ตอนที่ 3554

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3554 : ปะทะหอู่หลง

 

“จ้าววังน้อย ท่านทราบเรื่องแล้ว?”

  

พอเห็นต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมาโดยไม่ต้องเรียกหา ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายคงทราบเรื่องราวแล้ว แต่ก็ยังถามออกไปเพื่อยืนยัน

  

“เสียงของมันไม่ได้เบาเลย ไม่อยากได้ยินยังยาก…”

  

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยตอบเสียงเรียบ

  

ถึงแม้ว่าการฝึกฝนบ่มเพาะในพันธมิตรสวรรค์จะมีความปลอดภัยกว่าด้านนอกในระดับหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้อุทิศตัวให้กับการบ่มเพาะจนตัดขาดโลกภายนอกอย่างประมาท เลือกจะแบ่งสติส่วนหนึ่งไว้ระวังภัยโดยรอบแต่แรก ไม่เว้นวานให้หวงเอ้อ จิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนคอยเฝ้าระวังเรื่องราวอีกทาง

  

เรียกว่าหากหวงเอ้อพบสิ่งใดผิดปกติ ก็จะแจ้งให้เขาทราบทันที ทำให้เขาสามารถตอบสนองและรับมือเรื่องราวได้ทันท่วงที

  

และเขาก็กระทำแบบนี้มาโดยตลอด

  

เมื่อครู่พอหวงเอ้อได้ยินว่ามีคนมาเพื่อท้าทายเขา นางก็ได้แจ้งให้เขาทราบเรื่องทันที ขณะเดียวกันเขาก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายสมควรรู้พลังฝีมือของเขาแล้ว…กระทั่งดีไม่ดีอีกฝ่ายอาจจะเป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวอีกด้วย

  

เขาก็ทราบได้ทันที ว่าการมาท้าทายของศิษย์จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนหมายความว่าอะไร นั่นก็คือเรื่องที่อยู่ของเขาคงแพร่ออกไปทั่วแล้ว วิหารเฟิงฮ่าวเองก็สมควรรู้ดี เช่นนั้นอาจส่งหวู่หลงนั่นมาหยั่งวัดพลังฝีมือของเขา!

  

แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องจะมีใครมาท้าทายแต่แรก เพราะการเข้ามาสมรภูมิ 9 ยมโลกครั้งนี้เขาไม่ได้ปกปิดชื่อเสียงเรียงนามอะไร ยังอยากให้วิหารเฟิงฮ่าวล่วงรู้ และส่งคนมาหาเขาอีกด้วย!

  

ในระนาบอิสระที่ตั้งของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักวันนั้น ฉากเรื่องราวที่อาจารย์เขาฟงชิงหยางจำต้องระเบิดร่างอวตารกฏดินทิ้งยังคงชัดเจนในใจ! ถึงแม้เขาจะรู่วาเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับร่างจริงของอาจารย์มากนัก แต่ก็ต้องมีบาดเจ็บและเสียเวลาฝึกฝนไปอยู่บ้าง…

  

นอกจากนั้น หวู่หงชิง หมี่ซวน และพระอาจารย์หมี่เยี่ยนนั่น พวกมันรวมหัวกันบีบคั้นให้เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุน ทำให้เขาสัมผัสความรู้สึก 9 ตาย 1 รอด…

  

บัญชีแค้นทั้งหมด เขาไหนเลยจะลืมเลือนได้ง่ายๆ!

  

แต่เป็นธรรมดาว่าด้วยพลังของเขาตอนนี้ จะให้ไปงัดข้อกับวิหารเฟิงฮ่าวบนระนาบเทวโลกเลย ก็คงเป็นไปไม่ได้

  

อย่างไรก็ตาม หากเป็นในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้เขาสามารถทำได้!

  

ในสมรภูมิ 9 ยมโลก ตัวตนขอบเขตเทพถูกจำกัดให้ไม่อาจเข้ามา มีก็แต่ผู้ที่อยู่ใต้ขอบเขตเทพเท่านั้นที่เข้ามาได้ ในกรณีนี้ ไม่ว่าวิหารเฟิงฮ่าวจะส่งใครมาเล่นงานเขา แต่พวกมันเต็มที่ก็เป็นแค่เทพสงครราม 9 ดาราเท่านั้น!

  

ถึงแม้เทพสงคราม 9 ดาราจะรู้จักกันในนาม ครึ่งก้าวเทพ และมีพลังฝีมือกล้าแข็งไม่ใช่ชั่ว อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของเหล่าครึ่งก้าวเทพ ยังห่างไกลจากขอบเขตเทพมากนัก และอาจารย์เขาฟงชิงหยางยังได้บอกเขาไว้ชัดเจนว่า…

  

ในสายตาของตัวตนขอบเขตเทพ แม้จะเป็นแค่เทพขั้นต่ำที่พึ่งบังเกิดความก้าวหน้า…

  

หากท่านยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ ท่านเป็นแค่มด!

  

“ไปกันเถอะ”

  

ไม่รอให้ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงกับเหมิงซานกล่าวคำใดให้มากความ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวทักก่อนจะเหินร่างนำออกไปทันที เพราะไม่ยากที่เขาจะเดาได้ออกว่าทั้งคู่มาที่นี่เพราะอะไร และไม่พ้นเป็นพันธมิตรสวรรค์ที่หวาดกลัวกองกำลังของอีกฝ่าย

  

ระหว่างเดินทาง ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงก็เริ่มกล่าวบอกข้อมูลของหวู่หลงเท่าที่มันล่วงรู้ให้ต้วนหลิงเทียนทราบ

  

หลังจากได้ยินเรื่องที่ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงกล่าวบอก ต้วนหลิงเทียนก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้ว ว่าเป็นเขาเดาผิดไปรึเปล่า…

  

เพราะหวู่หลง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน ผู้นำคนที่ 2 ของพันธมิตรฟ่านเทียนหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในภาคกลางของสมรภูมิ 9 ยมโลกนั้น…ปกติแล้วลักษณะนิสัยก็จองหองถือดี ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแต่แรก ยังเอาแต่ใจเป็นที่สุด ไม่ว่าพบเจอเทพสงคราม 8 ดาราชนชั้นยอดฝีมือที่ไหน ก็จะไปท้าทายเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดอยู่ร่ำไป

  

ทำให้ในปัจจุบัน อีกฝ่ายได้รับการยอมรับจากผู้คนทั้งหมดในสมรภูมิ 9 ยมโลก ว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้เทพสงคราม 9 ดารา!

  

เพราะเทพสงคราม 8 ดาราชนชั้นยอดฝีมือทั้งหมดที่มันไปท้าสู้ ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้เลยสักคน!

  

“ตั้งแต่ที่จ้าววังน้อยเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ของพวกเรา ข่าวของท่านก็เริ่มแพร่กระจายออกไปจากพันธมิตรสวรรค์ของพวกเรา และมีหลายคนกล่าวว่าพลังฝีมือของท่านอาจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหวู่หลง…และอาจารย์ของหวู่หลงก็เป็นเทพ อาจารย์ของท่านก็เป็นเทพเช่นกัน…”

  

ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงกล่าวอธิบายต้นสายปลายเหตุให้ต้วนหลิงเทียนฟัง “ด้วยลักษณะนิสัยของหวู่หลง หากมันได้ยินใครตั้งคำถามเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของมัน…มันไม่เคยปล่อยไปสักครั้ง”

  

“ดังนั้นเรื่องที่มันถ่อมาท้าท่านเช่นนี้ แม้ข้าจะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร”

  

และเพราะคำพูดดังกล่าวนี้เอง ที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนยเริ่มสงสัยว่าเขาเดาผิดไปหรือเปล่า…

  

สุดท้ายเขาก็เพียงแค่ได้ยินเสียงประกาศท้าทายของหวู่หลงเท่านั้น และแม้จะรู้ว่าหวู่หลงเป็นศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าหวู่หลงเป็นคนเช่นไร ทำให้เขาคิดไปว่าการมาของอีกฝ่าย อาจมีวิหารเฟิงฮ่าวอยู่เบื้องหลัง

  

แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่า การมาของอีกฝ่าย อาจไม่ได้มีวิหารเฟิงฮ่าวอยู่เบื้องหลัง

  

‘ถึงแม้การมาของมันจะไม่เกี่ยวกับวิหารเฟิงฮ่าว…แต่ในเมื่อมันมาท้าถึงที่ การต่อสู้ครั้งนี้ก็เป็นศึกที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง…’

  

ระหว่างเหินร่างเดินทาง สองตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลง ‘อันดับ 1 ใต้ขอบเขตเทพสงคราม 9 ดาราในสมรภูมิ 9 ยมโลกเช่นนั้นหรือ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราที่ร้ายกาจไม่ใช่ย่อย’

  

‘ยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราระดับแนวหน้า…นับเป็นครั้งแรกเลยที่ข้าจะเจอกับคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจขนาดนี้’

  

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเคยพบเจอตัวตนที่แข็งแกร่งและทรงพลังเหนือกว่าหวู่หลงมาแล้วมากมาย แต่เขาก็ไม่เคยต้องไปประมือกับตัวตนเหล่านั้น ทว่าตอนนี้หวู่หลงคือคนที่เขากำลังจะประมือด้วย!

  

‘นับว่ามาได้ถูกเวลาดีจริงๆ…อย่างน้อยข้าก็จะได้รู้ระดับพลังของตัวเองในปัจจุบัน’

  

ทันใดนั้นในดวงตาของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มฉายแววคาดหวังขึ้นมา

  

ก่อนหน้านี้ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ แม้จะไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะ เขาก็เผยพลังระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 7 ดาราออกมาแล้ว และหากใช้อุปกรณ์อมตะล่ะก็ เกรงว่าใต้เทพสงคราม 8 ดาราคงไม่มีใครสู้เขาได้

  

แต่ในเวลานั้นเขายังเป็นแค่จักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนักเท่านั้น

  

ทว่าในปัจจุบันเขาเป็นจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแล้ว!

  

นอกจากนี้ ศึกอัจฉริยะสวรรค์ก็จบไปได้สักพักแล้ว ถึงแม้ความก้าวหน้าในกฏมิติ วิถีควบคุม และมรรคากระบี่มิติของเขาจะไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ก็มีความก้าวหน้าอยู่บ้าง

  

ทำให้เขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้มันอยู่ในระดับไหน

  

อย่างไรก็ตามเขามั่นใจอยู่เรื่องหนึ่ง…หากเขาใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนล่ะก็ ต่อให้เป็นเทพสงคราม 9 ดาราทั่วไป เขาก็ฆ่าทิ้งได้ง่ายๆ!

  

เนื่องเพราะกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนมันเป็นถึงอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุดแล้ว เรียกว่าดีที่สุดในบรรดาอุปกรณ์เทพที่ยังไม่ผ่านการขัดเกลาด้วยพลังจากผู้แข็งแกร่งที่สุด แถมยังมีจิตวิญญาณอีก แม้ในอดีตเขาจะไม่อาจสำแดงพลังอาจของมันได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ทั้งหมดเป็นเพราะเขาอ่อนแอเกินไป…ทว่าในปัจจุบันเขาสามารถใช้พลังของมันได้เพิ่มขึ้นไม่น้อย

  

แต่เป็นธรรมดาว่าการประมือกับหวู่หลงวันนี้ เขาไม่คิดจะใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน

  

‘น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจใช้พลังของเทพเบญจธาตุได้อย่างเปิดเผย…มิฉะนั้นด้วยพลังของเทพเบญจธาตุ ภายใต้ขอบเขตเทพตอนนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนหากคิดจะลองดีกับข้าก็มีแต่ตายกับตาย!’

  

‘เว้นเสียแต่มันจะมีเทพเบญจธาตุด้วย..’

  

พอนึกถึงเรื่องที่เทพเบญจธาตุได้สูญเสียพลังไปไม่น้อยเพื่อช่วยเขาครั้งก่อน และตอนนี้ก็กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราพักฟื้นอยู่ในโลกใบเล็กภายในกายเขา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนในใจ

  

ไม่นานนักต้วนหลิงเทียนรวมถึงซ่างกวนอวิ๋นเฟิงและเหมิงซาน ก็เหินร่างมาถึงเหนือฟ้าด้านหน้าค่ายกองกำลังพันธมิตรสวรรค์

  

และตอนนี้ แถวๆหน้าค่ายกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ ก็มีผู้คนมารวมตัวกันอย่างเนืองแน่น แต่เป็นธรรมดาว่าพวกมันก็เว้นระยะห่างพอสมควร และไร้ซึ่งข้อยกเว้นใด…เป็นคนของกองกำลังพันธมิตรสวรรค์หมดทั้งสิ้น!

  

“ผู้นำกับผู้พิทักษ์ 7 มากันแล้ว!”

  

“ชายหนุ่มชุดม่วงที่เหินร่างนำอยู่ด้านหน้าผู้นำกับผู้พิทักษ์ 7 ก็คือคุณชายชุดม่วงสินะ!”

  

“ถึงตอนนี้เจ้ายังเรียกผู้อื่นเขาว่าคุณชายชุดม่วงอีกหรือ…เจ้าควรเรียกผู้อื่นเขาว่าจ้าววังน้อยได้แล้ว!”

  

  

สายตาของเหล่าสมาชิกกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ ต่างพากันจับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ มีหลายคนที่แววตาเต็มไปด้วยความเร่าร้อนคึกคัก เพราะพวกมันอยากพบเจอตัวจริงต้วนหลิงเทียนมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาส จนกระทั่งวันนี้!

  

“ผู้มาเป็นถึงหวู่หลง ผู้นำ 2 ของกองกำลังพันธมิตรฟ่านเทียน อันดับ 1 ใต้เทพสงคราม 9 ดาราแห่งสมรภูมิ 9 ยมโลกที่โด่งดัง…รองผู้นำพันธมิตรสวรรค์ของพวกเราจะสู้ได้หรือไม่?”

  

“สหาย…เจ้าอย่าได้ดูเบารองผู้นำคนนี้ของพวกเราไป! รองผู้นำของพวกเรายังไม่ธรรมดายิ่งกว่าหวู่หลงนั่นเสียอีก ทั้งๆที่ด่านพลังยังอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนัก ก็เป็นเทพสงคราม 7 ดาราชนชั้นยอดฝีมือแล้ว แถมนั่นยังไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะด้วยซ้ำ! ตอนนี้ไม่พ้นรองผู้นำคนนี้ต้องใช้ผลอมตะหยวนปะทุจนทะลวงถึงจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแล้วเป็นแน่ พลังฝีมือมีแต่จะกล้าแข็งยิ่งขึ้น หวู่หลงอาจมีชื่อเสียงมานานก็จริง แต่รองผู้นำก็ไม่แน่ว่าจะต้องแพ้มัน!”

  

“แต่หวู่หลงนั่นจะอย่างไรก็ต้องได้ยินเรื่องราวความสำเร็จของจ้าววังน้อยมาแล้ว พอมันรู้ว่าจ้าววังน้อยอยู่ในพันธมิตรสวรรค์ของพวกเรากลับยังกล้ามาท้าสู้! นับว่าคำ ‘ปีศาจคลั่งท้าสู้’ ที่ผู้คนเรียกหามันไม่แปลกปลอมจริงๆ!”

  

  

เหล่าคนของพันธมิตรสวรรค์ ไม่ว่าจะสมาชิกระดับล่างหรือเหล่าสมาชิกระดับสูง พากันมองสลับไปมาระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหวู่หลง พลางกล่าวกระซิบคุยกันไม่หยุด

  

“ต้วนหลิงเทียน!”

  

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนมาถึง สายตาของหวู่หลงก็จับจ้องมองมาที่เขาแต่แรก และสองตามันยังเป็นประกายสว่างไสว “ข้าได้เห็นการแสดงอันยอดเยี่ยมของเจ้าในศึกอัจฉริยะสวรรค์จากลูกแก้วเงาลอยมาแล้ว นับว่าเจ้าช่างน่าทึ่งนัก! ตอนนี้เจ้าสมควรทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแล้วกระมัง?”

  

“หากข้ายังไม่ทะลวงผ่านเล่า?”

  

ต้วนหลิงเทียนที่ลอยยล่องกลางหาวอย่างสงบ มองถามหวู่หลวงด้วยสีหน้าเฉยเมย

  

“หากตอนนี้เจ้ายังไม่ทะลวงผ่านข้าก็จะหันหลังจากไปทันที…เพราะถึงแม้ข้าจะเอาชนะเจ้าได้ มันก็ไม่มีความหมาย”

  

สองตาหวู่หลงพลันทอแสงจ้า เอ่ยต่อเสียงหนักว่า “แต่ถ้าหากเจ้าบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแล้ว…เช่นนั้นการต่อสู้วันนี้เจ้าก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้!”

  

“แต่เป็นธรรมดาว่าหากเจ้าคิดจะหลีกหนีการต่อสู้ครั้งนี้จริงๆ เจ้าก็แค่ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าทุกคนในพันธมิตรสวรรค์ของเจ้าเสีย!”

  

พูดถึงประโยคท้าย มุมปากหวู่หลงก็ยกขึ้นเล็กน้อย ยังวางตัวราวกับผู้ชนะอีกด้วย

  

“เจ้าอุตส่าห์ดั้นด้นมาจากภาคกลาง แล้วข้าจะทำให้เจ้าผิดหวังได้อย่างไร…”

  

ในขณะที่คนของพันธมิตรสวรรค์พากันหยุดหายใจด้วความลุ้นระทึก ว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบหวู่หลงว่าอย่างไร ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เอ่ตอบออกมา น้ำเสียงท่าทียังสงบไม่นำพา!

  

“ดี! ดียิ่ง!”

  

หวู่หลงคลี่ยิ้มกว้าง “วันนี้ข้าหวู่หลง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน ขอท้าประลองเจ้า ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน! หากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ด้วยพลังระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดารา เช่นนั้นนับแต่นี้ต่อไปเจ้าก็จะกลายเป็นอันดับ 1 ใต้เทพสงคราม 9 ดาราของสมรภูมิ 9 ยมโลกคนใหม่!!”

  

“แต่ถ้าหากเจ้าแพ้พ่าย เช่นนั้นอันดับ 1 ใต้เทพสงคราม 9 ดาราในสมรภูมิ 9 ยมโลกของข้าหวู่หลงก็จักมั่นคง! จากนี้ต่อไปก็จะไม่มีใครกล้ากังขาอีก!”

  

พอกล่าวจบ แววตาของหวู่หลงก็เป็นประกายจ้า แลดูดุร้ายเอาเรื่องนัก!

  

จากนั้นร่างหวู่หลงก็ไหววูบดั่งภูตผี มันเคลื่อนย้ายจากจุดเดิมก่อนจะไปหยุดลอยเหนือฟ้าสูงในฉับพลัน เหลือบมองลงมายังต้วนหลิงเทียนพลางเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า “ต้วนหลิงเทียน เจ้าอายุน้อยกว่าข้า เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าป้อนกระบวนท่าก่อน…และในเมื่อการต่อสู้ครั้งนี้เป็นดั่งศึกแห่งศักดิ์ศรีของข้า เช่นนั้นข้าจะไม่อ่อนข้อให้เพียงเพราะเจ้าอายุน้อยกว่าข้า!!”

  

“เจ้า? อ่อนข้อให้?”

  

ต้วนหลิงเทียนที่มีสีหน้าสงบเฉยเมยมาตลอด พอได้ยินคำพูดประโยคนี้ของหวู่หลงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “หากเจ้าคิดจะอ่อนข้อให้ข้า เจ้าก็ต้องมีทุนรอนมากพอจะอ่อนข้อให้ข้าได้เสียก่อน…”

  

“เจ้าอยากสู้ก็สู้!”

  

“แค่หวังว่าเจ้าจะยอมรับผลที่ตามมาได้ไหว!”

  

พอกล่าวจบคำ ร่างต้วนหลิงเทียนก็หายไปในความว่างเปล่า พอปรากฏตัวอีกครั้งก็ไปผุดโผล่บนฟ้าสูงระดับเดียวกันกับหวู่หลงแล้ว ยังมองจ้องหวู่หลงด้วยสายตาสงบประหนึ่งน้ำในบ่อโบราณ ไร้ระลอกคลื่นใดๆ

  

ระหว่างเดินทางมาที่นี่ เขาก็ได้ยินเรื่องราวของหวู่หลงคนนี้จากซ่างกวนอวิ๋นเฟิงแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรในตัวอีกฝ่าย

  

แต่ตอนนี้ หลังคุยกันไม่กี่คำ เขาก็เริ่มประทับใจในตัวหวู่หลงอยู่บ้าง เพราะอีกฝ่ายก็ตรงไปตรงมาพอสมควร!