ตอนที่ 3545

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3545 : ใจหมี่ชวนที่เปลี่ยนไป

 

โดยปกติแล้วสำหรับคนเผ่าพันธุ์ภูตนั้น ด่านพลังราชาเทพขั้นสูง ก็ถือเป็นจุดสูงสุดของพวกมัน

  

อย่างไรก็ตาม ในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์ภูต ก็มีคนของเผ่าพันธุ์ภูตบางคนที่พบเจอโชควาสนาเลิศล้ำ แม้พรสวรรค์และศักยภาพไม่ได้สูงล้ำอะไรมากนัก แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จในการทะลวงข้ามขอบเขตราชาเทพขั้นสูงจนบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้

  

และพอระดับจิตวิญญาณของพวกมันบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันเทพ…

  

พวกมันพลันพบว่า…

  

พวกมันสามารถติดตามตำแหน่งของใครก็ตามได้ โดยอาศัยแค่ร่องรอยวิญญาณที่ประทับไว้ในลูกแก้ววิญญาณเท่านั้น!

  

ด้วยเหตุนี้จึงมีขุมพลังระดับสูงๆในระนาบเทพมากมายที่มาเยือนโลกแห่งความตาย เพื่อจ้างวานแม้กระทั่งจับตัวไป หมายบีบบังคับให้ตัวตนระดับจอมราชันเทพของเผ่าภูตมาทำงานตามหาคนให้ เพราะเผ่าพันธุ์ภูตเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากเข็มทิศที่ดีที่สุดในการตามล่าคนที่หลบซ่อนตัว!

  

ดังนั้นเมื่อสมาชิกคนใดของเผ่าพันธุ์ภูตบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันเทพ ส่วนใหญ่พวกมันก็จะปกปิดระดับพลังฝึกปรือ หรือไม่ก็ออกจากเผ่าพันธุ์ภูตไปซ่อนตัวอยู่ด้านนอก

  

เพราะบางครั้งก็มีขุมกำลังระดับสูงจากระนาบเทพที่คิดประกอบการค้าไร้ต้นทุน หมายจับตัวคนของเผ่าพันธุ์ภูตที่บรรลุถึงขอบเขตพลังจอมราชันเทพเพื่อไปประมูลขาย ให้คนที่ต้องการใช้ความสามารถในการตามรอยวิญญาณอันเลิศล้ำดังกล่าว

  

เผ่าพันธุ์ภูตภายในโลกแห่งความตายก็เป็นแค่เผ่าพันธุ์เล็กๆในสายตาของมหาอำนาจในระนาบเทพเท่านั้น แน่นอนว่าพวกมันไม่มีปัญญาจะต่อต้านแข็งขืนมหาอำนาจที่ว่าได้เลย

  

“ฟงชิงหยาง ข้าล่ะอยากจะรู้นัก! ว่าเจ้าจะสามารถหดหัวอยู่ในนรกอสุราได้นานแค่ไหน!!”

  

สุดท้ายหมี่ซวนก็ได้แต่ออกจากระนาบอิสระที่ตั้งนรกอสุรา กลับไปยังระนาบเทวโลก จากนั้นก็เดินทางกลับเผ่าภูตในโลกแห่งความตาย

  

‘แต่หากมันทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นกลาง ทว่าข้ายังไม่อาจบรรลุถึงราชาเทพขั้นสูง ถึงตอนนั้นต่อให้ข้าจะตามล่าตัวมันจนเจอ แต่เกรงว่าข้าคงไม่อาจฆ่ามันได้…’

  

พอคิดถึงจุดนี้ ในใจหมี่ซวนก็รู้สึกหนักอึ้งนัก

  

เดิมทีมันคิดว่าการย้อนกลับมายังเผ่าภูต จะทำให้มันอารมณ์ดีขึ้นบ้าง

  

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หมี่ซวนคิดไม่ถึงก็คือ หลังจากมันกลับบมาถึงหน้าทางเข้าเผ่าภูตแล้ว กลับปรากฏร่างอาวุโสเผ่าภูตอันทรงพลังมาขวางมันเอาไว้ 2 คน

  

ฉากดังกล่าวทำให้หมี่ซวนอดไม่ได้ที่จะงุนงง “อาวุโสหมี่เฉิน อาวุโสหมี่เยว่…พวกท่านกำลังทำอะไร?”

  

ผู้ที่ปรากฏตัวออกมาขัดขวางหมี่ซวนก็ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นถึงอาวุโสระดับสูงที่บรรลุถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงแล้ว ไม่ว่าใครก็ล้วนแข็งแกร่งกว่าหมี่ซวนทั้งสิ้น! เช่นนั้นหากทั้ง 2 คิดฆ่าหมี่ซวนจริง ต่อให้มีหมี่ซวนร้อยคนก็ไม่อาจหลีกหนีความตายได้พ้น!!

  

“หมี่ซวน บัดนี้เจ้าได้ถูกขับออกจากเผ่าภูตของพวกเราแล้ว”

  

หมี่เฉินเอ่ยออกเสียงเรียบ

  

“ข้า? ถูกขับออกจากเผ่าภูต?”

  

ได้ยินดังกล่าว หมี่ซวนก็ถึงกับผงะไปทันที สีหน้ายังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง สิ่งแรกที่มันนึกถึงก็คือฟงชิงหยางเป็นคนทำ เพราะฟงชิงหยางเองก็สมควรรู้กฏของเผ่าภูตดี เช่นนั้นไม่พ้นอีกฝ่ายต้องโร่มาแจ้งให้เผ่าภูตรับทราบเรื่องหมี่เยี่ยนแล้วเป็นแน่ และน่ากลัวว่าเรื่องที่มันช่วยหมี่เยี่ยนปล้นร่างมนุษย์คงแดงขึ้นมาแล้ว!!

  

“อาวุโสหมี่เฉิน ไม่ทราบพวกท่านขับไล่ข้าออกจากเผ่าด้วยเหตุผลอันใด?”

  

หลังหน้าหมี่ซวนเปลี่ยนสีไปครู่หนึ่ง มันก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์และเอ่ยถามออกมาเสียงหนัก

  

“หมี่ซวน เจ้าไปสุมหัวกับหมี่เยี่ยนทำเรื่องอันใดมา ตัวเจ้าคงรู้ดีแก่ใจกระมัง?”

  

แววตาของหมี่เฉินเยียบเย็นลง น้ำเสียงยังอึมครึมไม่น้อย

  

ได้ยินคำพูดของหมี่เฉิน หมี่ซวน ก็รู้ดีว่าเรื่องที่มันกังวลที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว ฟงชิงหยางบัดซบนั่น! โร่มาแจ้งให้เผ่าภูตรับทราบเรื่องงามหน้าของมันกับหมี่เยี่ยนแล้วจริงๆ!!

  

หากไม่ใช่ด้วยสาเหตุนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่อาวุโสทั้ง 2 จะออกมาขวางมันหน้าทางเข้าเผ่า และประกาศเรื่องขับไล่มันออกมาแบบนี้

  

“อาวุโสหมี่เฉิน อาวุโสหมี่เยว่”

  

ร่างวิญญาณของหมี่ซวนวูบไหวปานเปลวเทียนต้องล้ม ไอพลังวิญญาณเริ่มแผ่ซ่านออกมาอย่างพลุ่งพล่าน “ที่แท้นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ถึงพวกท่านจะขับไล่ข้าออกจากเผ่าภูต ก็ไม่ใช่ว่าอย่างน้อยๆพวกท่านต้องชี้แจงเหตุผลให้ข้าทราบหรือไร!?”

  

พอหมี่ซวนพูดจบคำ หมี่เยว่ที่เงียบมาตลอด ก็มองงจ้องหมี่ซวนครู่หนึ่งค่อยส่ายหน้าไปมาพลางกล่าว “หมี่ซวนเอย มาถึงตอนนี้แล้วเจ้ามิต้องเสแสร้งแสดงทำเป็นฮึดฮัดไม่รู้เรื่องอีกเลย…”

  

“ถึงแม้เรื่องที่หมี่เยี่ยนยึดร่างของผู้อื่นจะเป็นแค่การครอบครองร่างชั่วคราวมิได้ยึดร่างผู้อื่นถาวร แต่สิ่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเพิกเฉยกฏเหล็กในเผ่าภูตเรา ไม่เห็นหัวพวกเราอยู่ในสายตา…เจ้าไม่เพียงแต่จะชี้ทางสว่างให้น้องชายเจ้า แต่ยังไปเห็นดีเห็นงามกับมัน ให้ท้ายมันมันเพื่อชิงร่างผู้อื่นเขา!!”

  

กล่าวถึงจุดนี้น้ำเสียงของหมี่เยว่ก็เย็นลงปานจะแช่แข็งผู้คน “เพื่อเห็นแก่น้องชาย เจ้าที่เป็นถึงผู้นำเผ่ากลับไม่รู้จักแยกแยกแยะผิดชอบชัวดี! เจ้าไม่คู่ควรเป็นผู้นำเผ่าภูตเรา ยังไม่คู่ควรเป็นคนของเผ่าภูตเราด้วยซ้ำ!!”

  

“ผู้ใด!? เป็นผู้ใดมันใส่ร้ายป้ายสีข้าให้มีมลทินเช่นนี้?!”

  

หมี่ซวนเอ่ยถามเสียงหนัก ใส่อารมณ์เสมือนคนของขึ้นนัก หากเป็นคนที่ไม่รู้เกรงว่าจะคิดว่ามันโดนคนใส่ร้ายป้ายสีมาจริงๆ

  

“มีหลักฐานหรือไม่? หลักฐานเล่าอยู่ที่ใด!?”

  

ถึงแม้ว่าหมี่ซวนจะรู้ดีว่าการที่เผ่าภูตถึงขั้นขับไล่มันออกจากเผ่าก่อนที่มันจะกลับมาแบบนี้ ไม่พ้นต้องมีหลักฐานแล้วแน่นอน แต่มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามให้รู้ชัด

  

เรียกว่าต่อให้ต้อง ‘ตาย’ ก็ให้มันตายคาที่ไปเลย!

  

“เจ้าต้องการหลักฐาน?”

  

หมี่เยว่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ก็เลือกจะสะบัดมือเรียกลูกแก้วเงาลอยให้ออกมาผุดโผล่เบื้องหน้า จากนั้นก็ถ่ายพลังให้ภาพเรื่องราวฉายขึ้นชัดๆ

  

จากนั้นภาพเรื่องราว ในช่วงเวลาที่หมี่เยี่ยนต้องการยึดร่างต้วนหลิงเทียนที่วิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก รวมถึงเรื่องราวตอนที่หมี่ซวนลงมือกับฟงชิงหยางเพื่อช่วยหมี่เยี่ยนก็ฉายออกมาหมดสิ้น

  

ไม่ใช่แค่ภาพเท่านั้น ยังมีเสียงอีกด้วย!

  

“เจ้าคงมิได้กำลังคิดจะบอกข้าว่า…นี่เป็นลูกแก้วเงาลอยของปลอมที่สร้างขึ้นมาอยู่กระมัง?”

  

ใบหน้าของหมี่เยว่ยิ่งมายิ่งฉายชัดถึงความเย้ยหยัน “อะไร? หรือเจ้ากำลังคิดจะพูดว่ามันเป็นของปลอมจริงๆ?”

  

หากจะถามว่าหมี่ซวนคิดจะโพล่งออกมาว่าลูกแก้วเงาลอยเบื้องหน้าเป็นของปลอมไหมน่ะหรือ?

  

แน่นอนว่าไม่!

  

หากลูกแก้วเงาลอยเบื้องหน้าเป็นของปลอม อย่าว่าแต่อาวุโสทั้ง 2 เบื้องหน้าเลย กระทั่งตัวมันเองก็คงรู้ได้ทันที…

  

“ท่านผู้อาวุโสทั้ง 2…”

  

เมื่อจำนนด้วยหลักฐานแล้ว น้ำเสียงของหมี่ซวนก็อ่อนยวบลงทันที “หมี่เยี่ยนน้องชายข้าตกตายไปแล้ว เช่นนั้นให้เรื่องราวมันจบลงเพียงเท่านี้ดีหรือไม่? ในเผ่าพันธ์ภูต คนที่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ในรุ่นนี้ ก็ไม่น่าจะมีใครเหมาะขึ้นเป็นผู้นำเผ่ามากกว่าข้ามิใช่หรือ?”

  

“พวกท่านให้โอกาสข้าสักครั้งเป็นไร แล้วข้าจะพยายามนำพาเผ่าพันธุ์ภูตเราให้รุ่งโรจน์ขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!”

  

หมี่ซวนไม่เพียงแต่จะไม่ต้องการออกจากเผ่าพันธุ์ภูตเท่านั้น แต่มันยังคิดจะกลับไปเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์ภูตเหมือนเดิมอีกด้วย

  

“หมี่ซวน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเด็กกำลังเล่นขายของอยู่หรือ?”

  

หมี่เยว่กล่าวเย้ยเยาะ “เรื่องเจ้าถูกขับไล่ออกจากเผ่าภูต ได้ถูกประกาศออกไปให้ทราบกันทั้งเผ่าแล้ว แต่นี้ต่อไปเผ่าภูตเราไม่ต้อนรับเจ้าอีก หากเจ้าหาญกล้าใช้กำลังบุกเข้ามา พวกเราก็พร้อมจะใช้กำลังขับไล่เจ้า…นอกจากนั้นเมื่อเจ้าออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว ถ้าเจ้ากล้าไปช่วงชิงร่างกายผู้อื่นเขา เผ่าภูตเรายังจะทำตามกฏเผ่า ส่งคนออกไปไล่ฆ่าเจ้าทันที!”

  

“เจ้าดูแลตัวเองเถอะ”

  

หลังกล่าวจบคำ หมี่เยว่ก็ผายมือทำนองส่งแขก “เชิญ”

  

ขณะที่หมี่ซวนจากเผ่าพันธุ์ภูตมา ใจมันโหวงเหวงรู้สึกว่างเปล่าไร้ทิศทางนัก มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าการออกจากเผ่าภูตครั้งแรกของมัน จะเป็นการออกจากเผ่าพันธุ์ภูตตลอดกาล…

  

เผ่าพันธุ์ภูตขับไล่มันแล้ว…

  

มันผิดนักหรือ?

  

ก็ใช่ที่มันผิด ตัวมันเองก็ยอมรับ!

  

แต่จำเป็นต้องลงโทษกันรุนแรงขนาดนี้เชียวหรือ?

  

ตัวมันหมี่ซวน แต่ต้นจนจบก็ไม่คิดว่าการยึดร่างผู้อื่นจะเป็นเรื่องที่ถูก แต่เพราะเห็นแก่หมี่เยี่ยนที่เป็นน้องชาย มันก็ช่วยเหลืออีกฝ่ายสักครั้ง

  

นอกจากนั้นมันก็ได้บอกกับหมี่เยี่ยนแล้ว ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มันช่วยเหลืออีกฝ่ายเพราะเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง

  

ตลอดเวลามันไม่เคยลืมเลยสักครั้งว่ามันเป็นคนของเผ่าพันธุ์ภูต ทั้งเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์ภูต

  

แต่สุดท้ายมันได้อะไรเล่า?

  

เผ่าพันธุ์ภูตปลดมันออกจากตำแหน่งผู้นำไม่พอ ยังขับไล่มันออกจากเผ่าเยี่ยงสุนัข!

  

“ประเสริฐ ประเสริฐ! ประเสริฐนัก!! ในเมื่อพวกเจ้าคิดว่าข้าผิดมาก เช่นนั้นข้าหมี่ซวนก็จะผิดให้ดู!!”

  

“ข้าหมี่ซวนจักชิงร่างผู้คน หลังจากนั้นจักย้อนกลับไปเผ่าภูต และกลืนกินพวกเจ้าเสียให้หมด เพื่อทะลวงไปยังขอบเขตจอมราชันเทพ!!”

  

“ถึงตอนนั้นแม้ฟงชิงหยางจักหดหัวอยู่ในนรกอสุราไม่ออกมา แต่สำหรับข้าก็เหมือนไก่ที่หนีไปซ่อนในเล้า!”

  

หลังออกจากเผ่าพันธุ์ภูตมาไม่นาน หมี่ซวนที่แลดูซึมเซาบัดนี้สภาวะทั่วร่างของมันก็ไม่หลงเหลือความซึมเซาทดท้ออะไรอีก ยังเปี่ยมล้นไปด้วยความฮึกเหิมอันแรงกล้า!

  

“ตอนนี้ข้าอยากได้ร่างผู้คน!”

  

“ถึงร่างต้วนหลิงเทียนนั่นจะดี แต่ก็พิกลนัก น้องเยี่ยนกลับตกตายขณะชิงร่างมัน…นอกจากนั้นข้ายังอยากจะสับร่างมันให้แหลกเป็นหมื่นๆชิ้น เช่นนั้นก็ตัดเรื่องชิงร่างมันออกไปได้เลย!”

  

หลังออกจากโลกแห่งความตายจนมาถึงระนาบเทวโลกแล้ว หมี่ซวนก็กล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ

  

ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ยินคำพูดหมี่ซวน หาไม่แล้วเขาคงได้ขบขันเป็นแน่

  

หลังเกิดเรื่องทั้งหมดขึ้น หมี่ซวนผู้นี้คิดว่าจะจับตัวเขาได้ ก็จับเขาได้ง่ายๆหรือ?

  

ฝันละเมอของตัวโง่งม!

  

“ไปหาหวู่หงชิงก่อนดีกว่า…มันในเมื่อเป็นถึงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก เช่นนั้นต้องมีเป้าหมายประเสริฐให้ข้าชิงร่างแน่…”

  

สุดท้ายหมี่ซวนก็เดินทางไปยังวิหารเฟิงฮ่าวของระนาบเทวโลกที่มันอยู่

  

เมื่อมันเดินทางมาถึงวิหารเฟิงฮ่าวสาขาระนาบเทวโลกแห่งนี้ มันก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง บุกเข้าไปหาจ้าววิหารสาขา ก่อนจะแรงกดดันพลังอันน่ากลัวออกมา ทำให้จ้าววิหารสาขาไม่กล้าละเลยมัน และติดต่อไปยังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักทันที

  

ไม่นานนักหมี่ซวนก็ได้พบเจอ หวู่หงชิง จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักอีกครั้ง

  

“ราชาเทพหมี่ซวน ไม่ทราบท่านมาหาข้าเพราะมีเหตุอันใดหรือ?”

  

หวู่หงชิง พอพบเจอหมี่ซวนอีกครั้งก็เอ่ยถามออกมาตรงๆ

  

ขณะมองไปยังหวู่หงชิง สองตาของหมี่ซวนก็ฉายแววแห่งความโลภขึ้นมาอยู่บ้าง เพราะถ้าเป็นไปได้มันก็คิดจะช่วงชิงร่างหวู่หงชิงเบื้องหน้าเสีย สุดท้ายแล้วหากได้ร่างหวู่หงชิงมา วิหารเฟิงฮ่าวทั้งหมดก็ไม่ต่างอะไรจากสวนหลังบ้านของมันทันที

  

อย่างไรก็ตาม มันเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ทำได้แค่คิดเท่านั้น

  

หากคิดจะจัดการชิงร่างผู้อื่นเพื่อให้ได้รับทุกสิ่งทุกอย่างของอีกฝ่ายมา ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายต้องไม่เหนือไปกว่ามันมากนัก

  

อย่างเช่นน้องชายมันหมี่เยี่ยน ในฐานะที่เป็นเทพขั้นต่ำ กระทั่งคิดจะยึดร่างของยูไลในอดีตยังทำได้ไม่สมบูรณ์ ทำได้เพียงครอบงำใช้ร่างเฉยๆเท่านั้น…หากตอนนั้นหมี่เยี่ยนเป็นเทพขั้นกลางแล้ว คงต้องยึดร่างได้สำเร็จแน่นอน

  

เพียงแค่เทพขั้นต่ำกับจักรพรรรดิอมตะ 10 ทิศ ยังมีความแตกต่างกันไม่มากพอ ทำให้ล้มเหลว

  

และช่องว่างระหว่างมันกับหวู่หงชิงก็น้อยกว่าเสียอีก

  

หากมันคิดจะช่วงชิงร่างหวู่หงชิง กระทั่งเป็นราชาเทพขั้นสูงแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้สำเร็จ

  

สำหรับตอนนี้อย่าว่าแต่ชิงร่างหวู่หงชิงได้อย่างสมบูรณ์เลย ต่อให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งเพียงครึ่งเดียวของหวู่หงชิง แต่เรื่องชิงร่างให้ได้โดยสมบูรณ์ยังเป็นไปไม่ได้

  

เช่นนั้นมันก็ได้แต่ปัดความคิดชิงร่างหวู่หงชิงออกไปเท่านั้น

  

“ข้าต้องการหาผู้คนที่เป็นอัจฉริยะเพื่อยึดร่าง…วิหารเฟิงฮ่าวของท่านมีประวัติศาสตร์ยาวนาน เครือข่ายข่าวสารย่อมกว้างขวางและกระจายอยู่ทั่วระนาบเทวโลก เช่นนั้นจะให้ข้อมูลข้าเรื่องนี้คงไม่ยากกระมัง?”

  

หมี่ซวนก็เปิดประตูเห็นภูผากล่าวเจตนาการมาของตัวเองทันที

  

และคำพูดของหมี่ซวนย่อมทำให้หวู่หงชิงตกใจอยู่บ้าง “ราชาเทพหมี่ซวน ดูจากท่าทีก่อนหน้าของท่าน เหมือนจะไม่ได้เห็นดีด้วยกับเรื่องยึดร่างผู้อื่นกระมัง? ไฉนตอนนี้…ท่านถึงได้แลดูสนใจเรื่องยึดร่างผู้คนขึ้นมาได้เล่า?”

  

ในสายตาของหวู่หงชิง หากหมี่ซวนคิดจะยึดร่างผู้คนแต่แรก เช่นนั้นร่างของต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของอีกฝ่าย

  

แต่หวู่หงชิงเห็นได้ชัด ว่าหมี่ซวนไม่คล้ายอยากได้ร่างของต้วนหลิงเทียนเลย

  

ถึงแม้หมี่ซวนจะพูดว่าเป็นพี่น้องกับหมี่เยี่ยน แต่สำหรับหวู่หงชิงแล้ว คำว่าพี่น้องในเผ่าภูต เมื่อต้องเผชิญกับผลประโยชน์อันเลิศล้ำก็คงไม่ต่างอะไรจากผายลม!