ตอนที่ 3529

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3529 : เค่อเอ๋อ

 

     “ดีแล้ว”

 

  ต้วนหลิงเทียนมองลูกสาวด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข และไม่ทันรู้ตัวเขาก็มองใบหน้าลูกสาวจนเหม่อลอย สุดท้ายในใจก็ปรากฏเค้าโครงใบหน้าหนึ่งขึ้นซ้อนทับโดยไม่รู้ตัว

 

  เค่อเอ๋อ…

 

  ตอนนี้เขาพลัดพรากจากเค่อเอ๋อมา 600 ปีแล้ว…

 

  ต้องทราบด้วยว่าตอนที่เขากับเค่อเอ๋อพลัดพรากจากกัน ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเค่อเอ๋อ ก็ยังมีอายุไม่ถึง 100 ปี…

 

  วันเวลาที่ต้องห่างไกลกัน มันมากยิ่งกว่าการแยกจากกั้นครั้งสุดท้ายหลายสิบเท่านัก…

 

  “ท่านพ่อ…ท่านคิดถึงท่านแม่หรือ?”

 

  ตั้งแต่ถูกส่งตัวหลบหนีออกมาจากดินแดนการล่มสลาแห่งทวยเทพ ซือหลิงก็อยู่กับเฟิ่งเทียนหวู่ตลอด อย่างไรก็ตามถึงแม้เฟิ่งเทียนหวู่จะเห็นซือหลิงเป็นดั่งลูกสาวแท้ๆคนหนึ่ง แต่ในใจของซือหลิง เฟิ่งเทียนหวู่ ก็ไม่อาจแทนที่มารดาได้สมบูรณ์

 

  พอเห็นสายตาของบิดาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเลื่อนลอย เจือความหวนคำนึง ซือหลิงย่อมตระหนักได้ทันทีว่าบิดาคิดอะไรอยู่

 

  “ใช่ พ่อคิดถึงแม่เจ้ามาก…”

 

  ต้วนหลิงเทียนที่กลับมารู้สึกตัวพยักหน้ารับ กล่าวด้วยสองตาเป็นกังวลจับใจ “ไม่รู้ป่านนี้แม่ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว…”

 

  “ท่านพ่อไม่ต้องห่วง…ท่านแม่มีฐานะสูงส่งต้องไม่เป็นอะไรแน่ และข้าเชื่อว่าท่านแม่ก็กำลังเฝ้ารอเวลาที่พวกเราจะได้พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งอยู่เหมือนกัน”

 

  ต้วนซือหลิงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น

 

  “จริงของลูก”

 

  ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มพลางพยักหน้า ต่อหน้าลูกสาวเขาเองก็ไม่อยากเผยอารมณ์เชิงลบมากเกินไป เพราะกลัวจะทำให้ลูกสาวพลอยเศร้าไปอีกคน

 

  แต่อย่างไร ในใจเขาก็อดเป็นกังวลไม่ได้…เค่อเอ๋อที่อยู่ในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพตอนนี้ ไม่ทราบเป็นอย่างไรบ้าง?

 

  …

 

  ณ ระนาบสมรภูมิที่เกิดจากการโคจรมาชนกันของระนาบเทพทุกๆรอบหมื่นปี และจะดำรงอยู่เป็นเวลาพันปี…

 

  ตลอดช่วงเวลาพันปี เทพทุกคนที่คิดแสวงหาความก้าวหน้าและผลประโยชน์ ก็สามารถมาโลดแล่นในสมรภูมิแห่งทวยเทพ เพื่อเข่นฆ่าสังหารเทพของระนาบอื่น เพื่อรับค่าแต้มรบและนำไปแลกของรางวัลจากผู้แข็งแกร่งที่สุด…

 

  ระนาบสมรภูมิ ก็ไม่ต่างอะไรจากสนามเด็กเล่นในสายตาของผู้แข็งแกร่งที่สุด

 

  อย่างไรก็ตามในสายตาของเหล่าเทพที่เข้ามาในระนาบสมรภูมินั้น หากไม่ฆ่าผู้อื่นก็เป็นถูกผู้อื่นฆ่า! เพราะที่นี่มันไม่ต่างอะไรกับสังเวียนประหัตประหาร ขอเพียงไม่ได้มาจากระนาบเทพของตัวเอง…ทุกคนไม่ต่างอะไรกับศัตรูที่เห็นท่านเป็นค่าแต้มรบเท่านั้น!

 

  กระทั่งหากท่านเปิดเผยความมั่งคั่ง ต่อให้เป็นเทพจากระนาบเดียวกันก็อาจจะแทงข้างหลังท่านได้ทุกเมื่อ…

 

  ความเป็นจริงในสนามรบ มันโหดร้ายนัก

 

  ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

 

  …

 

  ณ พื้นที่ทุ่งน้ำแข็งแห่งหนึ่งของระนาบสมรภูมิ แว่วเสียงกระบี่เสียดฟ้าดังขึ้นหลายสำเนียงติดๆ จากนั้นสายลมเย็นยะเยือกที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้น พลันแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล พาลให้ทุ่งน้ำแข็งที่หนาวอยู่แล้วมีอุณหภูมิลดต่ำลงหลายองศาในชั่วพริบตา

 

  ท่ามกลางความว่างเปล่า ปรากฏ 2 โฉมสคราญลอยล่องอยู่ตรงนั้น

 

  คนที่ยืนอยู่ด้านหลังแลดูมีอายุราวๆ 20 ปี มาในชุดกระโปรงยาวสีเหลือง แม้ใบหน้าจะงดงามหากแต่ดวงตาทั้ง 2 แลดูกลับกลอกอย่างไรชอบกล

 

  และตอนนี้สองตานางก็จับจ้องไปยังร่าง 3 ร่างที่กำลังร่วงตกลงจากฟ้าในสภาพประติมากรรมน้ำแข็ง อีกทั้งทั่วร่างของพวกมันยังมีรอยปรุพรุน และรอยปรุพรุนนี้เองที่แผ่ไอเย็นยะเยือกจนทำให้ร่างพวกมันจับตัวเป็นน้ำแข็งแบบนี้

 

  และเบื้องหน้าสตรีชุดเหลือง ก็มีสตรีในชุดคลุมสีขาวราวหิมะลอยร่างคอนกระบี่เฉียงลงข้างตัวอย่างไร้แยแส

 

  สตรีเบื้องหน้าของนาง แม้จะมองจากด้านหลังก็รับทราบได้ว่าเป็นโฉมสะคราญนางหนึ่ง แม้สตรีในชุดเหลืองจะงดงามไม่น้อย แต่พอเทียบกับสตรีชุดขาวแล้ว นางเสมือนเป็นสาวใช้ทั่วไปอย่างไรอย่างนั้น…สภาวะของสตรีชุดขาวไม่ทราบสูงส่งกว่านางเท่าไหร่ เพียงลอยร่างคอนกระบี่เฉยๆ ก็แลดูมีเสน่ห์ทั้งๆที่เย็นชา ราวบงกชน้ำแข็งที่ชวนให้ผู้คนหลงใหล

 

  กระบี่ในมือสตรีชุดขาว ใสกระจ่างประหนึ่งแก้วผลึก ตัวกระบี่แผ่กลิ่นอายเยียบเย็นออกมาตลอดเวลา ยังปรากฏเพลิงน้ำแข็งที่กำลังซาลง ก่อนสุดท้ายก็หายเข้าไปในตัวกระบี่จนหมด

 

  หากมีผู้ที่ตาถึงมาอยู่ตรงนี้ ต้องรับทราบได้ทันทีว่าเพลิงน้ำแข็งที่ลุกโชนทั่วตัวกระบี่เมื่อครู่ สมควรเป็นจิตวิญญาณของกระบี่

 

  แต่เห็นได้ชัดว่ามันกำลังบาดเจ็บอยู่

 

  “อั๊ค–”

 

  ทันใดนั้น อยู่ดีๆรางบางในชุดขาวก็สั่นไหวก่อนเลือดจะกระอักออกปาก พุ่งเป็นศรโลหิตร่วงฟ้าไปคำหนึ่ง พริบตามันก็จับตัวเป็นน้ำแข็ง…

 

  “พี่เค่อเอ๋อ ท่านบาดเจ็บมากหรือไม่?”

 

  เห็นดังนั้นสตรีชุดเหลืองด้านหลัง ก็เร่งเหินร่างมาด้านหน้า ก่อนจะถามอย่างเป็นห่วง

 

  “ข้าไม่เป็นไร”

 

  สตรีในชุดขาวที่ถูกเรียกหาว่า เค่อเอ๋อ กล่าวตอบเสียงเบา “น่าเสียดาย จิตวิญญาณของกระบี่ของข้าบาดเจ็บไม่น้อย…หากคิดจะฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิม ถ้าไม่มีสักร้อยปีคงเป็นไปไม่ได้…”

 

  ถึงแม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่น้ำเสียงของสตรีชุดขาวยิ่งมาก็ยิ่งอ่อนแรงลง

 

  “พี่เค่อเอ๋อ หากไม่ไหวจริงๆพวกเราออกจากระนาบสมรภูมิก่อนดีหรือไม่…ด้วยพลังฝีมือของท่านในวัยเพียงเท่านี้ เบื้องหลังท่านสมควรมีขุมกำลังอันยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดาอยู่กระมัง?”

 

  ขณะที่สตรีชุดเหลืองเอ่ยถามออกมาอย่างเป็นห่วง นางก็เอ่ยถามเรื่องนี้ออกมาอย่างทีเล่นทีจริง

 

  “ข้ายังไม่คิดจะออกจากระนาบสมรภูมิตอนนี้”

 

  สตรีชุดขาวส่ายหัวไปมา “หากเจ้าอยากกลับ ก็กลับไปก่อนเถอะ อาศัยความแข็งแกร่งของเจ้า หากไม่จำเป็นก็อย่าเสี่ยงอยู่ที่นี่ดีกว่า”

 

  “แล้วพี่เค่อเอ๋อเล่า?”

 

  สตรีชุดเหลืองเอ่ยถามอีกครั้ง

 

  “ข้ายังยืนยันตามเดิม”

 

  สองตาสตรีชุดขาวเปล่งประกายขึ้นวาบหนึ่ง ในใจนางปรากฏเงาร่าง 2 ร่างขึ้น เป็นชายยหนุ่มในชุดม่วงกับเด็กหญิงตัวน้อย ‘พี่เทียน ซือหลิง…ตอนนี้พวกท่านสบายดีหรือไม่?’

 

  “เช่นนั้นข้าจะอยู่กับพี่เค่อเอ๋อต่อสักพัก รอให้พี่เค่อเอ๋อหายดีก่อนแล้วข้าค่อยไป”

 

  สตรีชุดเหลืองส่ายหัวพลางกล่าว

 

  “แล้วแต่เจ้า”

 

  สตรีในชุดขาวนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเค่อเอ๋อที่เข้าสู่ระนาบสมรภูมิมาหลายปีแล้ว…นอกจากนั้นนางยังมีอีกฐานะหนึ่ง เซี่ยหนิงเสวี่ย คุณหนูแห่งตระกูลเซี่ย!

 

  ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา พลังบ่มเพาะในชีวิตที่แล้วของนางก็ได้ฟื้นฟูกลับมาหมดสิ้น แต่นางยังรู้สึกว่าเพียงเท่านี้ยังไม่พอ นางจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นไปให้มากกว่านี้ และระนาบสมรภูมิก็เป็นสถานที่แห่งเดียวที่จะทำให้พลังฝีมือของนางยกระดับขึ้นรวดเร็วที่สุด

 

  ที่นี่เป็นอะไรที่ต่อให้ตระกูลของนางทุ่มทรัพยากรบ่มเพาะแค่ไหน ก็สู้ไม่ได้

 

  “พี่เค่อเอ๋อ ท่านแซ่อะไรหรือ?”

 

  สตรีในชุดสีเหลืองเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง

 

  “ข้าแซ่ ต้วน”

 

  เค่อเอ๋อกล่าวเสียงเรียบ

 

  อันที่จริงนางไม่ได้สนิทสนมอะไรกับสตรีชุดเหลืองเลย เพียงบังเอิญผ่านมาเห็นอีกฝ่ายกำลังจะถูกฆ่าจึงช่วยชีวิตอีกฝ่ายเอาไว้เท่านั้น และพออีกฝ่ายรู้ว่านางมาจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพเหมือนกัน ก็เลยติดสอยห้อยตามมาด้วย

 

  ด้วยนิสัยของเค่อเอ๋อ ถึงแม้จะไม่ได้บอกปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ห้ามอีกฝ่ายให้ตามมา

 

  ระหว่างทางเค่อเอ๋อก็มีท่าทีเฉยเมยไม่ได้สนใจอะไรนางนัก แต่ดูเหมือนนางก็ไม่ถือท่าทีเย็นชาของเค่อเอ๋อ เลือกจะเกาะติดมาตลอด

 

  “ต้วน? ต้วนเค่อเอ๋อ?”

 

  สตรีชุดเหลืองเลิกคิ้ว ดวงตานางกระพริบวูบหนึ่ง “พี่เค่อเอ๋อ ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องตระกูลต้วนในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพของพวกเรามาก่อนเลย…ท่านมาจากนิกายใหญ่งั้นหรือ?”

 

  “ข้าไม่มีนิกาย ไร้สำนัก เป็นผู้ฝึกตนอิสระ”

 

  เค่อเอ๋อกล่าว

 

  “ผู้ฝึกตนอิสระ?”

 

  สองตาสตรีชุดเหลืองทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่งก่อนจะหายไปอย่างยากที่ใครจะทันสังเกต

 

  “ข้าไปหาสถานที่พักฟื้นก่อน และคงไม่อาจไปไหนได้สักพัก…เจ้าควรออกจากระนาบสมรภูมิและกลับไปดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพเสีย”

 

  เค่อเอ๋อกล่าวกับสตรีนางนั้น

 

  ขณะกล่าว เค่อเอ๋อก็เหินร่างท่องไปเหนือทุ่งน้ำแข็ง สุดท้ายก็เลือกเชิงภูเขาน้ำแข็งที่ไม่เตะตาอะไรแห่งหนึ่ง เพื่อขุดถ้ำน้ำแข็งไว้สำหรับพักฟื้นรักษาตัว

 

  “พี่เค่อเอ๋อ ข้าจะอยู่เป็นผู้พิทักษ์ให้ท่าน รอให้ท่านหายดีก่อนข้าค่อยจากไป”

 

  สตรีนางนั้นก็ไม่ได้จากไปไหน “ข้าตงเซี่ยวเซี่ยวมีบุญคุณต้องทดแทน ข้าไม่อาจทิ้งท่านไปตอนนี้ได้”

 

  ตงเซี่ยวเซี่ยวเลือกจะเข้าไปในถ้ำน้ำแข็งของเค่อเอ๋อด้วย

 

  เนื่องเพราะต้องใช้พลังอยู่บ้างสำหรับการขุดถ้ำน้ำแข็ง กลิ่นอายพลังทั่วร่างของเค่อเอ๋อก็อ่อนโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด และนางก็ไม่สนใจตงเซี่ยวเซี่ยวแม้แต่น้อย หลังจากเข้ามาในถ้ำแล้ว ก็เริ่มจัดตั้งค่ายกลปกปิดกลิ่นอาย จากนั้นก็นั่งลงเพื่อเดินพลังฟื้นฟูรักษาตัวทันที

 

  พอเห็นว่าเค่อเอ๋อนั่งหลับตาเพื่อเดินพลังฟื้นฟูไปพักใหญ่ๆจนลมหายใจเริ่มคงที่ ตงเซี่ยวเซี่ยวก็ร้องเรียกออกมา “พี่เค่อเอ๋อ”

 

  อย่างไรก็ตามเค่อเอ๋อกลับไม่ตอบสนองอะไรนาง

 

  สุดท้ายสองตาของตงเซี่ยวเซี่ยวก็ฉายยประกายแห่งความโลภขึ้น นางยกมือขึ้นก่อนจะรวมรั้งพลังเทพตบฟาดทำลายไปยังค่ายกลที่เค่อเอ๋อจัดตั้งไว้รอบๆตัวทันที!

 

  เมื่อทำลายค่ายกลได้แล้ว พลังอันเกรี้ยวกราดดังกล่าวก็ยังพุ่งเข่นฆ่าเข้าใส่เค่อเอ๋อสืบต่อ!

 

  วินาทีนี้ สองตาตงเซี่ยวเซี่ยวก็ฉายชัดถึงความตื่นเต้นถึงขีดสุด

 

  ขอเพียงสตรีเบื้องหน้าตายตก ทรัพย์สมบัติที่อีกฝ่ายมีทั้งหมดย่อมตกเป็นของนางทันที!

 

  ในขณะที่การลงมือของตงเซี่ยวเซี่ยวกำลังจะบรรลุผล และพลังของนางเข่นฆ่าสังหารเจียนถึงตัวเค่อเอ๋ออยู่รอมร่อ จู่ๆเค่อเอ๋อพลันลืมตาขึ้น จากนั้นไอพลังเยือกแข็งขุมหนึ่งพลันระเบิดออกมาจากร่างในฉับพลัน ก่อเกิดเป็นกำแพงน้ำแข็งปิดกั้นระหว่างนางกับพลังสังหารของตงเซี่ยวเซี่ยวทันที!

 

  ปงงงง!!

 

  เสียงปะทะดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ถ้ำน้ำแข็งเริ่มสั่นสะเทือนปานจะถล่ม! ส่วนกำแพงน้ำแข็งที่พึ่งสร้างขึ้น แม้จะปรากฏรอยแตกร้าวแผ่ขยายออกไปดั่งใยแมงมุม แต่มันก็สามารถหยุดยั้งพลังของตงเซี่ยวเซี่ยวได้อย่างสมบูรณ์!

 

  “เป็นไปได้ยังไง!?”

 

  สีหน้าตงเซี่ยวเซี่ยวเปลี่ยนไปใหญ่หลวง นางถึงกับโพล่งออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ไฉนท่านยังมีพลังขนาดนี้ได้ล่ะ? ไม่ใช่ว่าท่านได้รับบาดเจ็บหรือไร…ท่าน…ที่แท้ท่านหลอกข้า!!”

 

  “หลอกเจ้าแล้วจะทำไม”

 

  เค่อเอ๋อค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบไม่ร้อน ชุดคลุมสีขาวราวหิมะเริ่มโบกสะบัดแม้ไร้ลม สองตาดั่งสารทฤดูเต็มไปด้วยความไร้แยแส “เจ้าที่ดื้อรั้นไม่คิดจากไปเอาแต่เกาะติดข้าไม่เลิก ข้าเองก็เอะใจแต่แรกแล้ว”

 

  “ถึงข้าจะช่วยชีวิตเจ้าไว้ แต่ข้าก็ไม่เคยคิดอยากจะได้อะไรตอบแทนจากเจ้าสักอย่าง”

 

  “แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายเจ้าจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าคิดจริงๆ…เจ้าไม่เพียงแต่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ยังคิดตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น”

 

  กล่าวถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของเค่อเอ๋อก็กลายเป็นเย็นชานัก ขณะเดียวกันถ้ำน้ำแข็งก็เต็มไปด้วยไอเย็นยะเยือกในฉับพลัน! ไอเย็นดังกล่าวยังแผ่พุ่งไปก่อตัวเป็นคุกน้ำแข็งกักขังร่างตงเซี่ยวเซี่ยวเอาไว้ด้านใน!!

 

  เปรี๊ยงงง!!

 

  ตูมมมม!!

 

  …

 

  กฏที่ตงเซี่ยวเซี่ยวเชี่ยวชาญคือกฏสายฟ้า เส้นสายอัสนีสีม่วงอันทรงพลังระเบิดออกจากร่างนางอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นก็รวมรั้งฟาดผ่าทำลายไปยังจุดหนึ่ง หมายแหกคุกน้ำแข็งที่กักขังตัวนางเอาไว้เพื่อหลบหนี!

 

  อนิจจาสายฟ้าที่นางทุ่มออกด้วยพลังทั้งหมด…กลับไม่อาจสร้างได้แม้รอยขีดข่วนบนผนังคุกน้ำแข็ง! สิ่งนี้เผยให้รู้ว่าช่องว่างระหว่างนางกับเค่อเอ๋อนั้นไม่ใช่น้อยๆเลย!!

 

  “พี่เค่อเอ๋อ…ข้า…ข้าหลงผิดไปชั่ววูบ ข้าขอโทษ…”

 

  เมื่อตงเซี่ยวเซี่ยวพบว่าไม่อาจทำลายคุกน้ำแข็งหลบหนีได้ นางก็ชักสีหน้าชวนให้เวทนาสงสาร กล่าวออกมาเสียงอ่อนราวกับสำนึกผิด “พี่เค่อเอ๋อ ท่าน…ท่านปล่อยข้าไปเถอะ…ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้ ข้าไม่กวนใจท่านแล้ว”

 

  “ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว”

 

  เค่อเอ๋อเพิกเฉยคำวิงวอนของตงเซี่ยวเซี่ยวเพียงกล่าวออกเสียงเรียบสั้นๆ

 

  จากนั้นพอกล่าวจบคำ พลังเทพที่ผสานกับพลังกฏน้ำแข็งก็แผ่พุ่งออกไปฉับไว พริบตาก็ปกคลุมร่างตงเซี่ยวเซี่ยวเปลี่ยยนนางให้กลับกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง จากนั้นอาศัยตบฟาดออกไปอีกฝ่ามือเบาๆ ประติมากรรมน้ำแข็งดังกล่าวก็แหลกลงเป็นละอองธุลีทันที…

 

  “ข้า ตอนนี้เป็นทั้งเค่อเอ๋อในชีวิตนี้และเซี่ยหนิงเสวี่ยในชาติก่อน…หากข้าเป็นแค่เค่อเอ๋อในชีวิตนี้ ข้าอาจไม่ระวังป้องกันเจ้า แต่ในฐานะบุตรีของประมุขตระกูลเซี่ย เซี่ยหนิงเสวี่ย ที่พบเจอมารยามาร้อยแปดพันเก้า จะให้ข้าไว้ใจเจ้าได้อย่างไร?”

 

  เค่อเอ๋อกล่าวพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย เหลือบมองไปยังละอองน้ำแข็งบนพื้นด้วยสาตาไร้แยแส จากนั้นพักหนึ่งก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองยังด้านนอกถ้ำ…

 

  “พี่เทียน ขอท่านโปรดถนอมตัวด้วย…”

 

  “รักที่เค่อเอ๋อมีต่อท่านยังคงเดิม เพียงแค่ตอนนี้เค่อเอ๋อต่างจากที่เคยเป็น…เค่อเอ๋อคนนี้สามารถดูแลตัวเองได้แล้ว…ท่านวางใจได้”