ตอนที่ 3532 : อัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของระนาบเทวโลกทั้งมวล
วิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักนั้น ไม่ได้ตั้งอยู่ในระนาบเทวโลกใดๆทั้งสิ้น
มันตั้งอยู่ในระนาบอิสระ
และเป็นธรรมดาว่าพลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศของระนาบอิสระดังกล่าวก็เหนือกว่าระนาบเทวโลกมาก เรียกว่าใก้ลเคียงกับระนาบเทพพอสมควร
“ลือกันว่าระนาบอิสระอันเป็นสถานที่ตั้งของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักนั้น ถูกเปิดสร้างโดยบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งวิหารเฟิงฮ่าวเอง…บ้างก็ว่ามันถูกสร้างโดยผู้แข็งแกร่งที่สุด บ้างก็ว่าสมควรเป็นแค่ยอดฝีมือขอบเขตเทพเปิดไว้เท่านั้น”
หากคิดจะเดินทางไปยังวิหารเฟิวฮ่าวสาขาหลัก จำต้องไปยังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาย่อยของระนาบเทวโลกอื่นๆเสียก่อน
และตอนนี้ฟงชิงหยางก็ได้พาต้วนหลิงเทียนเดินทางไปยังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียน
“ที่ข้าเคยได้ยินมา…ผู้ก่อตั้งวิหารเฟิงฮ่าวน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว เรื่องนี้เป็นวารีเทพชำระโลกาเป็นคนออกความเห็น และในฐานะที่นางมีความรู้มากที่สุดในบรรดาเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ในโลกใบเล็กเขา ต้วนหลิงเทียนก็คิดว่าการอนุมานของนางไม่น่าจะผิด
“เช่นนั้นก็สมควรเป็นฝีมือของผู้แข็งแกร่งที่สุดจริงๆ…”
ฟงชิงหยางพยักหน้าเห็นด้วย “และหากเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดเปิดสร้างขึ้น ก็สมควรเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ไม่อาจสร้างระนาบเทพของตัวเองได้ จึงทำได้แค่สร้างระนาบอิสระเช่นนี้”
ในสวรรค์และโลกแห่งนี้ จำนวนระนาบเทพนั้นมีตายตัว
ไม่เคยเกิน และไม่เคยขาด
แต่เป็นธรรมดาว่าไม่ใช่ระนาบเทพจะไม่บังเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไร
มันมีระนาบเทพแห่งใหม่ปรากฏขึ้นตลอด และการปรากฏขึ้นของระนาบเทพใหม่ ก็บ่งบอกว่ามีระนาบเทพเดิมได้ล่มสลายลงและหายไปจากหน้าของประวัติศาสตร์
ยกตัวอย่างเช่นซากปรักหักพังของระนาบเทพที่ต้วนหลิงเทียนไปพบเจอ ที่นั่นสมควรเป็นระนาบเทพที่เคยเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในอดีต แต่อนิจจากลับถูกผู้แข็งแกร่งที่สุดคนอื่นบุกมาเข่นฆ่าทำลาย
และการตายของตัวตนที่เปิดสร้างระนาบเทพดังกล่าว ก็ก่อให้เกิดการระเบิดของพลังมหาประลัย ที่จะเข่นฆ่าล้างผลาญสรรพชีวิตในระนาบเทพจนหมดสิ้น…และนั่นคือชีวิตนับล้านๆ!
โดยปกติแล้วการล่มสลายของระนาบเทพหนึ่งๆ ก็หมายถึงการตายของผู้เปิดสร้างระนาบเทพ และสรรพชีวิตนับล้านๆที่อยู่ในระนาบเทพนั้นๆ…แต่เรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้ เพราะมีเพียงแต่ระนาบเทพเดิมล่มสลาย ระนาบเทพใหม่ถึงจะมาแทนที่ได้
หากผู้เปิดสร้างยังมีชีวิตอยู่ ระนาบเทพก็จะไม่มีทางล่มสลายเด็ดขาดเพราะมันเชื่อมโยงกับโลกใบเล็กของผู้สร้าง แต่หากหนึ่งพังพินาศ อีกหนึ่งก็ย่อยยับไปตามๆกัน
“สมควรเป็นเช่นนั้น”
ต้วนหลิงเทียนก็เห็นด้วยกับความคิดของฟงชิงหยาง หากเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ทรงพลังมากพอจะเปิดสร้างระนาบเทพได้จริง เช่นนั้นก็คงไม่เลือกมาเปิดระนาบอิสระแบบนี้ และก่อตั้งขุมกำลังอย่างวิหารเฟิงฮ่าวขึ้นมา
วิหารเฟิงฮ่าวอาจเป็นขุมกำลังที่ทรงพลังยากแข็งขืนในระนาบเทวโลก แต่หากขึ้นไปอยู่ในระนาบเทพแล้วล่ะก็…เกรงว่าคงไม่อาจนับเป็นตัวอะไรได้!
เรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนจากท่าทีปฏิบัติของฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักที่มีต่อหลิงเจวี๋ยอวิ๋นในศึกอัจฉริยะ…เรียกว่ามันแทบจะถวายตัวเป็นสุนัขรับใช้ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอยู่แล้ว
“ถึงแล้ว”
ไม่นานนักฟงชิงหยางก็พาต้วนหลิงเทียนเดินทางมาถึงวิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียน และลักษณะอาคารปลูกสร้างของที่นี่ก็คล้ายๆกับวิหารเฟิงฮ่าวที่ต้วนหลิงเทียนเคยไปเยือนในอดีต
ตอนนี้ทั้ง 2 ลอยร่างอยู่บริเวณด้านหน้าประตูใหญ่ของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียน ไม่ได้เหินร่างลงไปหยุดยืนบนพื้นรอเดินเข้าประตูใหญ่เหมือนคนอื่นๆที่มาเยือนวิหารเฟิงฮ่าว
และคนอื่นๆที่มาเยือน ไม่พ้นเป็นผู้ที่ต้องการมารับสมญานามเป็นแน่
หากไม่ใช่มารับสมญานามของด่านพลังจอมราชันอมตะ ก็เป็นสมญานามของด่านพลังจักรพรรดิอมตะ
การปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางย่อมดึงดูดความสนใจของใครหลายๆคนเป็นธรรมดา เพราะการมาลอยร่างเหนือประตูใหญ่วิหารเฟิงฮ่าวแบบนี้ ก็เสมือนไม่ให้เกียรติวิหารเฟิงฮ่าว
“พวกมันเป็นใครกัน?”
“เหอะๆ กล้ามาเหาะหน้าประตูใหญ่วิหารเฟิงฮ่าวเนี่ยนะ? นี่พวกมันไม่กลัวกระตุ้นโทสะของวิหารเฟิงฮ่าวกันรึไง?”
“พวกมันเลอะเลือนหรือ?”
…
เสียงออกความเห็นดังขึ้นระงม จากนั้นก็ปรากฏชายวัยกลางคนร่างใหญ่คนหนึ่งเหาะขึ้นฟ้ามาหยุดลงกลางอากาศต่ำกว่าต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางไม่น้อย ค่อยเงยหน้ากล่าวว่า “ท่านทั้ง 2 ข้าว่าพวกท่านลงมาด้านล่างบนพื้นหรือเหาะต่ำกว่านี้สักหน่อยเถอะ…หากคนของวิหารเฟิงฮ่าวไม่พอใจอะไรขึ้นมา ประเดี๋ยวจะมีเรื่องมีราวเอา”
“คนของวิหารเฟิงฮ่าวยิ่งขึ้นชื่อว่าโหดร้ายอยู่”
ชายยร่างใหญ่เคราเฟิ้ม เห็นชัดว่าเจตนามาเตือนด้วยความหวังดี
“ขอบคุณสหายที่กล่าวเตือน”
ฟงชิงหยางเหลือบมองชายวัยกลางคนร่างใหญ่พลางยิ้มตอบอย่างเฉยเมย ไม่ได้มีท่าทีลักษณะอย่างที่จักรพรรดิสวรรค์มีกันเลย
ต้วนหลิงเทียนก็มองอีกฝ่ายพลางส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ไม่รู้จักมักคุ้นแต่มาเตือนด้วยความหวังดี คนแบบนี้นับว่าหาได้ยากพอสมควร
เมื่อครู่เขาได้บีบอัดเสียงผ่านพลัง และส่งเข้าไปในวิหารเฟิงฮ่าวเบื้องหน้า เพื่อแจ้งการมาของเขาแล้ว…อีกไม่นาน ก็สมควรมีคนของวิหารเฟิงฮ่าวออกมาต้อนรับเขา
หากคิดจะไปเยือนวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ก็มีแต่ต้องเดินทางผ่านวิหารเฟิงฮ่าวสาขาย่อยเท่านั้น หาไม่แล้วก็ไม่มีทางไปยังสถานที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักได้เลย
“พวกท่าน…”
พอเห็นฟงชิงหยางกับต้วนหลิงเทียนรับรู้แล้ว แต่ทั้งคู่ยังคงเลือกจะลอยร่างค้างกลางหาวอยู่เหมือนเดิม ไม่คล้ายใส่ใจอะไรกับวิหารเฟิงฮ่าวมากนัก ชายวัยกลางคนร่างใหญ่ก็พูดไม่ออก
ไม่ใช่ว่ามันเตือนทั้งคู่แล้วหรือไร?
ไฉนยังไม่ลงมาอีกล่ะ?
พวกท่านไม่กลัวตายกันหรือ?
ในขณะที่ชายร่างใหญ่เคราดก และคนอื่นๆที่อยู่หน้าประตูใหญ่วิหารเฟิงฮ่าวคิดว่าพวกต้วนหลิงเทียนนั้นกำลังรนหาที่ตาย
ก็ปรากฏร่างคนไม่กี่คนเหินลอยออกมาจากวิหารเฟิงฮ่าว
ผู้ที่เหินนำมาก็เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างปานกลาง หน้าตาแลดูไม่รับแขกตามกำเนิด สวมใส่ไว้ด้วยชุดคลุมสีดำสนิท อีกทั้งด้วยใบหน้าไม่รับแขกของมัน ทำให้รู้สึกเสมือนมีใครติดหนี้แล้วไม่จ่ายมันอย่างไรอย่างนั้น..
ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียน เอี้ยยา
ก่อนหน้านี้ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนก็เคยพบเจอกับมันแล้ว เช่นนั้นพอเห็นก็จดจำได้ทันที ‘จ้าววิหารอย่างเอี้ยยาออกมาต้อนรับด้วยตัวเองเชียวหรือ?’
‘ก็นะ…อาจารย์เคยบอกไว้แล้วว่าจะมาด้วย เช่นนั้นมันก็ไม่ได้มาต้อนรับข้าแต่มาเพื่อต้อนรับอาจารย์มากกว่า อย่างไรเสียเมื่อตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์มาเยือน มันก็ไม่อาจไม่ไว้หน้าและออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง’
พอนึกไปสักพักต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจ
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็กวาดมองไปยังเหล่าผู้ติดตามเอี้ยยาที่เหินร่างตามมาด้านหลังติดๆ
ด้านหลังเอี้ยยาก็มีชายชรา 2 คน แล้วก็หญิงชราอีกคนหนึ่ง
และชายชราทั้ง 2 กับหญิงชราก็มาในชุดคลุมสีดำเหมือนกัน
พอทั้ง 4 ปรากฏตัวออกมา แม้จะไม่ได้จงใจเผยพลังฝึกปรือ แต่แรงกดดันตามธรรมชาติของพวกมันก็แผ่ซ่านปกคลุมไปในบรรยากาศด้านหน้าวิหารเฟิงฮ่าวทันที ทำให้ทุกคนที่คิดมาทดสอบรับสมญานามบังเกิดความรู้สึกดดันไม่น้อย
ชายชราเคราดกที่เหินร่างขึ้นมากล่าวเตือนฟงชิงหยางกับต้วนหลิงเทียนด้วยความหวังดี ก็หน้าเปลี่ยนสี และเร่งรุดดิ่งร่างลงไปอยู่บนพื้นทันที
และพอมันเห็นว่าคนทั้ง 4 ของวิหารเฟิงฮ่าวบึ่งตรงไปหาชายหนุ่มทั้ง 2 ที่มันกล่าวเตือน สีหน้ามันก็เผยความเห็นใจออกมาทันที “พวกเจ้าหนุ่มนั่นจบสิ้นกันแล้ว…เจ้าคู่นี้ไม่พ้นนายน้อยตระกูลใหญ่ที่คึกคะนองและมั่นใจในตัวเองเกินไป หาเรื่องใส่ตัวกันแท้ๆ”
ในสายตาของชายวัยกลางคนร่างใหญ่เคราดก ถึงแม้ชายหนุ่มทั้ง 2 จะมีลักษณะท่าทางไม่ธรรมดา คล้ายศิษย์จากขุมกำลังไม่ก็คนของตระกูลใหญ่อะไรที่มีความเป็นมาไม่ใช่ชั่ว
อย่างไรก็ตาม ในจี้เมี่ยเทียน เกรงว่านอกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนแล้ว คงยากจะมีขุมกำลังไหนทัดเทียมวิหารเฟิงฮ่าวได้!
“เหอะๆ…เจ้าหนุ่มทั้ง 2 นั่นซวยแล้วล่ะ…”
“คนของวิหารเฟิงฮ่าว ไม่ชอบให้ผู้ใดดูหมิ่นพวกมันในลักษณะนี้อยู่แล้ว”
…
หลายคนที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางไกลๆ พากันคิดไปว่าทั้งคู่ต้องโดนดีแน่แล้ว…
อย่างไรก็ตาม ฉากเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ก็ทำให้พวกมันชมดูกันอย่างอื้ออึงอึ้งไปอยู่บ้าง
พวกมันเห็นว่า คนของวิหารเฟิงฮ่าวทั้ง 4 นั้น พอมาถึงเบื้องหน้าชายหนุ่มทั้ง 2 กลับไม่ได้ลงมือยัดเยียดชะตาอนาถแต่อย่างไร กลับประสานมือคารวะอย่างสุภาพ!
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง พวกเราพบกันอีกแล้ว”
เอี้ยยา จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียน เผยรอยยิ้มอันหาได้ยากขึ้นมาบนใบหน้า กล่าวทักทายฟงชิงหยางอย่างมากอัธยาศัย
“จ้าววิหารเอี้ยยา”
ฟงชิงหยางก็พยักหน้าทักทายเอี้ยยาเบาๆ
จากนั้น เอียยาก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างข้างๆฟงชิงหยาง “จ้าววังน้อยต้วนพวกเราพบกันอีกแล้ว ท่านมาเยือนวิหารหารเฟิงฮ่าวเราครั้งนี้ ใช่คิดไปยังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักเพื่อใช้สิทธิ์ผู้ชนะอันดับ 1 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์เพื่อเข้าสู่ห้องลับแห่งกฏใช่หรือไม่?”
เหตุไฉนที่ต้วนหลิงเทียนถูกเรียกหาว่าจ้าววังน้อย ก็เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง! เรียกว่าในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน อยู่ใต้หนึ่งอยู่เหนือนับหมื่น!!
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“ข้ารอท่านมานานแล้ว”
เอี้ยยายิ้มรับ
ขณะเดียวกันชายชราทั้ง 2 รวมถึงหญิงชราที่ติดตามเอี้ยยามาด้านหลัง ก็ก้าวออกมาประสานมือโค้งคารวะฟงชิงหยาง กล่าวทักทายว่า ‘จักรพรรดิสวรรค์’ ออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ขณะเดียวกันพวกมันก็รายงานฐานะของตัวเองออกมา และพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนทั้งสิ้น
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง จ้าววังน้อย เชิญพวกท่านเข้าด้านใน”
ภายใต้การนำของเอี้ยยา ต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางก็เหินร่างติดตามมันเข้าสู่วิหารเฟิงฮ่าวอย่างไร้เรื่องราว
ชายชราทั้ง 2 รวมถึงหญิงชราก็เหินตามมาด้านหลังไม่ห่าง
จนเมื่อร่างทุกคนหายลับเข้าไปในเขตวิหารเฟิงฮ่าวแล้ว กลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกค่อยดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้อีกครั้ง
ถึงแม้พวกมันที่อยู่บนพื้นดินจะค่อนข้างอยู่ห่างกับการพบปะบนฟ้ามาก แต่ด้วยโสตประสาทรับฟังของพวกมันที่ยกระดับขึ้นตามด่านพลังฝึกปรือ จึงได้ยินบทสนทนาบนฟ้าชัดเจน ด้วยเหตุนี้หลายคนที่ดึงสติกลับมาแล้ว ก็พากันสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกใหญ่อย่างใจหาย
และมีหลายคนที่เผยแววตาคลั่งไคล้ออกมา แลดูตื่นเต้นคึกคักอักโขนัก!
“สวรรรค์! เมื่อครู่ก็คือใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนของพวกเรางั้นหรือ!?”
“มิน่าล่ะ ข้าถึงรู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก ราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน…มาตอนนี้ข้าจำได้แล้ว! ข้าเคยเห็นภาพของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์พวกเรามาก่อน และชายคนเมื่อครู่ก็เหมือนกับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ในภาพไม่ผิดเพี้ยน! เพียงแค่ตัวจริงช่างน่าดูกว่าในภาพมาก ถึงขั้นในภาพเทียบไม่ติด ข้าจึงจดจำไม่ได้!”
“ข้าไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าในชีวิตนี้ข้าจะมีวาสนาได้พบเห็นใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กับตา!”
“นอกจากนั้น…เมื่อครู่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์เราเรียกหาชายวัยกลางคนนั่นว่า จ้าววิหารเอี้ยยาใช่หรือไม่? แล้ว เอี้ยยานั่นมิใช่นามของจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนของพวกเราหรือไร!?”
“สมแล้วที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์ในตำนานของจี้เมี่ยเทียนเรา เซียนกระบี่ไร้เทียมทาน! ไม่สิตอนนี้ต้องเรียกว่าเทพกระบี่ไร้เทียมทานแล้ว! แม้แต่จ้าววิหารเฟิงฮ่าวอย่างเอี้ยยาก็ยังต้องออกมาต้อนรับท่านด้วยตัวเอง! ต้องทราบด้วยว่าเอี้ยยานั่นมันเป็นเทพสงคราม 9 ดารา…ครึ่งก้าวเทพ!”
“เมื่อครู่ชายหนุ่มข้างๆกายใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ ถูกจ้าววิหารเอี้ยยาเรียกว่า ‘จ้าววังน้อย’ สินะ เช่นนั้นก็สมควรเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์เราออกประกาศเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ต้วนหลิงเทียน รุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของระนาบเทวโลกทั้งมวล!!”
“ต้วนหลิงเทียน ผู้ชนะเลิศในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้! เห็นว่าในศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบสุดท้าย ยังเอาชนะเทพสงคราม 6 ดารา 2 คนลงได้อย่างราบคาบด้วยตัวคนเดียว”
…
ตอนนี้วันเวลาก็ได้ผ่านไปสักพักแล้วหลังจากที่ศึกอัจฉริยะสวรรค์จบลง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในการประลองก็เริ่มแพร่กระจายออกมาเรียบร้อย
ตอนนี้ในจี้เมี่ยเทียน ขอเพียงไม่ใช่ผู้ที่เก็บตัวอย่างสันโดษห่างไกลสังคม ย่อมรู้กันถ้วนหน้าว่าจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนของพวกมันมีศิษย์ที่แท้จริงอันโดดเด่นนาม ต้วนหลิงเทียน
ที่สำคัญ ในปัจจุบัน ต้วนหลิงเทียน ก็คือผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นรุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของระนาบเทวโลกทั้งมวล!