ตอนที่ 3537

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3537 : ถูกปิดกั้นเส้นทาง

 

“ข้าว่าอย่าได้พิพิไรอันใด ลงมือกันเลยเถอะ! หรืออยากให้กรณีฟงชิงหยางในปีนั้นเกิดขึ้นอีก?”

 

อาวุโสของวิหารเฟิงฮ่าวคนดังกล่าวยังพูดสืบต่อ

 

กรณีฟงชิงหยาง?

 

พอได้ยินคำพูดของอาวุโสดังกล่าว หลายคนในห้องโถงหลัก รวมถึงคงไห่ก็พากันเงียบทันที

 

ถึงแม้วิหารเฟิงฮ่าวจะขึ้นชื่อว่าเป็นขุมกำลังที่สืบทอดมรดกต่อกันมาอย่างยาวนานที่สุดในเทวโลก แต่ที่น่าเศร้าก็คือในยุคนี้ไม่มีคนของวิหารเฟิงฮ่าวแม้แต่คนเดียวที่เข้าใจหนึ่งในจตุรวิถีของสวรรค์และโลกสูงพอ รวมถึงตัวจ้าววิหารเองด้วย

 

เมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์ของวิหารเฟิงฮ่าวแล้ว แม้สภาพการณ์ในปัจจุบันไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น กระทั่งยังถือเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ก็ทำให้เหล่าขุมพลังหลักทั้งหลายของวิหารเฟิงฮ่าวอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความร้อนใจอยู่บ้าง

 

ถึงแม้ว่าคนของวิหารเฟิงฮ่าวก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีมรดกเกี่ยวกับจตุรวิถีในสวรรค์และโลกสืบทอดต่อกันมา แต่ทั้งหมดล้วนเป็นความเห็นและแนวทางส่วนตัวของคนรุ่นก่อนๆที่เป็นลายลักษณ์อักษรทั้งสิ้น จะเข้าใจได้หรือไม่ก็ต้องอาศัยความสามารถของตัวเองเท่านั้น

 

และในปัจจุบัน วิหารเฟิงฮ่าวก็ไม่มีใครที่สามารถสั่งสอนหรือชี้แนะคนอื่นให้เข้าใจจตุรวิถีของสวรรค์และโลกได้เลยสักคน!

 

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว วิหารเฟิงฮ่าวจึงเบนเป้าไปยังคนนอกแทน ไม่ว่าใครก็ตามหากทางวิหารเฟิงฮ่าวยืนยันได้แล้วว่าเป็นผู้ที่เข้าใจวิธีใดวิถีหนึ่งในจตุรวิถีของสวรรค์และโลก พวกมันจะไปนำตัวกลับมาเพื่อให้อีกฝ่ายแบ่งปันวิธีการฝึกฝนทันที

 

ในอดีตนั้น ช่วงที่ฟงชิงหยางกำลังผงาดขึ้นมาดั่งดาวรุ่งพุ่งแรง และเผยให้เห็นถึงมรรคากระบี่ทำลายล้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในจตุรวิถีของสวรรค์และโลกออกมา

 

ทางวิหารเฟิงฮ่าวก็ได้ส่งคนออกไปตรวจสอบเรื่องราวตั้งแต่เนิ่นๆ และไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นอาจารย์ของถังซานเปานั่นเอง ซึ่งมันก็ได้ออกจากวิหารเฟิงอ่าวไปใช้ชีวิตอย่างสันโดษแต่แรก แต่ถึงแม้มันจะออกไปใช้ชีวิตสันโดษ มันก็ยังเป็นคนของวิหารเฟิงย่าวและยินดีช่วยเหลือวิหารเฟิงย่าว

 

และผลจากการออกไปหยั่งเชิงฟงชิงหยางครั้งนั้น มันก็สามารถเอาชนะฟงชิงหยางมาได้

 

จากการต่อสู้มันก็บอกได้ทันทีว่าฟงชิงหยางเข้าใจมรรคากระบี่ทำลายล้างใกล้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว และฟังชิงหยางยังเผยให้เห็นแนวโน้ม ว่าจะสามารถยกระดับความเข้าใจในมรรคากระบีทำลายล้างได้อย่างมาก…ด้วยเหตุนี้ทางวิหารเฟิงฮาวจึงตัดสินใจรอให้ฟงชิงหยางยกระดับความเข้าใจในมรรคากระบี่ทำลายล้างให้ได้ก่อน จากนั้นจึงคิดจะนำตัวฟงชิงหยางมายังวิหารเฟิงฮ่าว

 

การเข้าใจมรรคากระบี่ทำลายล้างใกล้ถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น กับเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว เป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

ยิ่งไปกว่านั้นฟงชิงหยางก็อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เงี่ยเทียน ในสายตาของวิหารเฟิงฮ่าวก็เสมือนตะพาบในไหไม่อาจหนีไปไหนได้ พวกมันจึงไม่รีบร้อนอันใด

 

ตอนนั้นวิหารเฟิงฮ่าวเพียงคิดว่า รอให้ฟงชิงหยางใกล้จะบรรลุถึงขอบเขตเทพเมื่อไหร่ ก็จะเริ่มปฏิบัติการ “อุ้ม” ฟงชิงหยางกลับมาวิหารเฟิงฮาวทันที จากนั้นก็บีบคั้นให้ส่งมอบวิธีการฝึกปรือเพื่อเข้าถึงมรรคากระบี่ทำลายล้างออกมา

 

ตอนนั้น ฉีคงไห่และคนอื่นๆโถงหลักแห่งนี้ ก็เลือกที่จะรอคอยให้ถึงเวลาที่เหมาะสม

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่ฟงชิงหยางจะถึงช่วงใกล้บรรลุเทพ พวกมันกลับได้ยินเรื่องที่ฟงชิงหยางถูกคนล่าจนต้องหลบหนีเข้าไปติดอยู่ในนรกอสุรา 1 ใน 7 สถานที่ต้องห้ามของระนาบเทวโลกเสียอย่างนั้น! ทำให้พวกมันที่ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอรู้สึกเสียดายอย่างสุดแสน…

 

เพราะตอนนั้นพวกมันคิดว่าฟงชิงหยางที่ติดอยยู่ในนรกอสุรา คงไม่มีหนทางรอดชีวิตกลับมาได้แน่นอน

 

– ท้ายที่สุดแล้วกระทั่งจ้าววิหารเฟิงฮาวของพวกมัน ที่บรรลุถึงขอบเขตราชาเทพอันแข็งแกร่งก็ไม่กล้าบุกเข้าไปในนรกอสุราอย่างรู่วาม

 

สถานที่แห่งนั้นก็สมดั่งชื่อ….นรก!

 

จนกระทั่งภายหลัง เมื่อฟงชิงหยางออกจากนรกอสุราและหวนกลับมาพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียน จวบจนสังหารผู้ที่ตั้งตัวเป็นจักรพรรดิสวรรค์ช่วงที่ไม่อยู่ได้อย่างง่ายดาย ก็ทำให้หัวใจของคนวิหารเฟิงฮ่าวพองโตขึ้นมาอีกครั้ง เต็มไปด้วยความหวังอันล้นปรี่

 

จากนั้นพวกมันก็ได้ขอแรงให้อาจารย์ของถังซานเปาช่วยออกไปลงมือหยั่งเชิงฟงชิงหยางอีกรอบ

 

แต่ทว่ารอบนี้อาจารย์ของถังซานเปากลับประสบกับความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน

 

“ฟงชิงหยางไม่เพียงแต่จะบรรลุความเข้าใจในมรรคากระบี่ทำลายล้างถึงขั้นตอนเบื้องต้นแล้วเท่านั้น แต่ขอบเขตความสำเร็จของมรรคากระบี่มันข้าก็มิอาจมองได้ออกสืบไปที่สำคัญมันได้บรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วจริงๆ กระทั่งร่างที่ปรากฏตัวทุกวันนี้ยังเป็นแค่ร่างอวตารกฏดินเท่านั้น”

 

“ร่างจริงของมัน ดุจเดียวกับร่างอวตารกฎทำลายล้างที่สมควรแข็งแกร่งที่สุด ดูเหมือนจักมิได้ อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เมียเทียน”

 

พอได้รับรายงานเรื่องราวจากอาจารย์ถังซานเปา ทุกคนก็ตระหนักได้ทันทีว่าบัดนี้หากวิหารเฟิงฮ่าวคิดจะอุ้มฟงชิงหยางที่บรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว ให้กลับมาคายความลับวิธีฝึกปรือ ก็คงเป็นเรื่องราวที่ยากกระทำได้ยากเย็นเต็มที่ แม้จะพึ่งเป็นแค่เทพขั้นต่ำก็ตาม

 

อย่างน้อยๆพวกมันก็ไม่มีวิธีทำให้เทพขั้นต่ำกระทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ

 

หากตัวตนขอบเขตเซียนอมตะคิดฆ่าตัวตาย พวกมันมีวิธีหยุดยั้งเอาไว้ได้

 

แต่หากผู้ที่คิดฆ่าตัวตายเป็นเทพ พวกมันไม่มีหนทางหยุดยั้ง

 

“สมควรจัดการมันเสียตั้งแต่เนิ่นๆ…”

 

พวกมันยังเสียใจไม่หายสำหรับเรื่องในอดีต เพราะถ้าตอนนั้นตัดสินใจลงมือแต่แรกก็จบไปแล้ว

 

“ข้าเห็นด้วย!”

 

ทันใดนั้นเองอาวุโสชราอีกคนของวิหารเฟิงฮ่าวก็โพล่งคำออกมาด้วยความเห็นชอบ “พวกเรามิอาจลังเล เกิดเข้าทำนองผ่านหมู่บ้านนี้ไปไม่มีร้านค้าอีกจะทำอย่างไร? ที่สำคัญถ้าหากพวกเราพลาดโอกาสครั้งนี้ข้าเกรงว่าวันหน้าพวกเราคงไม่มีทางจัดการต้วนหลิงเทียนได้อีกต่อไป”

 

“ฟงชิงหยางนั่น พวกเราไม่ได้แตะต้องมันตอนนั้น มันก็สมควรสำนึกขอบคุณพวกเรา…คราวนี้หากมันรู้ว่าควรทำตัวอย่างไรก็แล้วไป แต่หากมันกล้ากำแหงคิดต่อต้าน พวกเราก็ฆ่ามันให้ตายเยี่ยงสุนัขข้างถนนเสีย!”

 

อาวุโสชราของวิหารเชิงฮ่าวที่เคยพูดออกมาก่อนหน้า กล่าวออกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่นสองตายังฉายแววแหลมคมปานมีดดาบ!

 

“ท่านจ้าววิหาร…”

 

ในปัจจุบันกระทั่งฉีคงให้กับชนชั้นรองจ้าววิหารอีกคนก็อดไม่ได้ที่จะเห็นดีเห็นงามกับคำพูดของอาวุโสทั้ง 2 พวกมันจึงหันไปมองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวอย่างพร้อมเพรียง เพื่อรอฟังการตัดสินใจสุดท้ายของจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก

 

สุดท้ายจะเอาอย่างไร การตัดสินใจของจ้าววิหารเฟิงฮาวถือเป็นตัวชี้ขาด

 

“ตกลงพวกท่านทั้ง 2 ว่าอย่างไร?

 

หากแต่สายตาของจ้าววิหารเชิงฮ่าวก็ยังคงมองมายังฉีคงให้กับรองจ้าววิหารอีกคน พลางถามซ้ำ “บัดนี้อาวุโสสูงทั้ง 2 ได้ออกความเห็นแล้วพวกท่านเล่ามีความเห็นอื่นใดหรือไม่?”

 

“ท่านจ้าววิหาร ข้าเห็นชอบกับท่านอาวุโสสูงทั้ง 2”

 

รองจ้าววิหารอีกคนชิงกล่าวตอบออกมาก่อน

 

ด้านอีคงไห้ก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆ “ตอนนี้ถึงข้าเสนอว่าพวกเราไม่ควรแตะต้องต้วนหลิงเทียน ก็เกรงว่าคงไม่อาจหยุดท่านได้กระมัง เพราหากข้าเดาไม่ผิดท่านจ้าววิหารสมควรตัดสินใจไปแล้ว”

 

ทันทีที่ฉีคงไห่กล่าวเรื่องนี้ออกมา สายตาของชายชราอีก 3 คนก็หันไปมองร่างจ้าววิหารเฟิงฮาวทันที

 

“กักตัวมันไว้เถอะ”

 

จ้าววิหารเฟิงฮ่าวเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ดั่งเช่นที่อาวุโสสูงทั้ง 2 กล่าววิหารเฟิงฮ่าวของพวกเรา หรือต้องกลัวจักรพรรดิสวรรค์ตัวน้อยที่พึ่งบรรลุถึงขอบเขตได้ไม่กี่ร้อยปี?”

 

“หลังจากพวกเราจับตัวต้วนหลิงเทียนไว้แล้ว หากมันไม่ทำอะไรโง่งมก็แล้วไป แต่ถ้ามันกล้าลงมืออย่างเหิมเกริม เช่นนั้นพวกเราก็ให้มันรับรู้ถึงความทุกข์ทรมานเถอะ!”

 

สุดท้ายจ้าววิหารเฟิงฮ่าวก็ได้ตัดสินใจออกมา

 

“เช่นนั้นพวกเราจะลงมือเมื่อใด?”

 

ฉีคงไม่เอ่ยถาม

 

“รอให้ต้วนหลิงเทียนนั่นมันใช้ห้องลับแห่งกฎแล้วเสร็จก่อนประเสริฐกว่า”

 

จ้าววิหารเฟิงฮ่าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยกล่าวตอบ “บางที มันอาจบังเกิดความเข้าใจอันใดในห้องลับแห่งกฏเพิ่มเติม และไม่แน่ว่า 2 ใน 4 วิถีสวรรค์และโลกของมันอาจบังเกิดความก้าวหน้า ด้วยวิธีนี้ก็จะส่งผลดีต่อวิหารเฟิงฮาวของพวกเรามากขึ้น”

 

“ท่านจ้าววิหารช่างปราดเปรื่องนัก!”

 

สองตาของรองจ้าววิหารอีกคนเป็นประกาย เร่งกล่าวคำประจบประแจงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวออกมาเร็วไว

 

ตอนนี้ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนหรือฟงชิงหยางอาจารย์เขา ก็ไม่ได้รู้เลยว่าทางวิหารเฟิงฮ่าวได้ตัดสินใจลงมือจัดการกับตัวนหลิงเทียนเรียบร้อย

 

ต้วนหลิงเทียนได้ใช้เวลาอยู่ในห้องลับแห่งกฎไฟเดือนเศษ จากนั้นก็ออกจากห้องลับแห่งกฏไฟและไปเข้าใช้ห้องลับแห่งกฎดิน

 

จากนั้นเขาก็เลือกจะรั้งอยู่ในห้องลับแห่งกฎดินจนครบกำหนด 3 เดือนก่อนจะออกมา

 

“ หมดเวลาแล้ว”

 

พอถึงเวลา ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนอย่างประจวบเหมาะ ขณะเดียวกันเขาก็พบว่ามีพลังมหาศาลขุมหนึ่งซซัดกวาดออกมาจากทั่วทุกมุมห้องลับแห่งกฏดิน เพื่อผลักไสตัวเขาออกไปด้านนอก

 

ต้วนหลิงเทียนที่ถูกพลังดังกล่าวผลักไสออกมา ก็เฉยๆไม่ได้มีความยินดียินร้ายใดๆ

 

อย่างไรก็ตามแม้ท่าที่ภายนอกจะแลดูสงบเฉยเมย แต่ที่จริงในใจนั้นเขาบังเกิดความพึงพอใจอย่างมากกับการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ เพราะเขาสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟและดินได้ครบทุกประการแล้ว ยังบรรลุความเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่อีกด้วย!

 

กล่าวได้ว่า ในปัจจุบันเขาได้เข้าใจความลึกซึ้งของกฎ 4 กฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทั้งหมด!

 

กฏมิติ!

 

กฎเวลา!

 

กฏไฟ!

 

กฏดิน

 

“ผู้เฒ่าทั้ง 2 ติดต่อรองจ้าววิหารให้ข้าหน่อย ข้าคิดจะกลับไปหาอาจารย์ข้า”

 

หลังถูกผลักไสออกมาจากห้องลับแห่งกฏ ต้วนหลิงเทียนก็ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยหันไปมองกล่าวกับชายชราทั้ง 2 ด้านนอกตรงๆ

 

สองผู้ชราเป็นอาวุโสที่คอยดูแลความเรียบร้อยห้องลับแห่งกฎ พอได้ยินคำพูดต้วนหลิงเทียนพวกมันก็พยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะส่งข้อความไปหาฉีคงไม่ทันที “ข้าส่งข้อความไปหารองจ้าววิหารฉีแล้ว”

 

“เจ้ารอสักครู่”

 

อาวุโสหนึ่งในนั้นที่ส่งข้อความไปหาอี้คงไห่กล่าวตอบ

 

“อืม”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับรู้ ขณะเดียวกันเขาก็ส่งข้อความไปหาอาจารย์เขาฟงชิงหยางเช่นกัน “ท่านอาจารย์ขาออกมาแล้ว และกำลังรอรองจ้าววิหารฉีพาข้าไปพบท่าน จะได้กลับกัน”

 

“อืม ข้าจะไปรอเจ้าด้านนอก”

 

ฟงชิงหยางส่งข้อความตอบกลับ จากนั้นก็ถามเพิ่มเติมว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ราบรื่นดีใช่หรือ”

 

“ไม่?”

 

“ราบรื่นดีท่านอาจารย์”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม พลางส่งข้อความ “ตอนนี้ข้าเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินกับไฟถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทุกประการแล้ว

 

“ต่อไป ก็สามารถเริ่มต้นการผสานรวมความลึกซึ้งได้”

 

“เหมือนกับกฏเวลาที่ข้าพึ่งเข้าใจก่อนหน้า”

 

คำพูดของต้วนหลิงเทียนย่อมทำให้ฟงชิงหยางชื่นชมเป็นธรรมดา “ดีสำหรับกฏแห่งดินข้ายังพอชี้แนะให้เจ้าได้อยู่ อย่างไรก็ตามทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเจ้าเอง เหมือนกับมรรคากระบี่ของข้า”

 

“เข้าใจแล้วท่านอาจารย์”

 

ต้วนหลิงเทียนตอบกลับ จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นร่างหนึ่งที่พุ่งมาแต่ไกลด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด “ท่านอาจารย์ สักครู่ค่อยว่ากัน…รองจ้าววิหารฉีมาแล้ว”

 

“ต้วนหลิงเทียนเจ้าจะอยู่พักในวิหารเฟิงฮ่าวเราก่อนสักพัก เพื่อตีเหล็กตอนร้อน เริ่มทำความเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟกับดินต่อเลย หรือคิดจะกลับ?”

 

ฉีคงไห่เมื่อมาถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

 

“ ขอบคุณรองจ้าววิหารฉีสำหรับความกรุณา แต่ข้าคิดจะกลับไปกับท่านอาจารย์ช้าเลย”

 

ต้วนหลิงเทียนตอบ

 

“ไม่มีปัญหา ข้าจะพาเจ้าไปพบอาจารย์เจ้า”

 

ฉีคงไห่พยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรอีก

 

ภายใต้การนำของอีคงไห่ ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นอาจารย์เขาอีกครั้ง

 

และตอนนี้ใจที่เสมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายของต้วนหลิงเทียนก็พอได้โล่งไปเปราะหนึ่ง

 

ดูเหมือนวิหารเฟิงฮาวจะไม่ได้คิดเล่นไม่ซื่ออะไรกับเขา หรือแม้แต่เลือกจะกักขังเขาเอาไว้

 

ทว่าในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งสังเกตเห็นการมาของฟงชิงหยาง ไม่ทันที่ที่จะได้กล่าวคำทักทายอะไร อยู่ๆก็แว่วเสียงแหวกผ่าสายลมดังขึ้นจากโดยรอบ

 

ฟุบ!

 

พร้อมกันนั้นเอง ฉีคงไฟที่เดินอยู่ข้างต้วนหลิงเทียนก็เหินขึ้นฟ้าไปหยุดลอยกลางหาวฉับไว

 

พริบตาต่อมาก็ปรากฏร่างอีก 4 ร่างขึ้นอย่างประจวบเหมาะ

 

เป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง กับชายชราอีก 3 คน

 

บัดนี้คน 5 คนมี 4 คนที่ยืนดักอยู่ทั้ง 4 ทิศ ส่วนอีกคนก็ลอยดักอยู่บนฟ้า กล่าวได้ว่าพวกมันปิดล้อมด้วนหลิงเทียนกับฟังชิงหยางเอาไว้ทุกทาง