บทที่ 1667 ยังไม่ไว้ใจ

The king of War

บทที่ 1667 ยังไม่ไว้ใจ
มองดูหวยหลันหลังจากคุยกับหวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่แล้ว ก็ไปคุยติดต่อกับคนของหุบเขาราชายา หยางเฉินตะลึงงง ทำได้ถึงอย่างนี้เลยหรือ?
ผู้หญิงคนนี้ ดูจะน่ากลัวมากไปไหม?
จนหวยหลันตัดวางโทรศัพท์แล้ว หันมาทางหยางเฉินพูดว่า
ไม่ผิดตามที่คาดหมาย คนของหวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่ ได้เริ่มออกเดินทางมาแล้ว”
“พี่หยาง
หยางเฉินจึงได้ตั้งสติกลับมา มองไปที่หวยหลันพูดว่า
“ถึงแม้เธอได้คุยติดต่อกับหวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่และคนของหุบเขาราชายา เสร็จแล้ว
แต่ก็ไม่สามารถแน่ใจได้ว่า คนของหวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่จะมาถึงก่อนหรือไม่?”
“ถ้าเกิดว่า
คนของหุบเขาราชายามาถึงก่อนหละ จะทำยังไง?”
“หรือพูดกลับกันอีกที ถ้าคนของหวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่มาได้พักใหญ่แล้ว
ยังไม่เห็นคนของหุบเขาราชายาปรากฏมา แล้วจะทำยังไง?”
ความหมายของเขาชัดเจน
การเตรียมผู้แข็งแกร่งในครั้งนี้ จะต้องจัดแต่ระดับสุดยอดมาแน่นอน
ไม่ว่าฝ่ายหุบเขาราชายา หรือฝ่ายหวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่
นอกเสียแต่ว่าเวลามาถึงของทั้งสองฝ่ายห่างกันไม่มาก จึงจะได้ลงตัว
ต้องให้คนของหวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่มาเพิ่งจะถึง ยังไม่ทันได้ตั้งตัว คนของหุบเขาราชายา ก็เข้ามาถึงพอดี
หลังจากนั้นก็เห็นสวีฮว๋า กับพวก ทั้งสามคนนอนตายอยู่ ก็พอดีได้ใช้เรื่องการตายของสวีฮว๋ากับพวก โยนบาปไปให้จวนเมืองหวยเฉิงได้เลย
แต่ถ้าหากเวลาในการมาของทั้งสองฝ่าย ห่างกันมากเกินไป ก็จะมีอันตรายกับพวกหยางเฉินได้
หวยหลันพูดขึ้นว่า “พี่หยาง
พี่วางใจได้ หวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่ได้วางแผนเตรียมการเล่นงานเจ้าเมืองหวยเฉิงไว้นานแล้ว
หล่อนจะต้องจัดผู้แข็งแกร่งมาถึงที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก”
“ส่วนคนของหุบเขาราชายา ปกติก็เป็นพวกไม่ยอมน้อยหน้าใครอยู่แล้ว
ยิ่งหลายปีนี้มา หุบเขาราชายากับจวนเมืองหวยเฉิงก็มีเรื่องไม่กินเส้นกันอยู่แล้ว งานนี้ก็มีแต่รอดูการถล่มกัน สำหรับสวีฮว๋ากับลี่เสิ้งก็คนที่คุยโทรศัพท์เมื่อกี้นี้ เขาก็เป็นศิษย์ราชายาด้วยกัน ทั้งสองโตขึ้นมาด้วยกัน ศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้รักกันเหมือนพี่น้อง เมื่อลี่เสิ้งรู้ข่าวว่าสวีฮว๋าตกอยู่ในอันตราย เชื่อแน่ว่าจะต้องรีบจัดเตรียมเอาสุดยอดฝีมือของหุบเขาราชายาเข้ามา”
หยางเฉินถาม “แล้วเผื่อว่าหละ?”
หวยหลันพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า
“ฉันได้คำนวณเวลาไว้หมดแล้ว โรงเรียนร้างที่พูดถึงเมื่อสักครู่นี้ ก็อยู่ข้าง ๆ เรานี่เอง
จุดนี้มีระยะทางห่างจากจวนเมืองหวยเฉิงและหุบเขาราชายาพอ ๆ กัน ตะกี้นี้ที่โทรศัพท์ฯ.ห่างกันอยู่ที่สองนาทีบวก/ลบ ทั้งสองฝ่ายใช้เวลาจัดเตรียมกำลัง จนถึงเวลาที่มาถึงจะไม่ได้ต่างกันมากมาย”
“แหละที่ฉันมั่นใจได้อย่างเต็ม ๆ ก็คือ
คนของหวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่ จะต้องมาถึงที่นี่ก่อนแน่นอน”
“ถึงเวลานั้น ก็จำเป็นแล้วที่จะต้องให้พี่หยางกับท่านเก้า
เล่นละครกันสักฉาก ขอให้เล่นไปได้จนได้เวลาที่ผู้แข็งแกร่งจากหุบเขาราชายามาถึง นั่นก็พอแล้ว”
เห็นความมั่นใจเต็มหน้าหวยหลัน
หยางเฉินก็ไม่มีอะไรต้องคิดมาก เอ่ยปากไปว่า
“ตกลง งั้นพวกเราก็รอกัน!”
โรงเรียนร้างที่ว่านั้น อยู่ห่างจากที่พวกเขาอยู่นั้นประมาณห้าสิบเมตร พวกเขาจัดการนำเอาศพของสวีฮว๋ากับผู้คุมกฎซ้ายขวาเข้าไปไว้ในบริเวณโรงเรียนร้างนั้น หลังจากนั้นก็นั่งรอการมาถึงของผู้แข็งแกร่งจากจวนเมืองหวยเฉิง
เวลาผ่านไปเป็นนาทีจากวินาทีอย่างรวดเร็ว แล้วก็ผ่านไปยี่สิบนาที
หวยหลันจู่ ๆ
พี่หยาง ท่านเก้า เตรียมพร้อมได้ละ”
ก็พูดขึ้นมา “ไม่ผิดตามที่คาด คนของหวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่ น่าจะกำลังจะถึงแล้ว
ท่าทีหยางเฉินกับเหล่าจิ่วเคร่งขรึมขึ้นมา ต่างผงกหัวรับรู้ “ได้!”
เป็นไปตามนั้นจริง
ๆ เพิ่งขาดคำหวยหลัน
กระแสพลังที่แข็งกร้าว แผ่คลุมลงมาในบัดดล
สีหน้าหยางเฉินกับเหล่าจิ่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เพียงประเมินจากกระแสพลังบูโด ผู้แข็งแกร่งฝ่ายตรงข้ามนั้นมีมากันหกนาย
ในนั้นมีระดับผู้แข็งแกร่งสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดอยู่หนึ่งนาย ที่เหลืออีกห้านาย มีระดับกลางแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดสองนาย
ระดับต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดสามนาย
กองกำลังขนาดนี้ กลับเทียบได้กับสวีฮว๋าและผู้คุมกฎซ้ายขวารวมสามคนนี้
แต่ทว่าได้แบบนี้ก็ดี เพียงให้ผู้แข็งแกร่งที่มาจากจวนเมืองหวยเฉิงมีพลังฝีมือทัดเทียมกับพวกสวีฮว๋า ก็จะได้โยนบาปไปให้จวนเมืองหวยเฉิงอย่างสมเหตุสมผล
“หยางเฉิน ไสหัวออกมาเลย!”
หกผู้แข็งแกร่งจากจวนเมืองหวยเฉิง ต่างหันมองไปจุดตำแหน่งที่พวกหยางเฉินอยู่
หยางเฉินกับเหล่าจิ่วจึงได้ก้าวเดินออกไป ก่อนหน้านี้ทั้งสองได้ทำการต่อสู้กับพวกสวีฮว๋าสามคน
จากเดิมที่บาดเจ็บอยู่แล้ว ตอนนี้สภาพที่มองเห็น
ดูทรุดโทรมอย่างที่สุด
“ไอ้พวกผู้แข็งแกร่งเมืองหวยเฉิง พวกแกมันยิ่งกว่าสัมภเวสีตามเกาะติดไม่ยอมเลิกรา!”
หยางเฉิงจ้องพวกนั้นด้วยสายตาเหยียด ๆ
เหล่าจิ่วก็จ้องเขม็งใส่พวกนั้น กระแสพลังบูโดเปล่งกระจายขึ้นมาในพลัน
ผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำ แค่นเสียงหัวเราะออกมา
“คิดไม่ถึงจริง ๆ พวกแกต้องมาตกอยู่ในมือของพวกข้า สองคนที่บาดเจ็บสาหัส
ยังกล้าจะมาสู้กับพวกข้าอีกหรือ?”
หยางเฉินตอบด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม “วันนี้ให้แม้จะต้องตายอยู่ที่นี่ พวกข้าก็จะใช้พวกแกนี่แหละเป็นเครื่องสังเวย!”
ผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำหัวเราะเสียงเหยียด
ตามด้วยคำพูดว่า “ไม่ต้องคุยโวมาก ที่พวกเรามาครั้งนี้ ก็ไม่ใช่จะมาฆ่าพวกแกหรอก แต่พวกข้าได้รับคำสั่งจากนายหญิงให้มาบอกกับพวกแก
ท่านให้มาบอกว่าอันที่จริงบุญคุณความแค้นที่มีกับพวกแกก็ไม่ได้ปักลึกอะไรมาก ถ้าพวกแกยอมสวามิภักดิ์กับท่านนายหญิง ต่อไปจะจงรักภักดีต่อท่าน ท่านก็จะปล่อยชีวิตพวกแกไป”
พอได้ยินดังนั้น หยางเฉินก็อึ้งงงไปนิดหนึ่ง ผู้หญิงชื่อหวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่คนนี้ร้ายกาจจริง
รู้ ๆ อยู่ว่าสามีตัวเองถูกหยางเฉินฆ่าตาย แต่ยังกลับคิดจะมาดึงหยางเฉินและเหล่าจิ่วให้เข้าพวก
ทว่าลองคิดละเอียดอีกที
ตัวเขากับเหล่าจิ่วก็มีคุณสมบัติมากพอที่หวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่ต้องการดึงเข้าพวก คนหนึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดระดับสุดยอด
อีกคนหนึ่งระดับกลางแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดที่เทียบได้ถึงระดับต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด
ในขณะที่ตัวหวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่เองก็กำลังเตรียมการจะลงมือจัดการกับเจ้าเมืองหวยเฉิง ซึ่งก็อยู่ในช่วงต้องการคน
แต่ หยางเฉินก็รู้ดี
ถึงแม้เขากับเหล่าจิ่วจะไปอยู่กับหวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่จริง คิดว่าพอถึงเวลาที่หวยฉิงอวี่หวยฉิงอวี่ได้ยึดครองเมืองหวยเฉิงแล้ว ก็จะต้องกำจัดตัวเขากับเหล่าจิ่วแน่นอน
ตอนนี้ที่ยอมเปิดโอกาสให้หยางเฉินกับเหล่าจิ่วก็เพียงจะเสริมเพิ่มผู้แข็งแกร่ง เพื่อไปจัดการกับเจ้าเมืองหวยเฉิง
“ที่พูดนี่เป็นเรื่องจริงหรือ?”
หยางเฉินแกล้งถามไป
ขณะนี้ ผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิงมาถึงแล้ว แต่พวกผู้แข็งแกร่งฝ่ายหุบเขาราชายายังมาไม่ถึง หยางเฉินก็ต้องหาทางถ่วงเวลา
มิฉะนั้นแล้ว ถ้าเกิดมีการปะทะกันขึ้นมาระหว่างพวกเขา ปัญหาก็จะยุ่งยากเป็นการใหญ่
เวลานี้ที่ต้องทำเฉพาะหน้าคือ หาทางดึงเวลาไปให้ถึงตอนที่พวกผู้แข็งแกร่งจากหุบเขาราชายาเข้ามาถึง
แล้วเอาเรื่องการตายหมู่ของพวกสวีฮว๋า โยนบาปไปให้พวกจวนเมืองหวยเฉิง
ก็เป็นอันจบงาน
ผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำ หัวเราะไปและพูดว่า “ก็ต้องจริงแน่นอน!ไม่งั้นแล้ว
จะเอาชีวิตรอดไปจากพวกเราได้หรือ?พวกเราหากจะฆ่าพวกแก มันง่ายเพียงแค่ขยับมือ”
แกคิดว่า ในสภาพตอนนี้ของพวกแก
หยางเฉินขมวดคิ้วย่น มองไปที่พวกนั้นพูดว่า “เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก ขอเวลาพวกเราปรึกษากันสักหลายนาทีได้ไหม?”
ผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำผงกหัวยิ้ม ๆ
“ได้ งั้นให้เวลาพวกแกคิดปรึกษากันสามนาที”
พูดจบ
ทั้งหกผู้แกร่งกล้า เดินถอยยืนออกไปข้าง ๆ
ทิ้งระยะเป็นที่ว่างให้พวกหยางเฉิน
หยางเฉินมองไปที่หวยหลัน ส่งสายตาทำนองขอความเห็น
หวยหลันผงกหัวเล็กน้อย ส่งความหมายประมาณว่าไม่มีปัญหา ทุกอย่างยังอยู่ในกรอบแผนของหล่อน หยางเฉินก็จึงได้แอบผ่อนหายใจคลายกังวลไปหน่อย
แววตาของเหล่าจิ่วยังคงเต็มไปด้วยความระแวง จ้องเขม็งอยู่ที่หวยหลัน เหมือนยังไม่มีความไว้วางใจหวยหลัน