บทที่ 1670 ชิงฉวยโอกาสก่อน

The king of War

บทที่ 1670 ชิงฉวยโอกาสก่อน
เหล่าจิ่วกับหวยหลันต่างมองไปที่หยางเฉิง เห็นแววตาหยางเฉิน เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
หวยหลันมองหน้าหยางเฉิน
อย่างน้อยฉันก็รู้สภาพแวดล้อมบริเวณนี้ดีอยู่มากกว่า อีกทั้งยังรู้จักคนอยู่ไม่น้อย คงจะมีหลายด้านที่พอจะช่วยพี่หยางได้”
เอ่ยปากพูด “ในเมื่อพี่หยางจะอยู่ งั้นฉันก็จะอยู่ด้วย
เหล่าจิ่วที่จ้องมองหยางเฉินอยู่ตลอด นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง ถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเมืองเหมียวให้ข้าอยู่กับท่าน ถึงแม้ต้องถึงกับชีวิต
ก็ต้องปกป้องท่าน ในเมื่อท่านต้องการอยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องอยู่กับท่าน”
จิตใจของหยางเฉินให้รู้สึกอบอุ่นบอกไม่ถูก ในใจก็รู้สึกเกรงใจอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเหล่าจิ่วหรือหวยหลัน
ในเวลานี้ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างเขา
ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่ามีอันตรายอยู่มาก
และเขาก็รู้ดีอยู่ ถึงแม้เขาจะปฏิเสธ เหล่าจิ่วกับ หวยหลันก็ไม่มีทางจะทิ้งเขาไป
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็มีแต่จดจำบุญคุณนี้ จารึกฝังไว้ในใจของเขา
หยางเฉินพูดด้วยใจขอบคุณ
ในภายภาคหน้าถ้าพวกท่านมีอะไรที่ใช้ข้าได้ ขอให้บอกกันได้เลย!”
“บุญคุณไม่ใช่ไว้พูดกันด้วยปาก ขอเพียงพวกเราได้มีชีวิตรอดกันกลับไป
หวยหลันยิ้มน้อย ๆ
พี่ไม่ต้องขอบคุณหรอก ความจริงแล้ว การช่วยเหลือท่านนั้นก็เป็นการช่วยเหลือเพื่อให้กับตัวฉันเอง”
“พี่หยาง
“เวลานี้ ฉันก็ได้ทรยศหันหลังให้กับเจ้าเมืองหวยเฉิงแล้ว
อีกทั้งวางแผนให้หุบเขาราชายาเกิดรอยแค้นกับจวนเมืองหวยเฉิง
คนอื่นอาจจะไม่รู้ข้อเท็จจริง แต่เจ้าเมืองหวยเฉิงจะต้องรู้ดี ว่านี่เป็นแผนร้ายที่มีฉันอยู่เบื้องหลัง”
“เท่าที่ฉันรู้จักคนอย่างเจ้าเมืองหวยเฉิง
เขาไม่มีทางที่จะปล่อยฉันลอยนวลแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็หวังที่จะตัดทอนกำลังพลของจวนเมืองหวยเฉิง
ถ้าเป็นได้ตามนั้น ฉันก็จะได้ปลอดภัยมากขึ้นไปด้วยอีกมาก”
เหล่าจิ่วก็ได้พูดขึ้นว่า “ท่านก็ไม่ต้องขอบคุณข้า จะขอบคุณก็ต้องขอบคุณไปที่เจ้าเมืองเหมียว ข้าก็ปฏิบัติไปตามคำสั่งจากเขา”
พูดจบ เขาก็หันไปที่หวยหลัน
ถามว่า
“ว่ากันต่อ พวกเราจะเอายังไงกันดี?”
หยางเฉิงก็มองไปที่หวยหลัน หวยหลันดูเหมือนได้มีแผนวางทั้งหมดไว้อยู่แล้ว
พอเหล่าจิ่วพูดจบ หล่อนก็เอ่ยปากตอบเลยว่า
“พวกเราไปที่ซ่านเฉิงกันก่อน ตัวเมืองนี้มีระยะการเดินทางห่างไปจากที่นี่สักสองชั่วโมง”
“พวกเราจะไปตั้งหลักอยู่แถวสนามบินซ่านเฉิงเกิดมีอะไรเห็นท่าไม่ดี พวกเราจะได้รีบหลบหนีออกไปได้ก่อนการตามล่าของพวกผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิงจากสนามบินซ่านเฉิง”
“สำหรับเรื่องการลอบฆ่าตัดกำลังพวกผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิงและหุบเขาราชายานั้น
รอให้พวกมันตีกันก่อน แล้วค่อยตามดูสถานการณ์จากผลการต่อสู้ของพวกมัน แล้วพวกเราค่อยวางแผน”
ตอนนี้ก็ยังไม่รีบ
เหล่าจิ่วผงกหัว “ดี!ข้าเห็นด้วย”
พูดจบ หันไปทางหยางเฉิน ถามไปว่า “แล้วท่านหละ?”
หยางเฉินก็ผงกหัว “ข้าก็เห็นด้วย!”
แล้วเขาก็หันมองไปที่หวยหลัน ถามว่า “พวกเราไปอยู่ที่ซ่านเฉิง เจ้าคงมีช่องทางในการรับข่าวสารจากเมืองหวยเฉิงสินะ?”
หวยหลันยิ้มน้อย
ๆ “วางใจเถอะ ฉันอยู่เมืองหวยเฉิงเป็นกระบอกเสียงให้กับเจ้าเมืองหวยเฉิงมาก็นาน และก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นแค่หุ่นให้เชิดตลอด มันก็มีทักษะที่สั่งสมไว้พอตัว
เรื่องภายในเมืองหวยเฉิงแม้ลมโชยหญ้ากระดิก ฉันก็สามารถรับรู้ได้”
หยางเฉินตบโต๊ะตัดสินใจในทันที “ดี!ในเมื่อได้แบบนี้ งั้นอย่ามัวรอชักช้า พวกเราไปสนามบินซ่านเฉิงกันเดี๋ยวนี้เลย”
“ตกลง!”
ทั้งสามเริ่มออกเดินทาง ผ่านความทุลักทุเลไปสองชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็มาถึงสนามบินซ่านเฉิง
ซ่านเฉิงห่างจากเมืองหวยเฉิงไม่ใกล้ไม่ไกลนัก การคมนาคมก็สะดวกมาก
สำหรับการเดินทางจากเมืองหวยเฉิงไปซ่านเฉิง มีแต่ทางรถยนต์
จึงบอกได้ว่า
และเวลาในการการนั่งรถยนต์มาอย่างเร็วที่สุดก็ต้องสองชั่วโมง เพียงแต่ระวังจับตาการเคลื่อนไหวของราชายากับเจ้าเมืองหวยเฉิงให้ดี ก็จะมั่นใจในความปลอดภัยของหยางเฉินได้
ถึงแม้ราชายาหรือเจ้าเมืองหวยเฉิงจะมาเอง ก็ต้องนั่งรถยนต์มา
กลหมากของหวยหลันนั้นแพรวพราวมาก
พอถึงสนามบินซ่านเฉิงก็มีคนส่งบัตรประจำตัวประชาชนมาให้ใหม่สามใบ บนเอกสารนอกจากรูปเป็นพวกเขาสามคนแล้ว
ข้อมูลทั้งหมดเปลี่ยนไปหมด
หวยหลันหัวเราะแล้วพูดว่า “พวกท่านวางใจได้ บัตรประชาชนสามใบนี้ ไม่มีปัญหาใด
ๆ ทั้งสิ้น เมื่อได้มาแบบนี้ พวกเราจะกินอยู่เดินทางยังไง ปลอดภัยได้ไร้กังวล คนของหุบเขาราชายาหรือจวนเมืองหวยเฉิงจะสืบหาพวกเรา
ก็ยากขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง”
หยางเฉินก็หัวเราะแล้วพูดว่า “แต่ก่อนหน้านี้ยังมองเจ้าไม่ขึ้นจริง
ๆ อาศัยความสามารถของเธอขนาดนี้ ถ้ายกกิจการธุรกิจใหญ่ให้เธอบริหาร คิดว่าคงใช้เวลาไม่นานนัก กิจการธุรกิจนั้น
ต้องก้าวไกลไปเป็นหนึ่งในระดับชั้นนำของโลกเลยเป็นแน่”
ในขณะที่กำลังนำพาหยางเฉินกับเหล่าจิ่วเข้าพักโรงแรม
หวยหลันก็พูดไปพลาง “ฉันก็อาศัยว่าเคยทำงานอยู่ในฐานะกระบอกเสียงของเจ้าเมืองหวยเฉิง เลยจึงเก็บเกี่ยวทักษะได้บางอย่างเพื่อใช้กับตัวเอง ถ้าไม่ได้เป็นกระบอกเสียงของเจ้าเมืองหวยเฉิง
ก็คงทำอะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก”
เหล่าจิ่วพูดด้วยความทึ่งในตัวหล่อนว่า
“เจ้าก็ถ่อมตัวเกินไปแล้ว มีอีกหลาย ๆ ผู้มีอิทธิพลระดับยอด ๆ มีความสามารถสูง ๆ ต่อให้มีเวทีที่ใหญ่กว่าที่เขายืนอยู่
ก็ใช่ว่าจะทำอย่างเจ้าได้ทุกคน”
คุยพลางเดินกันไป ทั้งสามก็ได้มาถึงโรงแรมฮิลตันของสนามบินซ่านเฉิงมีบัตรประจำตัวที่หวยหลันจัดทำให้ ทุกอย่างเรียบร้อยอย่างง่ายดาย
ในช่วงเวลาระหว่างทั้งสามคนนี้กำลังเข้าพักในโรงแรมฮิลตัน ในเมืองหวยเฉิงก็กำลังเละเป็นโจ๊กเต็มหม้อ
หลี่เสิ้งจากหุบเขาราชายานำผู้แข็งแกร่งอีกเก้านายจากหุบเขาราชายา กำลังไล่ตามฆ่าพวกผู้แข็งแกร่งกลุ่มพวกหยวนโส้วไฉ
เดิมในกลุ่มที่รวมทั้งตัวหยวนโส้วไฉเองด้วยนั้น หยวนโส้วไฉเป็นผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด ยังมีอีกสองผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลาง กับอีกสามผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ชั้นแปดชั้นต้น
เวลานี้ ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นทั้งสามคน ได้สู้จนตัวตายไปแล้ว อีกยังมีหนึ่งนายผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางก็ตายไปด้วย
เวลานี้ ก็คงเหลือแต่หยวนโส้วไฉกับอีกเพียงหนึ่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลาง
กลับไปดูด้านของหุบเขาราชายานั้น
หลี่เสิ้งถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลาย แต่อีกเก้าผู้แข็งแกร่งที่เขานำมา ยังมีหนึ่งระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดอยู่ อีกสองผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลาง ยังมีอีกหกผู้แข็งแกร่งชั้นต้นแดนเหนือมนุษย์
มาถึงเวลานี้
สิบผู้แข็งแกร่งของหุบเขาราชายาทุกคนยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่มีหนึ่งผู้แข็งแกร่งชั้นต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด บาดเจ็บอยู่เพียงเล็กน้อย
พลังกำลังพลทั้งสองฝ่าย ไม่มีทางเทียบกันได้
ผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิง แม้คิดจะหนี
ก็หนีไม่พ้นแล้ว
ในขณะนี้ หยวนโส้วไฉกับอีกหนึ่งผู้แข็งแกร่งระดับกลางแดนเหนือมนุษย์ก็ได้ถูกผู้แข็งแกร่งของหุบเขาราชายาล้อมไว้อยู่ตรงกลาง
ทั้งสองมีแต่บาดแผลเต็มตัวหยวนโส้วไฉก็ดูจะบาดเจ็บสาหัส
เขาจ้องหลี่เสิ้งด้วยสีหน้าที่เหี้ยมเกรียม
ขบฟันพูดด้วยความแค้นไปว่า “หลี่เสิ้ง แม้มีการตัดสินความในกระบวนการรัฐ จะตัดสินประหารชีวิตใคร ก็ยังต้องมีหลักฐานยืนยันชัด เจ้าไม่มีหลักฐานอะไรแม้แต่นิดเดียวที่จะบ่งชัดได้ว่าพวกเราฆ่าศิษย์ผู้พี่ของเจ้า แล้วนี่เจ้าใช้เหตุผลอะไรมาฆ่าพวกข้าผู้แข็งแกร่งแห่งจวนเมืองหวยเฉิง?”
“ที่พวกเจ้าทำไปนี้ ก็คือการประกาศสงคราม!เจ้ารู้ไหมว่าถ้าหุบเขาราชายากับจวนเมืองหวยเฉิงระเบิดสงครามกันขึ้น ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร?”
หลี่เสิ้งหัวเราะเสียงเย้ย “พวกข้าคนหุบเขาราชายาจะทำอะไร
ไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐาน เพียงพวกข้าเชื่อว่าพวกเจ้าเป็นคนทำ
พวกเจ้าก็สมควรตาย!”
ผู้ที่ถูกฆ่าตายคือสวีฮว๋า เป็นศิษย์เอกของราชายา
ส่วนหลี่เสิ้งคือศิษย์รองเป็นที่สอง
มีหรือว่าเขาจะไม่รู้สึกสงสัย ความไม่ชอบมาพากลในการตายของพวกสวีฮว๋า?
แต่ว่า นี่เป็นจังหวะดีที่สุดในการระดมพลล้อมกรอบกลุ่มยอดผู้แกร่งกล้าของจวนเมืองหวยเฉิง ไม่ว่าการตายของพวกสวีฮว๋าจะเกี่ยวด้วยกับพวกกลุ่มของหยวนโส้วไฉหรือไม่ มันไม่ใช่สาระ
จัดการฆ่าพวกนี้ทิ้งได้ ก็เท่ากับได้ตัดทอนกองกำลังโดยรวมของจวนเมืองหวยเฉิงลง
ระหว่างหุบเขาราชายากับจวนเมืองหวยเฉิงก็อยู่กันเหมือนน้ำกับไฟไม่ยอมกันอยู่แล้ว หากแม้นได้เปิดศึก
ก็ต้องใช้ความเร็วชนิดสายฟ้าแลบฆ่าฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากที่สุด
มีแต่วิธีนี้ จึงจะได้เปรียบในกลยุทธของการชิงชัย
หยวนโส้วไฉได้ยินพูดของหลี่เสิ้ง ก็เป็นที่เข้าใจแล้ว หลี่เสิ้งจะต้องฆ่าเขาแน่
“แม้กระต่ายตัวน้อย
ถึงข้าจะต้องตาย ก็จะลากตัวเจ้ามารองหนุนศพข้า!”
ในยามคับขันก็ยังกัดคน!สักจะว่าอะไรที่เป็นคน ในเมื่อตั้งใจบีบคั้นกันขนาดนี้
หยวนโส้วไฉพูดด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด พอพูดจบ กระแสพลังบูโดในตัวของเขาพลุ่งพล่านขึ้นมาในพลัน พุ่งโถมเข้าใส่หลี่เสิ้งทั้งตัว