ตอนที่ 3543

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3543 : ยอดฝีมือที่ออกจากระนาบเหยียนหวง ไม่ขาดตัวตนระดับจอมราชัน เทพหรือจักรพรรดิเทพ?

 

       ย้อนกลับไปในช่วงเวลาก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะออกอุบายหลอกให้หวู่หงชิงกับคนอื่นๆมายังระนาบเหยียนหวง

 

  ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงการระเบิดของร่างอวตารกฏของฟงชิงหยาง เขาที่เคลื่อนย้ายข้ามมิติหลบหนีออกมาได้ระยะหนึ่ง เขาก็รู้แต่แรกว่าต่อให้คิดหนีไปแบบนี้ก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายหากไม่สามารถออกจากระนาบอิสระที่ตั้งของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักได้ ก็ไม่ต่างอะไรจากตะพาบไนไหเท่านั้น…

 

  วินาทีนั้นเขาทำได้แค่เสี่ยงเปิดโลกใบเล็กภายในกายและติดต่อกับเทพเบญจธาตุทั้ง 5

 

  ครู่ต่อมาวารีเทพชำระโลกาก็ออกจากโลกใบเล็กของเขา และมาอยู่ในร่างเขาเพื่อหารือกับเขาทันที

 

  “เสี่ยวเทียน ระนาบอิสระอันเป็นที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวแห่งนี้ มีค่ายกลและข่ายอาคมนับไม่ถ้วน ต่อให้พวกเราจะทุ่มพลังทั้งหมดแต่เรื่องที่จะช่วยให้เจ้าหลบหนีออกไป ก็ยากเย็นยิ่งกว่าให้คนธรรมดาปีนป่ายบันไดมีดขึ้นสวรรค์…”

 

  ต่อมาวารีเทพชำระโลกาก็บอกต้วนหลิงเทียนว่า “เป็นการดีที่สุดที่เจ้าจะหาทางเคลื่อนย้ายออกจากระนาบอิสระแห่งนี้ไปยังระนาบโลกียะ”

 

  “เนื่องเพราะกำแพงมิติของระนาบโลกียะนั้นอ่อนแอที่สุด หากพวกเราอยู่ที่นั่น ข้ามั่นใจเต็มสิบส่วนว่าจะช่วยให้เจ้าหลบหนีจากพวกมันได้…แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเจ้าต้องหาทางไปยังระนาบโลกียะให้ได้เสียก่อน”

 

  เมื่อวารีเทพชำระโลกากล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนที่กำลังข้ามมิติหลบหนีไปเรื่อย ก็เริ่มครุ่นคิดแผนการในหัวเร็วรี่ สุดท้ายก็คิดแผนใช้เทพเบญจธาตุเป็นเหยื่อล่อ หมายทำให้หวู่หงชิงเลือกจะพาเขาออกจากระนาบอิสระที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักแห่งนี้ ไปยังระนาบโลกียะบ้านเกิดเขาอย่างระนาบเหยียนหวงหรือระนาบเซียนให้ได้

  และหลังจากหารือแผนการกับวารีเทพชำระโลกาแล้ว วารีเทพชำระโลกาก็เห็นด้วยกับแผนของเขา “ถึงแม้จะยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนมันจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้”

 

  แผนที่ต้วนหลิงเทียนคิด ไม่ง่ายเลยที่จะนำมาใช้ให้ประสบผล

 

  เพราะสุดท้ายแล้วตราบใดที่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนช่วงชิงร่างกายเขาสำเร็จ อีกฝ่ายก็สามารถพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา ไม่เว้นความทรงจำของเขาด้วย

 

  อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะเล่นกับความโลภของผู้คน หมายอาศัยความโลภของหวู่หงชิงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุด จงใจเปิดเผยเรื่องเทพเบญจธาตุ และชิงพูดออกมาก่อนว่าถึงหมี่เยี่ยนจะได้รับความทรงจำของเขา แต่หากเลือกอุบเงียบไว้ไม่พูดออกมาเล่า?

 

  เช่นนั้นเขาจึงอาศัยจุดนี้ หมายทำให้หวู่หงชิงและหระอาจารย์หมี่เยี่ยนยอมพาเขามายังระนาบโลกียะ

 

  และก็ใช้ประโยชน์จากการที่วารีเทพชำระโลกาได้ออกจากโลกใบเล็กภายในกายแล้ว โดยการแสดงพลังออกมา เพื่อให้ทุกคนเชื่อเรื่องที่เขามีเทพเบญจธาตุจริงๆ และจากนั้นก็เริ่มพูดถึงเรื่องที่เขารู้ที่อยู่ของเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ธาตุ ที่ตัวเขาได้รับมาเพียงหนึ่ง ทำให้ที่นั่นยังมีเทพเบญจธาตุที่เหลืออยู่อีกถึง 4 ธาตุ แถมยังเป็นขั้นที่ 7…สิ่งนี้เสมือนตัวจุดชนวนความโลภของหวู่หงชิงและคนอื่นๆให้ระเบิดออก และในที่สุดพวกมันก็เลือกจะพาเขามายังระนาบเหยียนหวง

 

  หลังจากมาถึงระนาบเหยียนหวงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รีบร้อนและถ่วงเวลาไปถึง 5 วัน เพื่อซื้อเวลาให้ด้านฟงชิงหยาง

 

  สำหรับที่ไฉนเขาถึงเลือกดาวเคราะห์ที่แห้งแล้งร้างผู้คนในระนาบเหยียนหวง จริงๆก็ไม่ใช่อะไร เพราะต้วนหลิงเทียนคิดเผื่อไว้ถึงตอนที่หลบหนีสำเร็จ จึงจงใจเลือกดาวที่ไร้สิ่งมีชีวิตอยู่แบบนี้ ด้วยกลัวว่าหมีซวนรวมถึงหวู่หงชิงจะมีโมโหและบันดาลโทสะจนทำลายดาวเคราะห์ทิ้ง…

 

  ถ้ามีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวดวงนั้น ไม่ตายหมู่หรือไร?

 

  “ข้าจะร่วมมือกับทุกคนเพื่อสร้าง ค่ายกล 5 ธาตุกลืนวิญญาณเอาไว้ข้างดวงจิตเจ้า…ตราบใดที่หมี่เยี่ยนนั่นมันกล้าคิดชิงร่างเจ้า ก็ปล่อยให้มันโผล่หัวเข้ามา”

 

  การฆ่าพระอาจารย์หมี่เยี่ยน ยังเป็นหนึ่งในแผนการของวารีเทพชำระโลกาด้วย

 

  แน่นอนว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องได้รับความร่วมมือจากเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือ

 

  เช่นนั้นหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอดาวเคราะห์รกร้างแล้ว เขาที่เคลื่อนย้ายข้ามมิติมาถึงพื้นดาวก่อน ก็ได้เปิดโลกใบเล็กภายในกายอีกครั้ง อาศัยพลังของทองเทพสุดลี้ลับในการปกปิดกลิ่นอาย รวมถึงความสามารถของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน จึงสามารถส่งพลังของเทพเบญจธาตุทั้ง 4 ส่วนหนึ่งให้ออกไปซ่อนอยู่ใต้ดินได้สำเร็จ…คอยแผ่กลิ่นอายออกมาจากใต้ดินหลอกให้ทุกคนเข้าใจว่าซ่อนอยู่ด้านร่าง ส่วนภายในร่างก็ลอบดำเนินการโดยอาศัยทองเทพสุดลี้ลับปกปิดกลิ่นอาย

 

  เมื่อเกี่ยวพันถึงความเป็นตายของต้วนหลิงเทียน เทพเบญจธาตุอีก 4 คนที่เหลือก็ไม่กล้าละเลย ทั้งหมดเร่งดำเนินตามแผนการอย่างเคร่งครัด

 

  ถึงแม้ว่าหลังจากพระอาจารย์หมี่เยี่ยนชิงร่างต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ พวกมันก็จะยังเลือกอยู่ในร่างของต้วนหลิงเทียนต่อได้ไม่มีปัญหา

 

  แต่ใครจะไปรู้ว่าภายภาคหน้าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

 

  ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความที่ทุกคนก่อเกิดสติปัญญาและความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองแต่แรก ก็ย่อมมีความผูกพันกับต้วนหลิงเทียนเป็นธรรมดา ย่อมไม่อยากให้วิญญาณของต้วนหลิงเทียนต้องสลายหายไป

 

  ดังนั้นแผนการครั้งนี้ทุกคนจึงร่วมแรงร่วมใจกันอย่างดี

 

  กระทั่งปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินที่มีลักษณะนิสัยเหมือนเด็กน้อย วันนี้ยังจริงจังเคร่งขรึมกว่าใคร

 

  “หลังจากที่ทำลายวิญญาณของหมี่เยี่ยนนั่นได้ พวกมันย่อมไม่พ้นต้องตกตะลึงกับเรื่องราวอันไม่คาดคิดแน่นอน…จังหวะนั้นข้าที่สมควรสร้างค่ายกลเทวะ 5 ธาตุหลบหนีเสร็จแต่แรก ก็จะเปิดใช้งานและส่งเจ้าเข้าสู่ห้วงมิติผันผวน จากนั้นก็ส่งเจ้าไปยังระนาบโลกียะอื่นๆแบบสุ่ม”

 

  นี่เป็นแผนการต่อมาของวารีเทพชำระโลกา

 

  สุดท้ายแผนการทั้ง 2 ก็ลุล่วงไปได้ด้วยดี ทำให้ต้วนหลิงเทียนสามารถหลบหนีไปใต้เปลือกตาของจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก หวู่หงชิง และผู้นำเผ่าภูตหมี่ซวนได้สำเร็จ

 

  …

 

  กลับมาในปัจจุบัน

 

  หลังจากที่รอยแยกมิติเบื้องหน้าหมี่ซวนได้ปิดตัวลง ความเงียบก็มาเยือนดาวเคราะห์ร้างผู้คนทันที

 

  “อ๊าคคคคค—-!!”

 

  หมี่ซวนที่ร่างสั่นเทิ้มอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็กรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น พลังวิญญาณอันมหาศาลยังกำจายออกจากร่าง ไปรวมผสานกับพลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศ ก่อเกิดเป็นพลังไร้สภาพขุมหนึ่งปกคลุมทั่วดาวเคราะห์อันรกร้างว่างเปล่าในฉับพลัน จากนั้นก็ระเบิดพลังดังกล่าวอย่างดุร้าย ทำให้ดาวเคราะห์ดังกล่าวระเบิดเป็นจุน กลับกลายเป็นฝุ่นอวกาศอันตรธานหายไปในท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาว…

 

  ถึงแม้เผ่าพันธุ์ภูตจะทำได้แค่ใช้พลังวิญญาณในการจู่โจม แต่มันก็สามารถผสานพลังวิญญาณเข้ากับพลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศ เพื่อก่อเกิดพลังที่สามารถโจมตีวัตถุทางกายภาพได้

 

  ดังนั้นเพียงแค่ห้วงคิดเดียว หมี่ซวนจึงสามารถป่นทำลายดาวเคราะห์ที่ใหญ่กว่าโลกเก่าของต้วนหลิงเทียนหลายเท่าลงได้ง่ายๆ

 

  “ระนาบโลกียะแห่งนี้เป็นบ้านเกิดของต้วนหลิงเทียนใช่หรือไม่!?”

 

  หลังระเบิดดาวไปแล้ว แต่หมี่ซวนยังเต็มไปด้วยโทสะอันรุนแรงนัก “เช่นนั้น ข้าจักทำลายระนาบโลกียะแห่งนี้เสียให้สิ้น!!”

 

  พอกล่าวจบคำ ร่างหมี่ซวนก็เริ่มสั่นไหว คล้ายกำลังจะงมือทำอะไรสักอย่าง.

 

  ทว่าทันใดนั้นเอง สีหน้าของยูไลพลันเปลี่ยนไป และเร่งกล่าวหยุดยั้งหมี่ซวนเอาไว้ทันที “ช้าก่อนราชาเทพหมี่ซวน…อาตมาขอแนะนำมิให้ท่านกระทำเช่นนั้น…”

 

  “หืม?”

 

  หมี่ซวนหันไปมองยูไลด้วยสายตาที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะ “ลาหัวโล้นเจ้าคิดจะหยุดข้างั้นรึ? อาศัยเจ้าคิดหรือว่าจักมีปัญญาหยุดข้าได้?”

 

  “ถึงลาหัวโล้นเจ้าจะไม่อยู่ในสายตาข้า แต่หากข้าคิดจะฆ่าเจ้า ก็เป็นเรื่องราวอันง่ายดายนัก!”

 

  ขณะกล่าวน้ำเสียงของหมี่ซวนยังเริ่มเต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

  “ราชาเทพหมี่ซวน อาตมามิได้คิดจะหยุดท่าน อาตมาเพียงแค่อยากจะกล่าวเตือนท่าน…ระนาบโลกียะแห่งนี้คือระนาบเหยียนหวง มียอดคนมากมายออกจากที่นี่ไปยังระนาบเทวโลก และยังมีเหล่าผู้อาวุโสที่อาตมานับถือมากมายที่บัดนี้ขึ้นไปอยู่ในระนาบเทพแล้ว….”

 

  “ในบรรดาผู้อาวุโสที่อาตมานับถือเหล่านั้น…มิขาดตัวตนที่เหนือกว่าราชาเทพ”

 

  “และมิว่าผู้ใด ก็ล้วนให้ความสำคัญกับบ้านเกิดของตัวเองมาก…หากท่านลงมือกับระนาบเหยียนหวงจริง อาวุโสเหล่านั้นย่อมสัมผัสได้ทันที ถึงแม้จักมิอาจลงมาที่นี่ได้เป็นการชั่วคราว แต่รอให้ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทพกับระนาบเทวโลกเปิดออกเมื่อใด…อาวุโสเหล่านั้นย่อมไม่ปล่อยไปแน่”

 

  เป็นอย่างที่ยูไลพูดไว้ไม่มีผิด

 

  ผู้ที่ออกจากระนาบเหยียนหวงและไปสร้างชื่อเสียงในระนาบเทวโลกนั้นมีมากมายหลายคนนัก กระทั่งตัวยูไลเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ก็มี อวี้ฮ่าวเทียน จักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียน กงซุนซวนหยวน จักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน ไม่เว้น จักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดิน ซุนหงอคง กับ จักรพรรดิอมตะสามตา หยางเจี่ยน เป็นต้น..

 

  ต้วนหลิงเทียนเป็นแค่หนึ่งในนั้น..

 

  นอกจากนั้นยังมียอดคนมากมายที่หลังจากสร้างชื่อบนระนาบเทวโลก ก็ได้ก้าวขึ้นไปสร้างชื่อบนระนาบเทพแล้ว…

 

  อย่างเช่นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ผานกู่ พระแม่หนี่วา ปรมาจารย์ซันชิง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่ทรงพลังในระนาบเทพทั้งสิ้น

 

  “ราชาเทพหมี่ซวน ที่ยูไลกล่าวล้วนเป็นความจริง”

 

  ตอนนี้เองหวู่หงชิง จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ที่ยังเต็มไปด้วยความคับแค้นและไม่พอใจจากการหลบหนีของต้วนหลิงเทียนไม่หาย ในที่สุดก็ค่อยๆสงบลง กล่าวออกมาว่า “ระนาบเหยียนหวงแห่งนี้ มิอาจแตะต้องได้จริงๆ”

 

  “มีมหาอำนาจมากมายออกจากระนาบเหยียนหวง และบัดนี้เหล่าผู้ที่ขึ้นไปสร้างชื่อบนระนาบเทพแล้ว กว่าครึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนระดับจอมราชันเทพไม่ก็จักรพรรดิเทพทั้งสิ้น และยังมีแม้กระทั่งผู้ที่เหนือกว่านั้น…หากท่านแตะต้องระนาบเหยียนหวง จนทำให้ตัวตนที่อยู่เหนือจอมราชันเทพไม่เว้นจักรพรรดิเทพเหล่านั้นมีโทสะล่ะก็ เห็นทีเผ่าพันธุ์ภูตของท่าน ต่อให้จะหลบซ่อนในโลกแห่งความตายลึกเพียงใด น่ากลัวว่าคงไม่อาจรอดพ้นหายนะสิ้นเผ่าพันธุ์ได้แล้ว…”

 

  “ราชาเทพหมี่ซวนต่อให้เป็นท่านเองก็เถอะ ข้าเองว่าคงไม่อาจหนีรอดได้แน่”

 

  “เพราะมีตัวตนที่บรรรลุถึงจักรพรรดิเทพมากมายที่มีบ้านเกิดในระนาบเหยียนหวง เชี่ยวชาญในศาสตร์ลับสวรรค์ สามารถทำนายทายทักได้อย่างแม่นยำ หากเป็นเพียงราชาเทพไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดในสวรรค์และโลก ก็สามารถทำนายตำแหน่งได้เสมือนตาเห็น”

 

  วิหารเฟิงฮ่าวเองก็มีข้อมูลของระนาบเหยียนหวงไม่น้อย

 

  กระทั่งยังลงความเห็นสำคัญเอาไว้ ว่าระนาบเหยียนหวงเป็นระนาบโลกียะที่พิเศษนัก หลายยุคสมัยที่ผ่านมีมหาอำนาจปรากฏขึ้นมากมาย และมีผู้ที่สร้างชื่อในระนาบเทวโลก กระทั่งไปเป็นใหญ่เป็นโตในแดนเทพไม่น้อย

 

  อย่างน้อยๆในบรรดาชนรุ่นหลังมานี้ ก็มียูไลที่เป็นจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียนแล้วคนหนึ่ง

 

  “หึ!”

 

  หากบอกว่าคำพูดของยูไลหมี่ซวนไม่สนใจจะฟัง แต่เมื่อเป็นคำพูดของหวู่หงชิง หมี่ซวนไม่อาจไม่ฟัง

 

  ท้ายที่สุดแล้วหวู่หงชิงก็เป็นถึงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ขุมกำลังที่สืบทอดมรดกสืบต่อผ่านยุคสมัยมาอย่างยาวนานของระนาบเทวโลก

 

  “เช่นนั้นตอนนี้ข้าจักตามรอยวิญญาณฟงชิงหยางนั่นก่อน เพื่อเริ่มต้นการล้างแค้นให้น้องเยี่ยน!”

 

  ร่างหมี่ซวนค่อยๆเลือนหายไป “ส่วนต้วนหลิงเทียนนั่น…วันนี้มันหนีไปได้ก็ให้มันหนีไป! แต่วันหน้าข้าจักส่งมันไปตามทาง เพื่อปลอบประโลมวิญญาณน้องเยี่ยนข้าบนฟ้า!!”

 

  หลังจากที่ร่างของหมี่ซวนหายไป ดวงตาของหวู่หงชิงก็ฉายชัดถึงความโลภอันล้นปรี่อีกครั้ง

 

  มันนึกถึงเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ที่ต้วนหลิงเทียนครอบครอง

 

  “จ้าววิหารยูไล”

 

  ขณะเดียวกัน หวู่หงชิงก็หันไปมองกล่าวกับยูไลเสียงหนัก “อย่าได้บอกใครเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนครอบครองเทพเบญจธาตุเด็ดขาด…หากท่านนำเรื่องนี้ไปกล่าวบอกผู้อื่น ก็คงรู้ดีว่าวิหารเฟิงฮ่าวเราจักทำเช่นไรกระมัง?”

 

  “ขอจ้าววิหารหวู่อย่าได้กังวล อาตมารู้วิธีการของวิหารเฟิงฮ่าวดี”

 

  ในใจหวู่หงชิงคิดอะไร ไหนเลยยูไลจะไม่รู้ได้

 

  อีกฝ่ายคิดฮุบกลืนทพเบญจธาตุทั้ง 5 ในร่างต้วนหลิงเทียน!

 

  อันที่จริงกระทั่งตัวมันเองก็ตกใจไม่หายเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีเทพเบญจธาตุในการครอบครองถึง 5 ธาตุ! มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าเด็กน้อยคนหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากระนาบโลกียะเดียวกันกับมัน ไม่เพียงแต่จะประสบความสำเร็จอย่างวันนี้ทั้งๆที่มีอายุไม่ถึง 700 ปี แต่ยังครอบครองเทพเบญญจธาตุทั้ง 5 ธาตุได้พร้อมกันอีก!

 

  ยิ่งไปกว่านั้นเทพเบญจธาตุที่ครอบครอง ไม่ว่าธาตุใดล้วนไม่ใช่เทพเบญจธาตุธรรมดาๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเทพเบญจธาตุขั้นสูงทั้งสิ้น!

 

  แม้จะเป็นตัวมันเอง ยังบังเกิดความโลภไม่น้อย

 

  เพียงแต่มันรู้ตัวดี ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่อะไรที่ตัวมันจะมีวาสนาครอบครอง และดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันก็ตระหนักได้ชัดเจน หากยังคิดหวังในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัว ก็คงมีแต่ร้ายมากกว่าดี

 

  “เช่นนั้นก็ดี”

 

  หวู่หงชิงพยักหน้า “วันหน้าหากข้าสามารถคว้าเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ของมันมาได้สำเร็จ ข้าอาจพิจารณามอบ ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ให้ท่าน…และถึงตอนนั้นท่านก็สามารถมายังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักเพื่อรับตำแหน่งรองจ้าววิหารได้”

 

  “เช่นนั้นอาตมาขอขอบคุณจ้าววิหารหวู่ล่วงหน้า”

 

  ยูไลเร่งกล่าวขอบคุณหวู่หงชิงทันที แต่มันรู้ดีว่าความปรารถนาของหวู่หงชิงนั้น เห็นทีคงยากจะสำเร็จ

 

  มันเป็นถึงตถาคตแห่งพุทธ ย่อมเชื่อในเรื่องบุญกรรมและโชคชะตาวาสนากว่าใคร

 

  ต้วนหลิงเทียนสามารถผ่านพ้นอุปสรรคมาจนมีวันนี้ได้ กระทั่งสามารถรอดพ้นจากสถานการณ์ที่มีแต่ตายกับตายก่อนหน้าไปได้อย่างมหัศจรรย์ แสดงว่าเป็นผู้ที่โชคชะตากล้าแข็งทั้งบุญพาวาสนาส่ง ต่อให้จะเป็นวิหารเฟิงฮ่าว ก็เกรงว่ายากจะหยุดขวางเส้นทางอันยิ่งใหญ่ของต้วนหลิงเทียนได้

 

  กระทั่งตอนนี้มันยังตัดสินในใจไปแล้ว…

 

  มันที่ได้ครอบครองร่างกายของตัวเองอีกครั้ง ให้ตายก็ไม่มีวันเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนแน่นอน กระทั่งหากต้วนหลิงเทียนจะมาหาความมันเพราะเรื่องที่หมี่เยี่ยนกระทำไว้ มันก็จะไม่ถือโทษโกรธเคือง

 

  “จ้าววิหารหวู่ เมื่อมิมีใดแล้ว เช่นนั้นอาตมาขอตัวลา”

 

  ยูไลอำลาหวู่หงชิง ก่อนที่จะจากไป

 

  ในขณะที่ยูไลกับหวู่หงชิงออกจากระนาบเหยียนหวงคล้อยหลังหมี่ซวน ด้านต้วนหลิงเทียนที่ได้รับความช่วยเหลือจากเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ก็มาถึงระนาบโลกียะที่เขาไม่คุ้นเคยอย่างราบรื่น…