ในขณะนั้นเอง ความสนใจของทานากะซังก็ตกอยู่ที่ผู้หญิงคนที่แต่งตัวแฟชั่นและสวยพราวเสน่ห์ข้างๆ ตัวเขา
ดังนั้นเขาจึงไม่ทันได้เห็นเย่เฉินที่อยู่ในร้าน
เนื่องจากพวกเขาทั้งสองพูดภาษาจีน ดังนั้นเย่เฉินจึงคาดว่าแฟนสาวของทานากะซัง จะต้องเป็นชาวจีน
หลังจากที่ทั้งสองเข้ามาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็จูงทานากะซังเดินไปดูรอบๆ ในร้าน
ทันทีหลังจากนั้น เธอก็ชี้ไปที่กระเป๋าถือรุ่นลิมิเต็ดของ Hermès ที่เย่เฉินถูกใจและเตรีมจะซื้อไปฝากให้ภรรยาของเขา แล้วพูดอย่างออดอ้อนว่า “ทานากะซัง ฉันอยากได้กระเป๋าใบนี้จังเลย!”
ทานากะซังพูดอย่างเก้อเขินว่า “ที่รักเรามาเย่นจิงครั้งนี้เพื่อมาหาหมอที่ชื่อดังสำหรับพี่ใหญ่ ไม่ใช่มาซื้อของ ยิ่งกว่านั้นเรายังหาคุณหมอชื่อดังไม่เจอเลยนะ ผมยังไม่รู้เลยว่ะกลับไปอธิบายยังไงเลย ถ้าคุณอยากซื้อจริงๆ เอาไว้หลังกลับจากญี่ปุ่นก่อน ผมค่อยพาคุณไปดูที่โตเกียว”
ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ฉันไม่ได้อยากไปดูที่โตเกียว ฉันอยากได้ใบนี้! การซื้อกระเป๋าพวกนี้มันต้อเงชื่อในเรื่องของโชคชะตาเมื่อเห็นปุ๊บก็ต้องซื้อให้ได้เพราะไม่อย่างงั้นแม้ว่าจะอยากซื้อก็คงซื้อไม่ได้แล้ว!”
ทานากะซังพูดอย่างจนปัญญาว่า “ผมมีภารกิจยากกับตัวอยู่แล้ว ถ้าพูดตามเหตุและผลผมไม่สามารถพาคุณมาด้วยได้ เพราะการที่แอบพาตัวคุณมาก็นับว่าผิดกฎแล้ว ถ้าคุณยังอยากซื้อของแพงๆ อีก มันคงไม่ดีที่จะกลับไปอธิบายกับท่านประธาน!”
ผู้หญิงคนนั้นส่งเสียงฮึแล้วพูดว่า “ฉันเป็นชาวเย่นจิงก่อนจะอพยพไปญี่ปุ่นสะอีก ถ้าประธานของคุณถามขึ้นมา คุณก็บอกเขาให้หมดเลยว่า พอดีว่าฉันกำลังจะกลับบ้านเกิดไปเยี่ยมญาติ ส่วนเรื่องการช้อปปิ้ง คุณก็พูดไปสิว่าฉันเป็นคนซื้อเอง” หลังจาก
ในขณะที่พูดอยู่นั้น ผู้หญิงคนนั้นก็จับแขนของทานากะซังไว้ และพูดด้วยความอ้อดอ้อนว่า “ทานากะซัง ฉันชอบกระเป๋าใบนี้มากจริงๆ นะ คุณซื้อมันให้ฉันเถอะนะ ได้ไหม? ฉันขอร้องล่ะ”
ทานากะซังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างจนปัญญาว่า “เอาเถอะ แต่คุณต้องจำไว้ว่า หลังจากที่คุณกลับไปอย่าอวดกับคนรอบข้างล่ะ และอย่าพูดว่ากระเป๋าใบนี้ซื้อมาจากเย่นจิง เข้าใจไหม?”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกับพูดว่า “ฉันรู้แล้ว!”
หลังจากพูดจบ เธอก็โบกมือให้พนักงานที่อยู่ข้างๆ เย่เฉินทันที “คุณพี่คะ ฉันต้องการซื้อกระเป๋าใบนี้ค่ะ ช่วยหยิบให้หน่อยได้ไหมคะ!
พนักงานคนนั้นพูดขอโทษว่า “ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณผู้หญิง กระเป๋าใบนี้ถูกคุณผู้ชายท่านนี้จองแล้วค่ะ และตอนนี้เขากำลังเลือกสินค้าอยู่”
พนักงานพูด พร้อมกับทำท่าทางเคารพอย่างยิ่งโดยให้ฝ่ามือหันไปทางเย่เฉินที่อยู่ข้างๆ
เย่เฉินขี้เกียจจนไม่แม้แต่จะหันกลับมามองพวกเขา เขาเอาแต่มองไปที่เคาน์เตอร์ตรงหน้า และพูดกับพนักงานว่า “รบกวนช่วยห่อผ้าพันคอสองผืนราคา 3 หมื่นหยวน และเข็มขัดผู้ชาย 28,000 หยวนนั้นให้ผมด้วยนะครับ”
พนักงานพยักหน้าอย่างเคารพ และกำลังจะช่วยเขาหยิบของออกมาทันที
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นดังนั้น เธอก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “เฮ้ยไม่ใช่ว่าเขายังเลือกไม่เสร็จเหรอ? ในเมื่อของยังเลือกไม่เสร็จงั้นก็แสดงว่ายังไม่จ่ายบิลน่ะสิ? ดังนั้นตอนนี้พวกเราก็สามารถรูดบัตรได้เลยสิ!”
จากนั้น เธอก็พูดกับทานากะซังอย่างเร่งรีบว่า “ทานากะซัง รีบหยิบบัตรของคุณออกมาสิ!”
ทานากะซังพูดอย่างเก้อเขินว่า “ในเมื่อคุณผู้ชายเขาจองก่อนแล้ว งั้นเราก็เปลี่ยนใบอื่นเถอะ”
“ไม่ได้นะ!” ผู้หญิงคนนั้นโพล่งออกมาอย่างเร่งรีบว่า “ฉันจะเอาใบนี้! เมื่อกี้ฉันเห็นแค่แวบเดียวก็ถูกใจใบนี้แล้ว!”
พอพูดจบ เธอก็ชี้ไปที่เย่เฉิน และพูดกับทานากะซังว่า “ทานากะซัง คุณให้เงินค่าทิปเขาไปสักสองสามหมื่นหยวน ให้เขาโอนกระเป๋าใบนี้ให้ฉัน ได้ไหมคะ!”
ทานากะซังทนไม่ไหวกับการใช้ไม้อ่อนหว่านล้อมไม่หยุดและออดอ้อนนั้น จึงทำได้แค่พูดกับเย่เฉินว่า “คุณผู้ชายครับ แฟนของผมชอบกระเป๋าใบนี้มาก ถ้าพอจะสามารถให้เราได้ ผมยินดีให้ค่าทิปคุณ 1 แสนหยวน ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายจะยินยอมสละให้ได้หรือเปล่าครับ?
เย่เฉินโบกมือโดยไม่หันหน้า
ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยความโกรธ “เฮ้ย คุณไม่ต้องทำอะไรเลยนะก็ได้ 1 แสนหยวนไปฟรีๆ มันจะมีเรื่องดีๆ แบบนี้ที่ไหนได้อีก? ถึงกับต้องไม่ตอบรับ นี่คุณอยากจะต่อรองให้ได้เงินเยอะกว่านี้อีกงั้นเหรอ?”
เย่เฉินขี้เกียจที่ต้องไปให้ความสนใจกับเธอ เขาจึงพูดกับพนักงานต่อไปว่า “คุณครับ ช่วยห่อกระเป๋าเงินผู้หญิง 58,000 ใบนี้มาให้ผมหน่อยครับ”
“นี่!” ผู้หญิงคนนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เฉินจะเพิกเฉยต่อคำพูดของเธออย่างสิ้นเชิงขนาดนี้ เธอจึงพูดอย่างโกรธเคืองว่า “แฟนของฉันเป็นผู้ช่วยชั้นสูงของตระกูลอิโตะที่ญี่ปุ่นเลยนะ! เป็นคนสนิทของนางาฮิโกะ อิโตะผู้นำตระกูลของตระกูลอิโตะ ถ้าคุณล่วงเกินเขา ต่อไปคุณคงไม่มีที่ยืนแน่!”