บทที่ 1661 พลังฝีมือถอดรูป

The king of War

บทที่ 1661 พลังฝีมือถอดรูป
เหล่าจิ่วตะลึงงงอยู่กับที่ เมื่อเห็นน้ำในแม่น้ำหวยเหอ ที่รวมตัวเป็นสายพุ่งมาดูเหมือนงูตัวน้อยที่มีชีวิตเข้าพันรอบแขนหยางเฉิน
“คว๊าบ!”
ทันใดนั้น งูตัวน้อยแตกกระจายเป็นหยดน้ำกระเซ็นขึ้นไปแล้วหยดลงมาซึมหายเข้าไปในแขนของหยางเฉิน
“ท่านเก้า
ตอนนี้ข้ามีความรู้สึกอยู่อย่างหนึ่ง ตอนที่ตัวข้าทำการต่อสู้อยู่ในน้ำ
พลังฝีมือดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็อีกระดับหนึ่ง”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “แต่ว่า
ที่เห็นขณะนี้ว่าข้าสามารถจัดรูปของน้ำได้ ก็เพียงแค่ให้คงรูปได้ในช่วงเวลาสั้น ๆเท่านั้น แต่ข้าก็สามารถรับรู้ได้เลยว่า หลังจากนี้ต่อไปตามพลังฝีมือของข้าที่เพิ่มขึ้น การจัดการรูปแบบใช้งานกับน้ำ ก็จะคล่องมากขึ้น
ถึงขนาดสามารถนำสายน้ำมาเป็นอาวุธใช้ต่อสู้”
“ท่านเก้า ตามสภาพที่ข้าเป็นอยู่นี้ จัดว่าเป็นการฝึกบรรลุถึงพลังแห่งธาตุน้ำแล้วใช่ไหม?”
เหล่าจิ่วจึงได้คืนเอาสติกลับมา ผงกหัวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ แววตายังเปี่ยมด้วยความทึ่ง เอ่ยปากพูดไป “ใช่ชัดเลย
นี่แหละการที่เจ้าฝึกได้บรรลุถึงพลังแห่งธาตุน้ำแล้ว ให้แม้แต่ตัวข้าเอง ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ยินมา บูโดระดับกลางแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ด สามารถฝึกบรรลุถึงพลังแห่งธาตุ
ได้”
“ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป น่ากลัวต้องสร้างความตื่นเต้นให้กับคนอีกจำนวนมากเป็นแน่
และก็จะเป็นตัวชักนำอันตรายมาถึงเจ้าด้วย โดยเฉพาะพวกผู้แข็งแกร่งในแวดวงบูโดที่ก้าวข้ามระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขึ้นไปแล้ว แต่ยังฝึกไม่ได้บรรลุถึงพลังแห่งธาตุ

“ในสายตาของพวกเขา
เจ้าก็จะเป็นของวิเศษ
ทุกคนต่างก็จะมุ่งหาวิธีการฝึกให้บรรลุได้ถึงพลังแห่งธาตุ จากตัวเจ้า”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าหยางเฉินดูหนักอึ้งขึ้นมา คนไม่ได้รู้เรื่องด้วยต้องรับกรรมไป มันก็เป็นเสียแบบนี้นี่แหละ
หยางเฉินพูดน้ำเสียงขมขื่น
ก่อนหน้านั้นที่ถูกเจ้าเมืองหวยเฉิงบีบคั้น กดดันจนต้องจนต้องจมดิ่งลงในน้ำ ข้าก็รู้สึกได้ว่าไม่ไหวแล้ว”
“ก็แม้แต่ตัวข้าเองยังไม่รู้เลย ว่าตัวเองฝึกก้าวบรรลุพลังแห่งธาตุ มาได้ยังไง
“และก็ในเวลานั้นเอง ข้าก็รู้สึกได้เลยว่า
กำลังสูดอากาศธาตุออกซิเจนในน้ำ
ความรู้สึกที่หายใจไม่ออกก่อนหน้านั้นค่อย ๆ หายไป สุดท้ายหายไปหมดสิ้น”
“ข้าถึงรู้สึกได้ว่า ตัวข้าเองสามารถหายใจได้เองในน้ำ”
เหล่าจิ่วพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทึ่งว่า “ฟังจากที่เจ้าพูดมา
วิถีการฝึกให้ก้าวสู่พลังแห่งธาตุ ของเจ้านั้น
มันดูง่ายมากเลยนะ”
ถ้าหากว่าให้พวกผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ที่เคยฝึกมาหลายสิบปี ก็ยังไม่สามารถฝึกฝ่าเข้าบรรลุถึงพลังแห่งธาตุ พอรู้เข้าว่าเจ้าฝึกจนบรรลุพลังแห่งธาตุ นี้ได้อย่างง่ายดาย
พวกนั้นคงต้องบ้าตาย
“ถึงบอกว่า ไม่ใช่ท่านผู้อาวุโสเจียงช่วยพวกเรา แต่เป็นเจ้าเองที่นำพาพวกเราข้ามมา?”
หยางเฉิงผงกหัว พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เปลี่ยนสภาพพื้นน้ำตรงจุดที่เขายืน ยังผลให้เขาไม่สามารถเข้าใกล้ตัวข้าได้ตอนอยู่ในน้ำ ข้าจึงได้พาตัวพวกเจ้าออกมาได้”
“เจ้าเมืองหวยเฉิงตั้งใจจะฆ่าข้า สุดท้ายถูกข้าใช้พลังแห่งธาตุน้ำ
สายตาลุ่มลึกของเหล่าจิ่วทอดมองไปทางเมืองหวยเฉิง พูดเสียงทุ้มลึก
“พวกเราได้เวลาที่ต้องรีบไปแล้ว เจ้าเมืองหวยเฉิง
จะต้องไม่ยอมเลิกรากับพวกเราเป็นแน่”
และในเวลาขณะนั้นหวยหลันก็ฟื้นขึ้นมา พอมองเห็นว่าตัวเองยังไม่ตาย สีหน้าให้รู้สึกตื่นใจ “ฉันยังมีชีวิตอยู่หรือนี่?”
เหล่าจิ่วมองไปที่หวยหลันบอกไปว่า “ท่านหยางเฉินช่วยเธอไว้ ตอนนี้พวกเรายังอยู่ในอันตรายมาก
อย่าเพิ่งพูดมาก รีบไปจากที่นี่กัน”
หยางเฉินมองหน้าหวยหลันพูดว่า
“ที่นี่ถึงแม้จะอยู่นอกเขตุเมืองหวยเฉิงแล้ว แต่ก็ห่างเมืองหวยเฉิงเพียงแค่แม่น้ำกั้น เธอน่าจะคุ้นชินกับเส้นทางแถวนี้นะ?พอจะรู้ไหมว่าต้องไปทางไหน?”
ตอนนี้
ตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ โดยรอบเป็นป่าอ้อ นอกจากพวกเขาแล้ว ไม่เห็นวี่แววใครคนอื่นเลย
จะออกพ้นจากที่นี่โดยเร็ว คงต้องพึ่งหวยหลันแล้ว
หวยหลันส่ายหน้า เอ่ยปากพูดว่า
กับพื้นที่นอกเขตุเมืองหวยเฉิงแล้ว ต้องบอกว่าไม่สันทัดเลย”
“ฉันถึงจะเป็นคนเมืองหวยเฉิง ตั้งแต่เข้าไปอยู่ในจวนเมืองแล้ว โดยปกติจะไม่เคยออกพ้นตัวเมืองหวยเฉิง
หยางเฉินจึงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็ออกไปให้พ้นจากป่าอ้อนี้ก่อนแล้วค่อยหาเส้นทางไป”
ทั้งสามจึงได้เลาะไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ในดงอ้อ รีบเร่งเดินกันไป
ถ้าหากตอนนี้เจ้าเมืองหวยเฉิงตามมาถึงได้ พวกเขาก็มีแต่ตายลูกเดียว
หยางเฉินถึงแม้ฝึกบรรลุพลังแห่งธาตุน้ำแล้ว แต่ก็เพียงเฉพาะอยู่ในน้ำ จึงสำแดงพลังธาตุน้ำออกมาได้
สิบนาทีให้หลัง ทั้งสามก็ได้เดินหลุดออกจากป่าอ้อ
ข้างนอกเป็นเส้นถนนชนบทสายหนึ่ง ห่างออกไปไม่ไกล ก็เห็นมีหมู่บ้านเล็ก
ๆ อยู่
เหล่าจิ่วเอ่ยปากว่า “เข้าไปที่หมู่บ้านนั่นกันก่อน แล้วค่อยหาเส้นทางออกไป”
ทั้งสามเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว หลายกระแสความกดดันที่น่าสะพรึงกลัวของพลังบูโด โถมถลาเข้ามาในทันใด
เหล่าจิ่วสีหน้าเปลี่ยนอย่างฉับพลันพูดขึ้นว่า “ระวัง!”
อานุภาพพลังในตัวหยางเฉินระเบิดขึ้นในฉับพลัน และกระตุ้นตื่นกระแสเลือดระห่ำขึ้นมาในเวลาเดียวกันนั้น
วินาทีต่อมานั้น สามผู้แข็งแกร่งที่มีกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา
ผู้แข็งแกร่งที่นำหน้าอยู่นั้น บนตัวเปล่งกระแสผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดระดับต้น และสองผู้แข็งแกร่งที่ตามหลังอยู่ กระแสพลังบูโดก็น่าสะพรึงกลัวเป็นที่สุด
“พวกแกเป็นใคร?”
เหล่าจิ่วมองไปที่คนพวกนั้น ถามไปด้วยสีหน้าเครียดขรึม
ไม่รอให้ฝฝ่ายตรงข้ามเอ่ยปาก หวยหลันพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเขาเป็นคนของหุบเขาราชายา คนยืนกลางนั่นคือลูกศิษย์คนโตของราชายา
สวีฮว๋า!”
สวีฮว๋าหัวเราะเสียงหุ
ๆ ตาจ้องไปที่หวยหลัน “ไม่เสียทีที่เป็นกระบอกเสียงของเจ้าเมืองหวยเฉิง
ข้าเก็บตัวอยู่อย่างเร้นลับ กลับถูกเธอระบุตัวตนได้”
“แต่น่าเสียดายนะ
เธอกลับทรยศตีตัวออกจากเจ้าเมืองหวยเฉิง แต่ถ้าเธอยินยอม
จะเข้ามาอยู่กับพวกเราที่หุบเขาราชายาก็ได้นะ”
หวยหลันไม่แสดงปฏิกิริยาใด
ๆ แต่กลับถามไปเสียงเยือก ๆ
ว่า “คุณมาทำอะไรกัน?”
สวีฮว๋ายิ้มตาหยี ๆ พูดว่า “ก็แน่นอนว่าจะมาฆ่าคน!”
พูดจบ หันไปมองหยางเฉิน
สามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดระดับแรกโดยไม่แพ้ พอดีข้าก็เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดระดับแรกเหมือนกัน”
เอ่ยปากพูดไปว่า “ได้ยินว่า เจ้าได้ใช้พลังฝีมือแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดระดับกลาง
“แต่ข้าก็จะไม่รังแกเจ้านะ ข้าจะกดลดพลังของข้าให้อยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ด สู้กับเจ้าสักตั้ง
เจ้าจะกล้าสู้ไหม?”
หยางเฉินพูดเสียงเหยียด
แล้วค่อยลนลานทุ่มเทออกมาสุดกำลัง มันจะดูน่าขายหน้านะ”
“ให้ดีคุณควรใช้พลังฝีมือแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดนั้นแหละ มิฉะนั้น ในระหว่างต่อสู้กัน พอถึงตอนที่เกือบจะถูกข้าสังหารแล้ว
ได้ยินพูดเข้า
สวีฮว๋าถึงกับขมวดคิ้วย่น หยีตาจ้องไปที่หยางเฉิน
“ข้าเคยคิดแต่ว่า ข้านี่เป็นคนที่พูดจาโอหังมากที่สุดแล้วนะ ไม่คิดว่าจะมีคนโอหังยิ่งกว่าข้าอีก”
“ใต้ฟ้าทั่วหล้านี้ มันใช่ว่าจะมีแต่เจ้าคนเดียวนะ ที่จะมีพลังฝีมือขนาดกล้าลุยข้ามเขตุฆ่าศัตรู”
เสียงพูดแค่จบ เกิดเป็นพลังบ้าระห่ำขึ้นมากระแสหนึ่ง ระเบิดออกจากตัวสวีฮว๋า
ก็จะต้องอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดระดับยอด”
เอ่ยปากพูดอีกว่า “ข้าบอกว่าจะกดลดพลังฝีมือข้าอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดระดับยอด
ตามจากเสียงพูดจบ ใต้ขาของเขาขยับอย่างดุดัน
พื้นตำแหน่งที่ยืนอยู่ ยุบลงไปเห็นได้ในพริบตา
ส่วนตัวของเขา หายไปจากที่เดิมนั้นทั้งเงา
แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน
สองผู้แข็งแกร่งที่สวีฮว๋านำมา ก็พุ่งเข้าใส่เหล่าจิ่วพร้อม ๆ
กัน
การศึกระเบิดขึ้นในฉับพลัน!
หยางเฉินมองสวีฮว๋าที่พุ่งตัวเข้ามาหาตน
สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดระดับต้นที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ ฝ่ายตรงข้ามได้กดลดพลังตัวเองลงอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ด
แต่ดูเหนือชั้นกว่าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดระดับต้นแห่งเมืองหวยเฉินที่ถูกหยางเฉินถล่มแพ้ไปคนนั้น
เพียงแต่ว่า นั้นเป็นช่วงก่อนที่เขาจะก้าวบรรลุถึงพลังแห่งธาตุน้ำ เขาในขณะนี้ พลังฝีมือมีย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงชนิดถอดรูปเลยทีเดียว