ตอนที่ 2731 ต้องรักษาระยะห่าง
เหมยเหมยคิดไม่ตกจริงๆ ต่อให้ฐานะยากจนข้นแค้นมากแค่ไหนอย่างน้อยก็ต้องมีเสื้อผ้าสวมใส่สิ นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังอยู่ในเมืองหลวงอีกต่างหาก ยังมีใครเป็นผีชีเปลือยไม่ใส่เสื้อผ้ากัน?
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดด้วยท่าทีเกินจริงว่า “ฉันจะบอกเธอให้ว่าไม่มีเสื้อผ้าใส่จริง ๆ ฉันเห็นเสื้อผ้าที่หล่อนเอามาคิดไม่ถึงว่าตอนนี้ยังมีคนที่ใส่เสื้อผ้าปักเย็บเข้ากันทีละชิ้นแบบนี้อยู่อีก จุ๊ ๆ…ครอบครัวฉันมีหน้ามีตาใส่เสื้อเป็นปักเย็บแบบนั้นไม่เข้าท่าเอาเสียเลย”
“เธอเลยซื้อเสื้อแบรนด์ให้เขางั้นเหรอ? ฉันว่าปกติเธอก็ใช้ชีวิตเก่งนี่ ทำไมตอนนี้ถึงได้ใจกว้างเกินเหตุแบบนี้ล่ะ? เธอซื้อเสื้อมีคุณภาพหน่อยก็ได้นี่นา ไม่เห็นจำเป็นต้องซื้อเสื้อมียี่ห้อให้เลย”
เหมยเหมยยอมใจคุณหนูใหญ่ท่านนี้จริง ๆ เธอไม่ได้ขัดอะไรหรอกแต่เธอมักคิดเสมอว่าระหว่างเจ้าบ้านกับแม่บ้านต้องรักษาระยะห่างไว้หน่อยจะดีกว่า!
แม่บ้านอะไรสนิทสนมกับเจ้าบ้านอย่างกับคนในครอบครัวเดียวกัน…เธอไม่ค่อยเชื่อใจจริง ๆ ตอนนี้เรียกแม่บ้านความจริงก็จ้างมาเพื่อทำงานบ้านนั่นแหละ คุณจ่ายเงินให้อีกฝ่ายทำงาน ขณะที่เจ้าบ้านเองก็ไม่ควรค้างจ่ายเขาด้วย แน่นอนว่าให้เงินโบนัสตามความเหมาะสมได้ซึ่งขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเจ้าบ้าน นอกจากนี้ก็อย่าเอารัดเอาเปรียบแม่บ้านแต่ก็ต้องรักษาระยะห่างอย่างที่ควรมีด้วย!
คิดว่าใช้ชีวิตอยู่ในวรรณกรรมความฝันในหอแดงที่มีการแบ่งระดับคนรับใช้ออกเป็นหลายระดับงั้นหรือ!
สาวรับใช้คนโตอย่างฉิงเหวินสี[1]แต่งตัวในชุดราคาแพงกว่าหญิงสาวชาวบ้านทั่วไป แถมยังมีสาวรับใช้ประจำตัวคอยปรนนิบัติอีกต่างหาก แต่นั่นมันสังคมยุคชนชั้นวรรณะ อีกอย่างฉิงเหวินสีก็ไม่นับว่าเป็นสาวรับใช้ เขาเป็นถึงอี๋เหนียง[2]ที่คุณชายเตรียมไว้ต่างหาก ถือว่าเป็นเจ้าของบ้านครึ่งหนึ่งในอนาคตแล้ว!
เสื้อผ้าที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนซื้อให้พี่ฮวาไม่ใช่ราคาถูก ๆ ทั้งชุดรวม ๆกันประมาณสามถึงสี่พันหยวน นี่มากกว่าเงินเดือนของพี่ฮวาอีกหรือเปล่า?
“ก็ไม่แพงมากนี่นา ฉันเลือกตัวที่ถูกที่สุดแล้ว เสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋ารวม ๆไม่ถึงห้าพัน เธอก็รู้ว่าเสื้อตัวเดียวของฉันไม่ใช่แค่ห้าพันนะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทำท่าไม่ใส่ใจ
ตั้งแต่พ่อของเธอประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ มีเสื้อผ้าตัวไหนของเธอที่ราคาต่ำกว่าหนึ่งพันหยวนบ้าง?
“แล้วเธอจ่ายเงินเดือนให้พี่ฮวาเท่าไร?” เหมยเหมยถามด้วยความโกรธ
“อยู่ฟรีกินฟรีเดือนละหนึ่งพัน ปีใหม่ก็จะให้ซองแดงอีก” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอก
“ฉันเดาว่าซองแดงที่เธอจะให้ก็ไม่ใช่น้อย ๆสินะ?” เหมยเหมยเอ่ยอย่างไม่พอใจเท่าไร
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะร่วน “ฉันกะจะให้เยอะหน่อย คราวก่อนพี่ฮวาบอกอยากกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิด แต่งงานสิบกว่าปีมาเธอไม่เคยได้กลับบ้านเกิดเลยสักครั้งเดียว ต้องเอาเงินกลับไปดูแลคุณพ่อคุณแม่”
เหมยเหมยขมวดคิ้วอีกทีแล้วพูดประชดว่า “เธอพาพ่อแม่เขามาดูแลด้วยกันเลยสิ!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฟังออกถึงน้ำเสียงประชดประชันของเธอเลยพูดยิ้ม ๆว่า “ไม่หรอกน่า ฉันแค่สงสารพี่ฮวานี่นา วางใจเถอะ ฉันรู้ขอบเขตดี!”
“เอาเถอะ…เงินของเธออยากใช้ยังไงก็ใช้ไป แต่ฉันขอเตือนเธอไว้คำหนึ่งช่วยเหลือในยามลำบากคือบุญคุณ พอหยุดให้ความช่วยเหลือไปเขาจะแค้นเธอได้ บนโลกนี้มีคนลำบากอยู่มากมาย เราช่วยเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด พยายามเท่าที่ทำได้ก็พอ!”
เหมยเหมยไม่ได้เตือนอะไรมากไปกว่านั้น ประเด็นคือเธอก็ไม่ได้เก็บมาคิดมากเท่าไรนัก ขอเพียงพี่ฮวาตั้งใจทำงานไม่มีปัญหาด้านพฤติกรรม จ่ายมากหน่อยไม่ใช่เรื่องนักหนาอะไร กลัวก็แต่จะเป็นการเลี้ยงเสียข้าวสุกมากกว่า!
“รู้แล้วละน่า…ฉันยังต้องให้เธอมาสอนเรื่องพวกนี้อีกเหรอ…เธอรีบไปจ่ายเงินเถอะ ฉันจะไปเล่นกับลูกสาวฉันแล้ว!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ่งไม่ได้เก็บมาคิดมากอะไร เงินแค่ไม่กี่พันเท่านั้นเอง เธอเลี้ยงข้าวใครสักคนก็ราคาประมาณนี้ ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรมากจริง ๆ!
เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอแล้วเดินไปหยิกแก้มนันนันทีหนึ่ง เธอมองพี่ฮวาอีกแวบหนึ่ง พี่ฮวารีบฉีกยิ้มให้แล้วบิดมือไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งอุ้มนันนันขึ้นมาโทรศัพท์ในกระเป๋าก็แผดเสียงดังขึ้น เธอรีบส่งนันนันไปให้พี่ฮวาแล้วกดรับสาย จากนั้นสีหน้าก็ดูแย่ลงในทันที
…………………………………….
ตอนที่ 2732 เรือนหอและสินสอด
เดิมทีเหมยเหมยจะกลับไปแล้วแต่เห็นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสีหน้าย่ำแย่เลยถามด้วยความแปลกใจว่า “ใครโทรมาเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?”
“ฉีฉีเก๋อ…เธอรู้ไหมว่าตอนนี้หล่อนอยู่กับใคร?” เหริ่นเชียนเชี่ยนเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า
“ฉันจะรู้ได้อย่างไรคงไม่ใช่เฝิงอวี้หรอกนะ?” เหมยเหมยเองก็ไม่ได้เดาซี้ซั้ว ฉีฉีเก๋อกับเฝิงอวี้บ้านอยู่ไกลกันไม่มาก ฉะนั้นพวกเธอสองคนจึงมักจะไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ
“ใช่ ฉีฉีเก๋อเพิ่งออกมาจากบ้านเฝิงอวี้ โอ๊ย…ฉันโกรธจะตายอยู่แล้ว ทำไมบนโลกนี้ถึงมีพ่อแม่แบบนั้นได้นะ? เกินไปจริง ๆ…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหแทบแย่แล้วก็ฉุดแขนเหมยเหมยให้กลับไปนั่งที่เดิม เธอมีบางสิ่งที่จะต้องพูดออกมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอต้องอัดอั้นใจจนตายแน่นอน
“อย่ามัวแต่พูดไร้สาระเลย รีบ ๆพูดมา!”
เหมยเหมยก็พอจะเดาได้ว่าคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของเฝิงอวี้ มิน่าหลายวันก่อนเหยียนหมิงซุ่นบอกว่าเรื่องของเฝิงอวี้ยังต้องวุ่นวายอีก เขาเดาไม่ผิดเลยจริง ๆ
“ตอนนี้เฝิงอวี้มีบ้านอยู่สองหลังใช่ไหมล่ะ หลังหนึ่งสองแม่ลูกอยู่แล้วปล่อยเช่าอีกหลัง ทั้งยังมีเงินเก็บในบัญชีอีกไม่น้อย ฉีฉีเก๋อเลยเกลี้ยกล่อมให้เฝิงอวื้ซื้อบ้านอีกหลัง จากนั้นให้เธอขายหุ้นออกไปเปลี่ยนมาซื้อบ้านแทน!”
เหมยเหมยฟังแล้วได้แต่ขำ สุดท้ายฉีฉีเก๋อก็เชื่อฟังเธออยู่ดี เธอบอกเพื่อนอยู่ทุกวันว่าเก็บเงินมากแค่ไหนก็ไม่สู้เอาไปซื้อบ้าน สองคนนี้ก็ฟังเข้าหูอยู่เหมือนกัน
แน่นอนว่าความจริงก็เป็นเช่นนั้น ราคาบ้านในเมืองหลวงพุ่งสูงเร็วอย่างกับจรวด ตอนนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพิ่งเริ่มต้น เงินสองแสนซื้อบ้านหลังงามได้แต่อีกสิบปีข้างหน้าเงินสองแสนไม่พอซื้อกระทั่งห้องน้ำด้วยซ้ำ
หุ้นหรือกองทุนรวมตราสารหนี้อะไรพวกนั้น…สู้ซื้อบ้านไม่ได้สักอย่าง มีเงินไม่ซื้อบ้านแล้วจะมีไว้ทำอะไร!
“แล้วเฝิงอวี้ซื้อหรือยัง? เงินที่หล่อนมีน่าจะพอซื้อบ้านหลังดี ๆได้เลยนี่นา” เหมยเหมยถาม
“เฝิงอวี้หวั่นไหวแล้ว เพิ่งขายหุ้นได้เตรียมไปดูบ้านกับฉีฉีเก๋อแม่ของหล่อนก็มา โอ๊ย…ว่าแล้วฉันก็โมโห เธอรู้ไหมว่าแม่ของหล่อนพูดอะไร?”
“เธออย่ามัวแต่พูดไร้สาระได้ไหม รีบเข้าประเด็นได้แล้ว!” เหมยเหมยชักรำคาญ เธอจะรู้ได้อย่างไร เธอไม่ได้อยู่ด้วยสักหน่อย
“เฝิงอวี้มีน้องชายคนหนึ่งที่อายุไม่น้อยไม่ใช่เหรอ แม่ของหล่อนให้เฝิงอวี้ซื้อบ้านหลังใหญ่ให้น้องชายแล้วให้เงินอีกหนึ่งแสน บอกว่าหาคู่หมั้นหมายที่ดีให้น้องชายได้แล้ว แต่อีกฝ่ายยื่นข้อเสนอว่าต้องมีเรือนหอหนึ่งหลังกับเงินสินสอดหนึ่งแสน…”
เหมยเหมยเลิกคิ้ว น้องชายแต่งงานกลับให้พี่สาวออกเงินค่าเรือนหอกับสินสอด ไม่มีที่ไหนมีกฎแบบนี้หรือเปล่า!
“เฝิงอวี้ไม่ได้รับปากไปใช่ไหม?”
“ไม่อยู่แล้ว เฝิงอวี้ไม่ได้น้ำเข้าสมองสักหน่อย ปรากฏว่าแม่ของเธอก็ตามเธอและฉีฉีเก๋อไปตลอดทาง ทั้งคุกเข่าทั้งกราบกรานจนจราจรติดขัดไปทั้งสาย ฉีฉีเก๋อบอกว่าโชคดีที่มีตำรวจจราจร ไม่งั้นคงติดกันจนถึงดึก ๆนู้นเลย!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงโมโห แค่เธอไม่ได้อยู่ด้วยเท่านั้นแหละ ถ้าเป็นเธอจะต้องด่ายายแก่นั่นจนมุดกลับเข้ารูไปเลย!
รวมถึงน้องชายของเฝิงอวี้ด้วยอีกคน ไม่มีความสามารถก็อยู่โสดไปตลอดชีวิตสิ แต่งงานหาเมียทั้งทียังต้องให้พี่สาวเป็นคนซื้อบ้านจ่ายค่าสินสอดให้ เป็นคนไม่เอาถ่านชนิดที่สุนัขตัวเมียยังไม่เข้าตาด้วยซ้ำ!
“เรื่องนี้เธออย่าไปยุ่งด้วยเลย ให้เฝิงอวี้จัดการเอง เรื่องภายในครอบครัวคนอื่นเราจะไปยุ่งด้วยไม่ได้ เธอโทรบอกฉีฉีเก๋อว่าให้หล่อนอย่าไปยุ่งด้วยอีกคน” เหมยเหมยพูดเตือน
เขาเป็นแม่ลูกแท้ ๆกัน เรื่องภายในครอบครัวแบบนี้ไม่สะดวกที่จะสอดมือเข้าไปยุ่งด้วย ถ้าจบไม่สวยก็อาจล่วงเกินทั้งสองฝ่ายได้ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องสาหัสอะไร ถ้าไม่อันตรายถึงชีวิตก็ให้เฝิงอวี้ค่อย ๆจัดการเองเถอะ!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนค่อนข้างเชื่อฟังพอสมควรเลยโทรหาฉีฉีเก๋อทันที เหมยเหมยถึงกลับไปอย่างสบายใจ ก่อนกลับเธอเหลือบมองพี่ฮวาแวบหนึ่ง พอเห็นสีหน้าขมขื่นอมทุกข์เธอเลยอดมุ่นคิ้วน้อย ๆไม่ได้
ไว้วันหลังจะลองไปสืบเรื่องของพี่ฮวาอีกที วัน ๆเอาแต่ทำหน้าอมทุกข์เลยรู้สึกแปลก ๆอย่างบอกไม่ถูก!
……………………..
[1] สาวใช้คนหนึ่งในวรรณกรรมเรื่องความฝันในหอแดง
[2] อี๋เหนียง ตำแหน่งและคำเรียกอนุภรรยาในสมัยก่อน