“คุณชาย อยากดื่มชาคงต้องรอสักครู่”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยเงยหน้าขึ้นพูดพร้อมยิ้มขื่น

การประลองรอบนี้จบลงไวจริงๆ ทำให้นางไม่ทันล้างใบชาด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับชงชา

การกระทำเช่นนี้ของนาง เมื่อคนรอบข้างเห็นแล้วความรู้สึกก็ซับซ้อนอย่างอดไม่ได้

ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดจินเทียนเสวียนเยวี่ยจึงมั่นใจในตัว ‘คุณชาย’ คนนี้ของนางถึงเพียงนี้

“รอบที่สี่ให้ข้าเอง”

ทันใดนั้นในบรรดาผู้แข็งแกร่งเกาะเทพเวหาทมิฬ มีชายคนหนึ่งเดินออกมา

ชุดสีฟ้า ผิวสีขาวซีด ดวงตาทั้งคู่เขียวมรกต เผยประกายคลุมเครือ

“ได้”

ปี้หยวนจื่ออึ้งไปก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นพลันปิติยินดี “เสอหลิง มีเจ้าลงมือข้าก็วางใจ”

เขาเหมือนจะมั่นใจในตัวชายคนนี้อย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เมื่อมองดูผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ของเกาะเทพเวหาทมิฬ สีหน้าล้วนแตกต่าง มีทั้งประหลาดใจ หวาดกลัว และตื่นเต้น

นี่ทำให้พวกเหิงเซียวตระหนักได้ทันที ว่าชายที่ชื่อเสอหลิงคนนี้จะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเสอจื่ออย่างแน่นอน!

“ผู้อาวุโส การประลองรอบที่สี่นี้ให้เป็นข้าดีกว่าไหม”

หลินสวินส่งเสียง

“ได้ เช่นนั้นรบกวนสหายน้อยด้วย”

ตอนนี้เหิงเซียวตอบรับอย่างรวดเร็ว ไม่มีความลังเลเหมือนก่อนหน้านี้อีก

ผู้แข็งแกร่งสำนักยุทธ์เสวียนจีคนอื่นๆ เช่นหงอวี่ต่างเผยรอยยิ้ม การปรากฏตัวของหลินสวินในครั้งนี้ช่วยพวกเขาแก้ปัญหายุ่งยากครั้งใหญ่เลยเชียว!

พวกเขาคาดหวังมากว่าในการประลองห้ารอบนี้ ชายหนุ่มจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนคนนี้จะนำพาความประหลาดใจอะไรมาสู่พวกเขา

ศิษย์แกนหลักอย่างพวกเจียงเหิงอารมณ์ต่างซับซ้อนมาก

ครั้งนี้เดิมทีเป็นการประลองระหว่างพวกเขาและผู้สืบทอดเกาะเทพเวหาทมิฬ ทว่าตอนนี้พวกเขากลับไม่มีใครยื่นมือเข้าแทรกได้

กลับเป็นคนนอกคนหนึ่งที่ออกหน้าแทนพวกเขา นี่ทำให้พวกเขาอยากดีใจก็ดีใจไม่ออก

ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!

เสอหลิงเข้าสู่ลานประลอง ทุกย่างก้าวแท่นประลองนี้จะสั่นไหวครั้งหนึ่ง เกิดเสียงราวกับตีกลองเทพ

อานุภาพรอบตัวเขาก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในทุกย่างก้าว หมอกสีเทาขมุกขมัวแผ่ออกจากเงาร่างผอมตอบของเขา ปิดฟ้าคลุมตะวัน

ส่วนดวงตากลับคล้ายเพลิงผีเขียวมรกตกำลังลุกโชน ยิ่งดูน่ากลัว

คนไม่น้อยต่างกลั้นหายใจ

โดยเฉพาะผู้สืบทอดแกนหลักอย่างพวกเจียงเหิง แต่ละคนล้วนรู้สึกถึงความกดดันอย่างที่สุด แม้แต่ร่างกายยังแข็งทื่อ ขนลุกซู่ระลอกหนึ่ง

เพียงแค่ยืนมองอยู่นอกลานประลองเท่านั้น พวกเขาก็เกิดความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าหากเปลี่ยนเป็นตนเข้าประลอง คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นี้!

นี่ทำให้พวกเขาอดเซื่องซึมไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ในบรรดาผู้สืบทอดเกาะเทพเวหาทมิฬซึ่งอันดับต่ำกว่าสำนักยุทธ์เสวียนจี กลับปรากฏบุคคลที่เก่งกาจขนาดนี้

พวกเหิงเซียวเองในใจก็หวั่นหวาด เพิ่งจะตระหนักได้ว่าเสอหลิงคนนี้ไม่เพียงแข็งแกร่งกว่าเสอจื่อ ยังแข็งแกร่งกว่าช่วงใหญ่ด้วย!

“ก็ไม่รู้ว่าสหายน้อยคนนั้นจะขวางคนผู้นี้ไว้ได้หรือไม่…”

หว่างคิ้วของพวกเหิงเซียวต่างเผยความกังวลอย่างควบคุมไม่อยู่

ย้อนมองพวกปี้หยวนจื่อ ต่างเผยสีหน้าคาดหวัง

ในที่นั้นมีเพียงจินเทียนเสวียนเยวี่ยที่นิ่งที่สุด ข้อมือขาวกระจ่างดุจหิมะกำลังต้มชา ท่าทีใจเย็นและจดจ่อ

“ข้าไม่สนใจฐานะของเจ้า ขอเพียงลงมือ นอกจากเจ้ายอมแพ้ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่รอเจ้าอยู่ก็มีเพียงความตาย”

เสอหลิงพูด เสียงแหบพร่าและต่ำลึก

ตูม!

เมื่อเขาก้าวออกไป เขตแดนมรรคแถบหนึ่งปรากฏขึ้นโดยพลัน ราวกับโลกแห่งนรกที่มืดมิดมัวหม่น

หมอกหม่นมัวไหลเคลื่อน เพลิงผีเขียวมรกตนับไม่ถ้วนพริบไหวอยู่ในหมอก มีเสียงเทพผีร่ำไห้รางๆ ดังออกมา ชวนให้หนังหัวชาวาบ

“เขตแดนมรรค ทางนรกไร้หวน…”

เสอจื่อที่อยู่ไกลๆ เผยความตะลึง มีเพียงนางที่รู้ชัดว่าอานุภาพของเขตแดนมรรคที่เสอหลินควบรวมนี้สุดยอดเพียงใด

ถึงขั้นถูกคนระดับจักรพรรดิชื่นชม ความเยี่ยมยอดของคุณลักษณะเขตแดนมรรคนี้ เรียกได้ว่าเชิดทะยานในหมู่คนรุ่นเดียวกัน!

เห็นได้ชัดว่าเสอหลิงไม่ได้ดูถูกหลินสวิน ทันทีที่ลงมือก็สำแดงไม้ตาย

“แย่แล้ว!”

พวกเหิงเซียวล้วนสีหน้าเปลี่ยนไป เพราะเห็นหลินสวินไม่ได้ต้านทานด้วยซ้ำ ทั้งร่างถูกปกคลุมอยู่ในเขตแดนมรรคของเสอหลิง

“นี่…”

ตอนนี้พวกเจียงเหิงเองก็หัวใจบีบรัด หากหลินสวินแพ้ ก็หมายความว่าสำนักยุทธ์เสวียนจีของพวกเขาแพ้ ผลลัพธ์เช่นนี้ใครก็ไม่อยากเห็น

ด้านพวกปี้หยวนจื่ออดยิ้มไม่ได้

ทันทีที่เสอหลิงลงมือ ก็ได้เผยภาพที่แตกต่างกันอย่างสมบูรณ์!

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ในใจปี้หยวนจื่ออึดอัดอยู่บ้างคือ จินเทียนเสวียนเยวี่ยยังคงชงชา ราวกับไม่รับรู้ทุกอย่างในลานประลอง

นางไม่เป็นห่วงว่าเจ้าหมอนั่นจะถูกฆ่าหรือ

……

ในเวลาเดียวกัน ในเขตแดนมรรคทางนรกไร้หวน

หมอกมืดมัวหม่นหนาแน่น เพลิงผีเขียวมรกตเป็นจุดๆ แผ่พลังกัดกร่อนน่ากลัวอันแปลกประหลาด

ฟู่ๆๆ!

ทันทีที่เงาร่างของหลินสวินปรากฏ พื้นที่รอบๆ ตัวก็ถูกพลังกัดกร่อนโจมตี ส่งเสียงบาดหู

เขาเหมือนไม่รู้สึก มองไปรอบๆ สัมผัสพลังกฎเกณฑ์มหามรรคที่ปกคลุมอยู่ในเขตแดนมรรคแห่งนี้ ในที่สุดก็ตัดสินได้ว่า…

ไม่ว่าจะเป็นเสอจื่อก่อนหน้านี้หรือเสอหลิงในตอนนี้ ล้วนเป็นผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพ หนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืด!

หรือก็คือทูตเทพพยากรณ์ที่ทุกคนพูดถึงแล้วหน้าเปลี่ยนสี!

เพราะตอนอยู่ที่แหล่งสถานคุนหลุน หลินสวินเคยสังหารทูตเทพพยากรณ์นามว่าซาหลิวชิงเองกับมือ คนผู้นี้มีการเคลื่อนไหวแปลกประหลาด เทพไม่รู้ผีไม่เห็น พลังและกลิ่นอายที่ครอบครองก็เรียกได้ว่าพิสดาร คลุมเครือ แทบจะเหมือนกับเสอจื่อและเสอหลิง!

นี่ทำให้หลินสวินประหลาดใจเล็กน้อย

เกาะเทพเวหาทมิฬเป็นถึงหนึ่งในเจ็ดสำนักใหญ่แห่งแคว้นเมฆา มาเกี่ยวข้องกับสำนักโบราณจรัสเทพได้อย่างไร

ไม่กลัวถูกผู้ฝึกปราณทั่วหล้ามองว่าเป็นศัตรูและต่อต้านหรือ

ในนี้จะต้องมีความลับที่บอกใครไม่ได้อย่างแน่นอน!

สวบ….

เพลิงผีเขียวมรกตสายนั้นเข้าใกล้อย่างไร้สุ้มเสียง เปลี่ยนเป็นเงาร่างของเสอหลิง กระชับเหล็กหมาดแหลมดำสนิทแทงไปที่ศีรษะหลินสวิน

หลินสวินชูมือขึ้นตบ

ตูม!

เงาร่างนี้ของเสอหลิงพลันระเบิดเป็นเสี่ยง กลายเป็นจุดแสงเขียวมรกตปลิวว่อนทั่วฟ้า

ทว่าต่อมาเพลิงผีมรกตเป็นกลุ่มๆ ก็พุ่งออกจากหมอกรอบๆ อีก เพลิงผีแต่ละกลุ่มเปลี่ยนเป็นเสอหลิงคนหนึ่ง จู่โจมหลินสวินจากทิศทางที่แตกต่างกัน

หลินสวินเลิกคิ้ว ความคิดขยับไหว รอบกายปลดปล่อยประกายเทพสีดินเหลืองที่หนาประหนึ่งภูเขา ควบรวมเป็นประทับฝ่ามือ พลังหมัด พลังดรรชนีกลางห้วงอากาศ… โจมตีออกไปแน่นขนัด

ตูมโครม!

เสียงปะทะสะเทือนหูดังขึ้นเป็นระลอกๆ

ก็เห็นเสอหลิงแต่ละร่างถูกโจมตีจนยับเยินประหนึ่งกระดาษเปื่อย เปลี่ยนเป็นละอองแสงสาดกระจาย

แต่หลินสวินไม่บาดเจ็บสักนิด

เสอหลิงที่ควบคุมเขตแดนมรรคเห็นเช่นนี้ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ เผยความประหลาดใจ

ควรรู้ว่าในฟ้าดินเขตแดนนี้ เขาก็คือตัวตนระดับนายเหนือหัว ชี้เป็นชี้ตาย ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้

อย่างเงาร่างแต่ละร่างที่เขาแปลงออกมาก่อนหน้านี้ แต่ละคนล้วนมีพลังต่อสู้ระดับมกุฎราชันอริยะ เมื่อลงมือพร้อมสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกันสิ้นหวัง

แต่การโจมตีทั้งหมดนี้กลับใช้กับจินตู๋อีไม่ได้!

“พลังเขตแดนของเจ้ายังไม่ได้สำแดงเต็มที่ ข้าให้โอกาสเจ้าลงมือ หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

ในหมอกมัวหม่น เสียงอันเรียบเฉยของหลินสวินดังขั้น

“หึ!”

ดวงตาเขียวมรกตของเสอหลิงเผยประกายประหลาดรุนแรง

เขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ริมฝีปากท่องวิชาลับคลุมเครือ มือทั้งคู่ทำมุทราที่ซับซ้อนอย่างที่สุด

โลกหมอกแห่งนี้เปลี่ยนไปทันที มีสีแดงเลือดพิสดารเพิ่มเข้ามา สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าว่าในส่วนลึกของคลื่นหมอกมีเส้นทางเลือดสายหนึ่งปรากฏ

เพียงพริบตาก็ยืดขยายไปถึงตรงหน้าหลินสวิน

และในครรลองสายตาของหลินสวินก็เปลี่ยนไป ราวกับยืนอยู่บนเส้นทางสีเลือดที่เชื่อมไปยังนรก ทอดสายตามองไปรอบๆ ล้วนเป็นความว่างเปล่า

มีเพียงเส้นทางสีเลือดใต้ฝ่าเท้าที่อยู่เบื้องหน้า

หลินสวินเพิ่งคิดจะเคลื่อนไหว พลังกฎเกณฑ์ที่นองเลือดและแปลกประหลาดสายหนึ่งปรากฏขึ้น กดทับอยู่รอบตัวเขาอย่างรุนแรง ราวกับกรงขังไร้รูป

และในเวลาเดียวกัน เสียงสยดสยองดังขึ้นในสภาวะจิต ราวกับเสียงเรียกจากนรก เกิดพลังสะท้านสะเทือนพิสดาร

มีชั่วขณะหนึ่งหลินสวินรู้สึกเหมือนนักโทษที่ถูกจับกุม ถูกพันธนาการอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ และกำลังจะถูกส่งไปนรก สิ่งที่รอคอยเขาคือโทษตาย

พลังประหลาดนั่นแข็งแกร่งจนเหลือเชื่อ

แต่เพียงพริบตาหลังจากนั้น สภาวะจิตของหลินสวินก็กลับคืนเป็นกระจ่างชัดอีกครั้ง เขาเผยสีหน้าครุ่นคิด เขตแดนมรรคแห่งนี้ก็เรียกได้ว่าประหลาดและโดดเด่นจริงๆ

แต่น่าเสียดาย สำหรับเขาแล้วยังไม่มีค่าให้มองดู

เขาก้าวเท้าออกไปเบาๆ

ตูม!

เส้นทางสีเลือดที่ประหนึ่งเชื่อมสู่นรกพลันสั่นไหวรุนแรง แตกออกจากกันจากตรงกลาง

ละอองแสงสีเลือดสาดพรม กลายเป็นพลังกฎเกณฑ์ที่ปลิวกระจัดกระจาย

ในเวลาเดียวกันเสอหลิงส่งเสียงอึดอัดคราหนึ่ง เผยสีหน้าตกตะลึง เจ้าหมอนี่ถูกกักขังในเขตแดนมรรคของตน แต่กลับยังแข็งแกร่งขนาดนี้หรือ

“สยบ!”

เขาเอ่ยกำราบ

ทันใดนั้นราวกับฟ้าพลิกดินตลบ ในหมอกสีเทาหม่นมัวปรากฏเส้นทางสีเลือดที่สายแล้วสายเล่าพุ่งตัดสลับออกมา ดุจแหใหญ่เข้าปกคลุมหลินสวิน

สี่ทิศแปดด้านล้วนเป็นเส้นทางไร้หวน!

หากเปลี่ยนเป็นมกุฎราชันอริยะคนอื่นๆ ถูกกักขังเช่นนี้เกรงว่าคงขยับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงนั่งรอความตาย

ทว่าหลินสวินกลับไม่มองด้วยซ้ำ ถูปลายนิ้วเบาๆ คราหนึ่ง กรวดทรายเม็ดหนึ่งพลันปรากฏ จากนั้นกลายเป็นโลกปานภาพมายา กว้างใหญ่และหนาหนัก แผ่กลิ่นอายที่ยิ่งยงทรงพลังไม่อาจประเมิน

และเมื่อหลินสวินเพิ่มแรงปรารถนาของสรรพชีวิตเข้าไป

วู้ม!

ในโลกแห่งนี้ปรากฏลักษณ์แห่งสรรพชีวิต เผยการไหลเคลื่อนของเวลา ทุกข์สุข พบปะจากลา ความรักความแค้น…

สุดท้ายโลกแห่งนี้ก็เปลี่ยนเป็นประทับสีดินเหลืองชิ้นหนึ่ง เรียบง่ายเวิ้งว้าง หนาแน่นและทรงพลัง

ประทับแห่งสรรพชีวิต!

พลังพรสวรรค์ที่กายมรรคดินเหลืองครอบครอง ความมหัศจรรย์ของประทับนี้อยู่ที่ยามสู้กับศัตรู จะประหนึ่งนำพาพลังของโลกแห่งหนึ่งที่รวมอานุภาพทุกสิ่งอย่างโจมตีออกไป อานุภาพน่ากลัวเหนือคาดหมาย

โครม!

พอประทับแห่งสรรพชีวิตร่วงลง เส้นทางไร้หวนที่ปกคลุมสี่ทิศแปดด้านพลันระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เปลี่ยนเป็นละอองแสงทั่วฟ้า เสียงครื้นโครมดังไม่ขาดสาย

พรูด!

เสอหลิงราวกับถูกฟ้าผ่า พลันกระอักเลือด เงาร่างกะพริบ ถูกโต้ตอบอย่างรุนแรงจนถึงขีดสุด สีหน้าที่เดิมก็ซีดเซียวอยู่แล้วของเขา ราวกับโปร่งแสงไปแล้ว

“เหตุใด…เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…”

เขาประหลาดใจ รู้สึกถึงความตะลึงและหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิงแล้ว คิดให้หัวแตกก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่า บนโลกนี้จะมีใครสามารถสำแดงพลังต่อสู้ที่น่ากลัวขนาดนี้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้!

เพียงแต่ไม่รอเสอหลิงตอบสนอง ภายใต้การโจมตีของประทับแห่งสรรพชีวิต ทางนรกไร้หวนแห่งเขตแดนมรรคที่เขาภาคภูมิใจก็ยุบทลายในชั่วขณะนี้

——