงไปรักษาที่อเมริกาจึงถามผู้เชี่ยวชาญว่าจะเป็นไปได้หรือไม่

ผู้เชี่ยวชาญลอบถอนหายใจ “อย่าทรมานต่ออีกเลยครับ แม้ว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์ของอเมริกาจะแกร่งกว่าของฮวาเซี่ยหน่อยแต่ก็ไม่ใช่เทพเจ้าที่จะชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนได้ เอางี้…เห็นกล้วยลูกนี้ไหมครับ?”

เหมยเหมยชะงักไปแล้วเห็นผู้เชี่ยวชาญดึงกล้วยลูกหนึ่งที่สุกแล้วออกมาปอกเปลือกกัดคำโตจนเหลือแค่ครึ่งลูก ฝั่งที่กัดมีจุดดำ ๆขึ้นอยู่หนาแน่นเต็มไปหมด ซึ่งมันก็คือเมล็ดของกล้วยนั่นเอง

เธอไม่เข้าใจว่าผู้เชี่ยวชาญโชว์การกินกล้วยให้เธอดูเพื่ออะไร?

ท่ากินก็ดูไม่สง่างามเอาเสียเลย ดูแข็งกระด้างที่สุด!

“มองเห็นเม็ดดำ ๆพวกนี้ไหมครับ?” ผู้เชี่ยวชาญกินกล้วยไปก็ชี้จุดดำบนเนื้อกล้วยอีกฝั่งที่ถูกกัดไป

เหมยเหมยพยักหน้า เธอเห็นแน่นอนอยู่แล้ว สายตาเธอทั้งสองข้างยังปกติดีอยู่ เธอทนไม่ไหวจึงถามขึ้นว่า “ศาสตราจารย์คะ ฉันอยากถามว่าถ้าไปอเมริกาจะช่วยเยวี่ยเซียงได้ไหมคะ?”

ผู้เชี่ยวชาญโบกมือไปมาบอกเป็นนัยให้เธออย่าเพิ่งรีบร้อนแล้วชี้กล้วยฝั่งที่ถูกกัดพร้อมเอ่ยว่า “ตอนนี้ที่ผมพูดก็เรื่องนี้แหละ ร่างกายของคนป่วยก็เหมือนกับกล้วยลูกนี้ เซลล์มะเร็งก็เหมือนกับเมล็ดดำ ๆพวกนี้ คุณก็มองเห็นแล้ว เมล็ดสีดำแพร่กระจายไปยังตัวกล้วยทั้งลูก หากคิดจะกำจัดเซลล์มะเร็งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะมันกระจายตัวอยู่เต็มไปหมด…”

เหมยเหมยเข้าใจในสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญต้องการสื่อพลันก็ใจชาวาบ เยวี่ยเซียงเพิ่งจะจุดประกายความหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อขึ้นมา แต่ตอนนี้กลับถูกตัดสินให้ต้องตาย แล้วแยยนี้เยวี่ยเซียงจะรับได้อย่างไรไหว?

“ไม่มีหนทางเลยจริง ๆเหรอคะ? ไม่ต้องกำจัดเซลล์มะเร็งทิ้งก็ได้แต่ขอแค่เธอมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้หน่อยก็ยังดี เงินไม่ใช่ปัญหาจริง ๆ ศาสตรจารย์คะ…คุณไม่รู้หรอกว่าผู้ป่วยคนนี้ลำเค็ญขนาดไหน…ลำบากมากจริง ๆ!”

เหมยเหมยพูดพลางกลืนน้ำลายได้อย่างยากลำบาก เธอรู้เรื่องราวชีวิตของเยวี่ยเซียงมากจากพี่หนิว หลังจากที่ฟังแล้วความคิดที่มีเพียงหนึ่งเดียวในตอนนั้นก็คือชีวิตของเธอในอดีตแม้จะยากลำบากไปบ้าง แต่เมื่อเทียบกับเยวี่ยเซียง…กลับเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ!

เยวี่ยเซียงไม่ใช่คนในพื้นที่ บ้านเกิดอยู่ไม่ไกลจากเมืองจินแต่เป็นหมู่บ้านหุบเขาที่ยากจนข้นแค้นมากแห่งหนึ่ง สามีของเธอก็เป็นคนในหมู่บ้านนั้น แต่ฐานะทางบ้านดีกว่าหน่อย เพราะว่าครอบครัวของสามีเปิดแผงขายของอยู่ในเมืองหลวง แม้จะมีรายได้ไม่มากนักแต่ถ้าเทียบกับคนในหมู่บ้านเดียวกันก็นับว่าดีกว่ามากแล้ว

อีกอย่างเขายังซื้อบ้านอยู่ในเมืองหลวงด้วย ถ้าจะว่าไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนในเมืองหลวง ในหมู่บ้านจึงนับว่าเป็นคนร่ำรวย เยวี่ยเซียงเกิดมาเป็นคนสวยและขยัน แต่น่าเสียดายที่เธอมีพ่อที่เห็นลูกชายดีกว่าลูกสาว เธอซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในบ้านและมีน้องสาวอีกสี่คน เพื่อให้กำเนิดลูกชาย หลังคาที่บ้านถูกทางการรื้อออกไปจนหมด ไม่เหลือหมูเป็ดไก่วัวเลยสักตัว ในแต่ละมื้อได้แต่กินผักกาดดองเค็มกับโจ๊ก ไม่มีไขมันเลยสักนิด แม้แต่อาหารแบบนี้ครอบครัวของเธอก็ยังต้องอดมื้อกินมื้อ ยากจนข้นแค้นเหลือเกิน

ตอนเยวี่ยเซียงอายุ 18 ปี หน้าตาสะสวยโดดเด่นมาก เมื่อสามีเธอเห็นจึงตกหลุมรักแต่แม่สามีของเธอกลับไม่ชอบขี้หน้า แต่ก็ขัดลูกชายไม่ได้จึงต้องมาสู่ขอ

พ่อของเยวี่ยเซียงก็กล้าเอ่ยปากขอสินสอดห้าพันหยวน เมื่อหกปีก่อนเงินจำนวนห้าพันหยวนถือเป็นเงินจำนวนไม่น้อย ตอนนั้นสามีของเยวี่ยเซียงลุ่มหลงในตัวเยวี่ยเซียงมากจึงยอมที่จะจ่ายเงินจำนวนนี้ ดังนั้น…เยวี่ยเซียงจึงถูกขายด้วยวิธีนี้

จากนั้นเป็นต้นมาชีวิตอันมืดมนของเยวี่ยเซียงก็ได้เริ่มต้นขึ้น

เมื่อนับดูแล้วช่วงหกปีมานี้เธอได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขอยู่ทั้งหมดสองเดือน

แต่หลังจากสองเดือนผ่านไปอารมณ์ลุ่มหลงก็หมดลงแล้วนึกถึงเงินห้าพันก้อนนั้นขึ้นมา อีกทั้งแม่สามีที่มักจะยุแหย่ให้เกิดความบาดหมางกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผู้ชายคนนี้จึงกลายเป็นว่าไม่ชอบเยวี่ยเซียงจึงทั้งทุบตีและก่นด่าอยู่ตลอด…

ตลอดหกปีมานี้เยวี่ยเซียงตั้งท้องทั้งหมดสี่ครั้ง แต่สามครั้งแรกถูกผู้ชายทุบตีจนแท้งไปทุกรอบ

จนครั้งสุดท้ายแม่สามีที่กังวลว่าจะไม่ได้อุ้มหลานจึงห้ามลูกชายไว้ การตั้งครรภ์ครั้งนี้ถึงได้รอดมาได้

แต่เพราะได้ลูกสาว ทั้งแม่สามีและสามีจึงยิ่งรังเกียจเธอมากกว่าเดิม เธอไม่ได้อยู่เดือนด้วยซ้ำก็ให้เยวี่ยเซียงทำงานหนักทุกวัน แล้วยังไม่ให้เธอกินข้าวอิ่มท้องอีกต่างหาก ซึ่งมีความเป็นไปได้มากว่ามะเร็งกระเพาะของเธอเป็นฝีมือของสัตว์นรกสองตัวนี้แหละ

……………………………………….

ตอนที่ 2694 พยายามสุดความสามารถ ตามแต่พระเจ้าจะประธาน

สรุปแล้วเรื่องร้าย ๆที่เยวี่ยเซียงต้องเผชิญมามากมายกล่าวได้ว่า…ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีวันที่ได้กินอิ่มนอนหลับ ทั้งชีวิตต้องอยู่ในความมืดมิดมาตลอด

ตอนเป็นเด็กก็ถูกพ่อแม่เอาเปรียบ พอแต่งงานก็ถูกสามีและแม่สามีทารุณ…

เหมยเหมยเล่าเรื่องชีวิตของเยวี่ยเซียงให้ผู้เชี่ยวชาญฟังคร่าว ๆ ผู้เชี่ยวชาญก็ถอนหายใจพร้อมส่ายหน้าไม่หยุด “โรคของเธอมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตที่ผ่านมาของเธออย่างมาก เมื่อต้องอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนี้เป็นเวลานาน เซลล์มะเร็งในร่างกายมนุษย์จะโผล่มา จนท้ายที่สุดก็เอาชนะเซลล์ปกติได้แล้วกลายเป็นมะเร็ง…”

ดังนั้นคนที่สภาพจิตใจดีสุขภาพก็ย่อมดีตามไปด้วย ส่วนคนที่หน้านิ่วคิ้วขมวดมีเรื่องกลุ้มใจทุกวันก็จะถูกโรคมากมายมารุมเร้าจนร่างกายย่ำแย่ตามไปด้วย!

ผู้เชี่ยวชาญครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เอาอย่างนี้แล้วกันคุณไม่ต้องไปอเมริกาหรอก เพราะไปก็ไม่มีประโยชน์ เสียทั้งเงินและเวลา อีกอย่างผู้ป่วยก็ทนความทรมานไม่ไหวแล้วด้วย เดี๋ยวผมจะยื่นเรื่องนำเข้ายาที่รักษามะเร็งเข้ามาลองมาใช้กับผู้ป่วยดูซึ่งน่าจะได้ผลอยู่บ้าง แต่ผมรับประกันไม่ได้นะครับว่าจะยื้อไปได้อีกนานแค่ไหน เรื่องนี้คงต้องดูความใจสู้ของเธอแล้ว!”

“ขอบคุณนะคะศาสตราจารย์…ขอบคุณคุณมากจริง ๆค่ะ!”

เหมยเหมยรู้สึกซาบซึ้งใจมาก เธอรู้ว่ายาที่นำเข้านอกจากจะราคาแพงสูงลิ่วแล้วยังมีปริมาณน้อยอีกต่างหาก  โดยทั่วไปมักจะใช้กับผู้ป่วยที่ได้รับสิทธิพิเศษ การที่ผู้เชี่ยวชาญฉีกกฎให้เยวี่ยเซียงใช้เป็นกรณีพิเศษถือว่าเป็นการช่วยครั้งใหญ่จริง ๆ!

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อต่างรอฟังอาการอยู่ พอเห็นเหมยเหมยเดินออกมาก็รีบมาล้อมเหมยเหมยไว้เพื่อจะถามถึงอาการ

เหมยเหมยส่ายศีรษะและพูดในสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญบอก “พยายามสุดความสามารถแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้าแล้วล่ะ จะอยู่ได้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความใจสู้ของเยวี่ยเซียงด้วย”

 “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ? ฉันจะพาไปรักษาที่อเมริกา เดี๋ยวฉันจะให้อิงจวี้กังติดต่อเพื่อนที่อเมริกาดู” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนร้อนใจ เธอพูดพลางหยิบโทรศัพท์โทรหาอิงจวี้กังแต่เหมยเหมยรั้งไว้ก่อน

“ฉันถามไปก่อนหน้านี้แล้วผู้เชี่ยวชาญบอกว่าไม่มีประโยชน์หรอก ร่างกายของเยวี่ยเซียงทนไม่ไหวแล้ว ทางอเมริกาเองก็หมดหนทางรักษาเช่นกัน เขาบอกว่าพวกเราอย่าทรมานเยวี่ยเซียงอีกเลย”

“ถ้างั้นจะทำอย่างไรล่ะ…นันนันยังเด็กขนาดนี้ แล้วเยวี่ยเซียงก็น่าสงสารมาก…พระเจ้าช่างไม่มีตาเอาเสียเลย คนเลวมีชีวิตที่ดี แต่คนดีกลับอายุสั้น…”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดพลางน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอสงสารสองแม่ลูกเยวี่ยเซียงจริง ๆ เมื่อก่อนเธอยังคิดว่าพ่อของเธอเป็นคนเลว แต่เมื่อเทียบกับพ่อแท้ ๆที่โหดร้ายแบบนั้น พ่อของเธอยังมีจิตใจเมตตามากกว่าเทวดาหลายร้อยเท่า!

อย่างน้อยแม้พ่อของเธอจะอยากได้ลูกชายมากขนาดไหนแต่ก็ไม่เคยบอกว่าจะทิ้งเธอ ในแต่ละเดือนถ้าเธอต้องการเงินเท่าไรก็ให้เท่านั้น ไม่เคยน้อยลงเลยสักครั้งเดียว!

“เอาน่า…ร้องไห้ไปก็ไร้ประโยชน์ อย่าไปร้องไห้ต่อหน้าเยวี่ยเซียงเชียวล่ะ ยิ้มเข้าไว้…อย่าให้เยวี่ยเซียงจับผิดได้ เดี๋ยวพวกเรามาเตี๊ยมกันก่อนจะได้ไม่หลุด!”

ทั้งสามคนปรึกษากันอย่างรวดเร็ว พวกเธอวางแผนปิดบังแม้กระทั่งสี่ชราและจะบอกเพียงว่าผู้เชี่ยวชาญมียาพิเศษที่ช่วยเยวี่ยเซียงได้ เพื่อให้เยวี่ยเซียงมีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป บางที…ปาฏิหาร์ยอาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้?

เยวี่ยเซียงเปลี่ยนชุดผู้ป่วยเรียบร้อยกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงกับนันนัน ดูแล้วสภาพจิตใจไม่เลวเลย เพียงแต่สีหน้าซีดเซียวไร้เลือดฝาด

“วางใจเถอะ…คนที่ฉันหามาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเซลล์มะเร็งที่เก่งที่สุดในประเทศ โรคของเธอไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จะต้องหายดีอย่างแน่นอน” เหมยเหมยพูดอย่างสบาย ๆราวกับว่ากำลังพูดถึงการรักษาโรคหวัดอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากพี่หนิวและพวกแม่ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ยินต่างก็ลอบถอนใจด้วยความโล่งอกและสวดมนต์ต่อว่า “อมิตาพุทธ…พระเจ้าโปรดคุ้มครองด้วย!”

ดวงตาของเยวี่ยเซียงหม่นลงเล็กน้อยแต่กลับยิ้มอย่างมีความสุขแล้วเอ่ยขอบคุณเหมยเหมยพร้อมเอ่ยอย่างมุ่งมั่นว่า “ฉันจะให้ความร่วมมือในการรักษาอย่างดีแน่นอน แค่มีชีวิตเพิ่มได้อีกหนึ่งวันก็ถือว่าเป็นกำไรแล้ว!”

คนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันวิ่งวุ่นเพื่อรักษาอาการของเธอ แถมยังใช้เงินตั้งมากมาย ฉะนั้นเธอมีเหตุผลอะไรถึงต้องยอมแพ้?

เธอจะต้องลองสู้กับยมโลกบาลดูสักตั้ง ต่อให้มีชีวิตอยู่ต่อเพิ่มอีกหนึ่งวันก็ถือว่าชนะแล้ว!

……………………