WSSTH ตอนที่ 3562 : หลัวอี้หมิง
ซู่มมม!!
ท่ามกลางสายตาอันหวาดกลัวของ ฉีจิน อาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับและสมาชิกทั่วไปอีก 10 คน แสงกระบี่ที่เกิดจากชายเสื้อคลุมลมดําของต้วนหลิงเทียน คล้ายมีพลังแห่งทวยเทพหนุนเสริม มันเจาะทะลวงฝ่ากําแพงดินที่เต็มไปด้วยอักขระลี้ลับเต็มพิกัดได้ราวกับเต้าหู! ปราการป้องกันด่านแรกของหลัวเฟิงถูกทลายลงอย่างสมบูรณ์
ต้องทราบด้วยว่านั่นคือการผสานรวมคววามลึกซึ้งของกฏแห่งดินอันแข็งแกร่ง!
ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพสงคราม 8 ดารา ยังไม่อาจบุกฝามาได้ง่ายๆเช่นนี้
กลับกัน แสงกระบี่สีดําของชายเสื้อคลุมต้วนหลิงเทียน พลังสภาวะไม่คล้ายถดถอยลงไปมากมายอะไร!
ปงงงง!!
และชายเสื้อคลุมที่ว่าก็ยังคงพุ่งจี้เข้าใส่หลัวเฟิงสืบต่อ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง พลังของอักขระที่ควบรวมในฉับพลันก็ไม่อาจชะลอการรุกคืบได้แม้เศษเสี้ยว เพียงบังเกิดเสียงระเบิดเบาๆก็สาบสูญไปหมดสิ้น!
การป้องกันด่านที่ 2 ของหลัวเฟิงยังคงถูกทําลายลงอย่างง่ายดาย!
ปงงง!!
ครืนนน!!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง เป็นการป้องกันด่านสุดท้ายของหลัวเฟิง ชุดคลุมสีขาวที่ฉาบไว้ด้วยพลังกฏแห่งดิน แม้จะพุ่งขึ้นมาราวมีชีวิตหมายปกปักษ์พิทักษ์เจ้านาย สุดท้ายก็ขาดวิ่นลงไม่มีชิ้นดี
กล่าวได้ว่าบัดนี้ หลัวเฟิงไม่เหลือสิ่งใดป้องกันตัวอีกแล้ว นอกจากพลังเบาบางทั่วร่าง…
‘นั่นมัน..อุปกรณ์เทพ!?’
จังหวะนี้ต่อให้หลัวเฟิงจะความรู้สึกช้าแค่ไหน แต่มันก็ตระหนักเรื่องราวได้ทันที ว่าชุดคลุมลมดําของต้วนหลิงเทียนนั่นไม่ใช่แค่ชุดผ้าธรรมดาๆ แต่ที่แท้มันเป็นถึงอุปกรณ์เทพ หาไม่แล้ววคงไม่มีพลังงอานุภาพถึงขั้นทําลายการป้องกันทั้งหมดของมันลงได้ง่ายดายขนาดนี้!!
“เร็วเข้า!!”
ในพริบตาเดียวกัน หลัวเฟิงก็อาศัยหนึ่งห้วงคิดเรียกนาฬิกาทรายอันเล็กแลดูงดงามหนึ่งขึ้นมาในฝ่ามือ ก่อนจะโยนขึ้นฟ้าไปอย่างรีบร้อน!
ในขณะที่ชายเสื้อคลุมดั่งแสงกระบี่พุ่งเข้ามาดั่งเงาเลือน นาฬิกาทรายอันเล็กพลันทอแสงสว่างวาบก่อนจะกลับกลายเป็นนาฬิกาทรายอันเขื่อง ปกคลุมร่างหลัวเฟิงเอาไว้อย่างมิดชิด! และเบื้องหน้านาฬิกาทรายยังปรากฏเงาร่างยักษ์ศิลาตัวหนึ่ง พุ่งสองมือใหญ่โตตบสวนไปยังชายเสื้อคลุมดําทันที!!
“ใต้เท้าหลัวเฟิงใช้อุปกรณ์อมตะจักรพรรดิคู่กายแล้ว!”
ไม่ต้องกล่าวถึงสมาชิกทั่วไปของพันธมิตรอุดรลี้ลับทั้ง 10 ด้วยซ้ํา เพราะกระทั่งชนชั้นอาวุโส ของพันธมิตรอุดรทมิฬอย่างฉีจิน ก็พึ่งเคยเห็นอุปกรณ์อมตะจักรพรรดิของหลัวเฟิงครั้งแรกด้วยสองตา!
“ได้ยินมานานแล้วว่าอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิคู่กายใต้เท้าหลัวเฟิงมีจิตวิญญาณสถิตย์ พลังอานุภาพใกล้เคียงกับอุปกรณ์เทพขั้นต่ําวันนี้ได้เห็นกับตา นับว่าทรงพลังสมคําร่ําลือจริงๆ!”
ฉีจินลอบกล่าวในใจ
ฉีจินมองจ้องฉากเรื่องราวเบื้องหน้าด้วยสองตาเป็นประกาย “จะอย่างไรก็ตาม พลังฝีมือของชายชุดคลุมลมดําผู้นี้จะไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ? อาศัยกระบวนท่าจู่โจมนี้ พลังอํานาจก็อยู่เหนือเทพสงคราม 8 ดาราทั่วไปมากมายแล้ว!
‘แต่ทั้งหมดเป็นเพราะมันใช้อุปกรณ์อมตะแต่แรก บัดนี้ใต้เท้าหลัวเฟิงเองก็ใช้อุปกรณ์อมตะ แล้วเช่นกัน คงไม่แพ้พ่ายมันอีก’
ซัววว! ปงงง!!
อย่างไรก็ตาม แทบจะพอดีกับที่ฉีจินคิดถึงจุดนี้ ชายเสื้อคลุมสีดําที่พุ่งทะลวงเข้ามาด้วยสภาวะพลังอันน่ากลัว ก็เจาะทะลุสองมือรวมถึงร่างยักษ์ศิลาตัวเขื่องเบื้องหน้านาฬิกาทรายได้ง่ายๆ ก่อนจะพุ่งกระแทกเข้านาฬิกาทรายอันเขื่องจนเกิดเสียงเสียดหูกังวานออกมาสะท้านสะเทือน!
“หืม!?”
จากนั้นท่ามกลางสายตาชมมองของทุกคน ชายผ้าคลุมสีดําก็อันตรธานหายไปในอากาศ
ครู่ต่อมาก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองเรื่องราว เสียงของหลัวเฟิงรองผู้นําพันธมิตรอุดรก็ดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ “ขอบคุณท่านที่เมตตา…”
จังหวะนี้ ท่ามกลางสายตาไม่อยากจะเชื่อของทุกคน หลัวเฟิงก็ได้เก็บนาฬิกาทรายอันเขื่องกลับไปเรียบร้อย
พอเห็นสภาพชุดคลุมของหลัวเฟิง ใจทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความเหน็บหนาว
เนื่องเพราะชุดคลุมสีขาวของหลัวเฟิง บัดนี้ไม่เพียงแต่ไม่เหลือเค้าความสมบูรณ์เหมือนก่อนมันยังเต็มไปด้วยรอยกรีดเฉือนอันน่ากลัว ราวกับพึ่งผ่านห่าพายุคมมีดนับพัน…
ทว่าเมื่อมองให้ดีจะพบผิวกายของหลัวเฟิงนั้นยังคงไร้รอยขีดข่วน! บ่งชี้ชัดว่าอะไรก็ตามที่เชีอดเฉือนกรีดชุดคลุมเสื้อผ้าของหลัวเฟิงจนขาดวิ่นนั่น ไม่ได้กินลึกถึงเนื้อ! หยาดโลหิตสักหยดไม่มีผุดซึมให้เห็น!!
การควบคุมของผู้ลงมือแม่นยําถึงขนาดไหน เผยให้เห็นชัดเจน!
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
สมาชิกพันธมิตรอุดรลี้ลับทั้ง 10 ไม่เว้นตัวฉีจินเอง อดสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บไม่ได้ พอมองไปยังชายชุดคลุมลมดําสวมหมวกฟางปิดหน้าอีกครั้ง ในลูกตาก็ฉายชัดถึงความหวาดกลัวครั่นคร้าม
คนผู้นี้…กระทั่งใต้เท้าหลัวเฟิง รองผู้นําพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมันนําอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ออกมาก็แล้ว กลับจู่โจมคว้าชัยได้ง่ายๆ?
พลังฝีมือระดับนี้…ไม่ใช่ว่ายังสูงส่งกว่าผู้นําพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมันแล้วหรือไร!?
“ตอนนี้ข้าเข้าร่วมพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเจ้าได้รึยัง?”
ต้วนหลิงเทียนที่แต่ต้นจนจบยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เอ่ยถามออกมาด้วยน้ําเสียงเฉยเมย หากแต่ใครฟังดูให้ดีจะพบว่าเจียนจะหมดความอดทนเต็มที่แล้ว
ถึงแม้พลังฝีมือของหลัวเฟิงจะดี แถมยังเชี่ยวชาญกฏแห่งดินที่ขึ้นชื่อว่าโดดเด่นในการป้องกันที่สุดในบรรดากฏท่ามกลางสวรรค์และโลก จนมีแค่ไม่กี่คนใต้เทพสงคราม 9 ดาราสามารถทําลายการป้องกันมันได้
แต่เขาต่างออกไป
เขาไม่เพียงแต่จะเข้าใจกฏมิติที่ทําให้เพิกเฉยการป้องกันของกฏแห่งดินได้ในหลายๆแง่มุม นอกจากนี้เขายังมีอุปกรณ์เทพอยู่ในครอบครอง…แน่นอนว่าอุปกรณ์เทพที่กล่าวถึงไม่ใช่กระบี่หลิงหลง 7 สมบัติ
เป็นชุดคลุมลมดําที่เขาสวมใส่อยู่ในตอนนี้ มันเป็นอุปกณ์เทพประเภทอาภรณ์ป้องกันขั้นกลาง!
ย้อนกลับไปในตอนที่เข้าสู่ซากปรักหักพังของระนาบเทพ ต้วนหลิงเทียนที่มีหวงเฮ้อย่อมตามหาอุปกรณ์เทพได้ง่ายๆราวกับมีเครื่องตรวจจับ เช่นนั้นเขาจึงมีอุปกรณ์เทพหลายชิ้นอยู่ในมือ รวมถึงอุปกรณ์เทพประเภทอาภรณ์ที่เขาใส่อยู่ตอนนี้! เพียงแค่ยังไม่ได้กําเนิดจิตวิญญาณแต่อย่างใด
ทว่าถึงแม้จะยังไม่ได้กําเนิดจิตวิญญาณ พลังอํานาจของมันก็สุดที่อุปกรณ์อมตะใดๆจะเทียบเทียมได้
“ย่อมได้!”
หลัวเฟิงเร่งกล่าวรับฉับไว
ถึงแม้มันจะรู้สึกพิกลอยู่บ้าง ที่ตัวตนระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราเบื้องหน้า เลือกจะเข้าร่วมพันธมิตรอุดรลี้ลับของมัน แต่ในเมื่อผู้อื่นมาถึงหน้าประตูแถมพิสูจน์พลังฝีมือให้เห็นชัด ถนัดตาก็เป็นไปไม่ได้ที่พันธมิตรอุดรลี้ลับจะผลักไส ปฏิเสธไม่ให้อีกฝ่ายเข้าร่วม
กล่าวกันตามตรง…
ถึงแม้ในเขตพื้นที่นี้กองกําลังพันธมิตรอุดรลี้ลับจะแข็งแกร่ง แต่อยู่ต่อหน้ายอดฝีมือที่แท้จริง แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับหมอกควันเบาบางกลุ่มหนึ่ง…
ไม่ต้องกล่าวถึงเทพสงคราม 9 ดาราด้วยซ้ํา ขอเพียงมีชนชั้นยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราบุกมาสักคน ก็สามารถกวาดล้างพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมันได้ง่ายๆแล้ว
หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง เกรงว่าในพันธมิตรอุดรลี้ลับ ผู้ที่พอจะหนีเอาชีวิตรอดได้คงมีแค่มันกับผู้นํา
จากนั้น ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของฉีจินและสมาชิกทั่วไปอีก 10 คนของพันธมิตรอุดรลี้ลับ ต้วนหลิงเทียนโดยมีหลัวเฟิงนําทาง ก็เดินเข้าประตูหน้าพันธมิตรอุดรลี้ลับอย่างไม่รีบไม่ร้อน และไม่ทันไรแผ่นหลังของเขาก็หายลับไปจากสายตาฉีจินกับคนอื่นๆ
“สวรรค์ ข้าไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะร้ายกาจถึงขนาดนี้!!”
สมาชิกของพันธมิตรอุดรลี้ลับคนหนึ่งกล่าวด้วยสายตาทีท่าหวาดผวา “บอกตามตรงตอนแรก ที่ข้าเห็นมันปรากฏตัวขึ้นมา ข้าคิดจะลงมือขับไล่มันแล้วยังดีที่ข้าไม่ทันได้ทําอะไร ไม่งั้นหากข้าลงมือออกไปข้าได้ตายหยังเขียดแน่!”
“มันที่ประมือกับใต้เท้าหลัวเฟิงแล้วยังเอาชนะได้ง่ายดาย ทั้งๆที่ใต้เท้าหลัวเพิ่งใช้ออกด้วยทุกสิ่งแล้วแบบนั้น…ข้าเกรงว่าพลังฝีมือของมันไม่มีทางอ่อนด้อยไปกว่าท่านผู้นําแน่!”
“หากยอดฝีมือเช่นมันคิดเข้าร่วมพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเราโดยไร้ซึ่งลับลมคมในจริงๆ พลังรบโดยรวมของพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเราจะพุ่งสู่มิติใหม่ทันที คงยากที่อีก 2 กองกําลังในเขตนี้จะต้านทานพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเราได้!”
ในเขต 2 ของภาคเหนือนั้น มีกองกําลังที่แข็งแกร่งที่สุด 3 กองกําลัง และพันธมิตรอุดรลี้ลับก็คือหนึ่งในนั้น
ในอดีตพลังรบโดยรวมของกองกําลังทั้ง 3 พอๆกัน จึงบังเกิดสถานการณ์คานอำนาจ กันขึ้น กลายเป็น 3 ก๊กในเขต 2 ของภาคเหนือ
แต่บัดนี้พันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมันกลับปรากฏตัวตนยอดฝีมือระดับนี้ขึ้นมา หากอีก 2 กองกําลังที่เหลือไม่ร่วมมือกัน เช่นนั้นก็คงเป็นการยากที่อีก 2 กองกําลังที่เหลือจะต้านทานการบุกทําลายของพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมันได้
และถึงแม้กองกําลังที่เหลือทั้ง 2 จะร่วมมือกันทําให้พันธมิตรอุดรลี้ลับไม่อาจ “ฮุบกลืนพวกมันได้ แต่พวกมันก็จะกลายเป็นกองกําลังอันดับ 1 ของภาคเหนือเขต 2 ทันที!
“บางที การมาถึงของชายผู้นี้ อาจทําให้พันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเรากลายเป็นจ้าวในเขต 2 ภาคเหนือได้จริงๆ!!”
ในขณะที่สมาชิกของพันธมิตรอุดรลี้ลับหน้าปากทางเข้ากําลังฝันหวานถึงอนาคตอันสดใส ต้วนหลิงเทียนอันมีหลัวเพิ่งนําทาง ก็มาถึงค่ายที่พักของพันธมิตรอุดรลี้ลับใต้ธารน้ําแข็งเรียบร้อย
มันเป็นดั่งโลกใต้ดินอันกว้างใหญ่ และเขาไม่เห็นเสารับน้ําหนักสักต้น..
เหตุไฉนที่ธารน้ําแข็งไม่ถล่มลงมา ทั้งหมดเพราะมีค่ายกลที่ทําให้ธารน้ําแข็งด้านบนไม่ฟังทลาย
พลังอํานาจของค่ายกลนั้นกระทั่งทําให้เกาะที่ใหญ่ปานทวีปสามารถลอยอยู่บนฟ้าได้ เช่นนั้น กับอีแค่ทําให้ธารน้ําแข็งไม่ถล่มลงมาก็ช่างง่ายดายเหลือเกิน
“ไม่ทราบท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”
หลังหลัวเฟิงพาต้วนหลิงเทียนมาถึงค่ายที่พักของพันธมิตรอุดรลี้ลับแล้ว มันก็อดถามออกมาไม่ได้
“ลี่เฟิง”
ต้วนหลิงเทียนตอบ
ลี่นั่นมาจากแซ่ของมารดาเขา ลี่หลัว
ส่วนเฟิงมาจากชื่อตัวสุดท้ายของบิดาเขา ต้วนหรูเฟิง
ลี่เฟิง
ชื่อนี้ด้วนหลิงเทียนเคยใช้มาแล้วสมัยยังอยู่ในระนาบโลกียะ
“ที่แท้เป็นท่านลี่เฟิง”
หลัวเฟิงคลี่ยิ้มบางๆ “ว่าแต่มิทราบท่านลี่เฟิงมาจากที่ใดหรือ…เพราะก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ว่าในภาคเหนือเรา เคยมียอดฝีมือเช่นท่านมาก่อน
ในสายตาของหลัวเฟิง ด้วยพลังฝีมือของชายเบื้องหน้า เป็นไปไม่ได้ที่จะไร้ชื่อเสียงเรียงนาม หากอยู่ในเขต 2 ภาคเหนือ และเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครรู้ว่ามียอดฝีมือลักษณะนี้ดํารงอยู่
หากเป็นแค่เทพสงคราม 8 ดาราทั่วไปหรือต่ํากว่าค่าเฉลี่ยแล้วไม่มีใครรู้จักเลย ก็คงไม่แปลกแต่อีกฝ่ายสมควรเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราที่ร้ายกาจอย่างหาตัวจับยาก!
“ข้าพึ่งเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกได้ไม่นาน อีกทั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ข้าเข้ามา”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเรียบ “ท่านจะไม่รู้จักข้าก็ไม่แปลกหรอก”
“พึ่งเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกได้ไม่นาน…ทั้งยังเข้ามาเป็นครั้งแรก?”
สองตาหลั่วเฟิงเป็นประกายสว่างไสวขึ้นมาโดยพลัน “ท่านลี่เฟิงที่ท่านต้องการเข้าร่วมพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเรา คงมิใช่ว่า…ท่านต้องการหาที่พักเพื่อให้ท่านสามารถบ่มเพาะฝึกฝนได้อย่างสงบกระมัง?”
“หากไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้ ท่านคิดว่าข้าจําเป็นต้องมาขอเข้าร่วมพันธมิตรอุดรลี้ลับของท่านหรือไม่เล่า?”
ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม
ได้ยินคําตอบของต้วนหลิงเทียน หลัวเฟิงก็อดโล่งใจไม่ได้ รอยยิ้มสดใสยังเริ่มคลี่กางขึ้นมาบนใบหน้า
ดูเหมือนว่าคราวนี้พันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมัน จะเก็บตกสมบัติล้ําค่าเข้าให้แล้ว!
หลัวเฟิงไม่มีความลังเลใดๆสืบไป เร่งส่งข้อความแจ้งเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้นําพันธมิตรอุดรลี้ลับทราบเรื่อง ลี่เฟิง หรือก็คือต้วนหลิงเทียนทันที
ผู้นําพันธมิตรอุดรลี้ลับ มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน มาในชุดคลุมสีขาวขลิบทอง ปกติใบหน้ามันมักฉาบไว้ด้วยความจริงจังง ทําให้แลดูสง่างามน่าเกรงขาม แต่พอออกมาทักทายด้วนหลิงเทียน มันก็คลี่ยิ้มร่าแลดูมากอัธยาศัยนัก “ท่านลี่เฟิง ข้าคือผู้นําพันธมิตรอุดรลี้ลับหลัวอี้หมิง”
“ข้าขอกล่าวในนามของพันธมิตรอุดรลี้ลับว่าพวกเรายินดีต้อนรับท่านที่เข้าร่วมกับเราอย่างยิ่ง!”
หลัวเฟิงนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลัวอี้หมิง และหลัวอี้หมิงก็ไม่คลางแคลงสงสัยในคําพูดของหลัวเฟิงเลย
ด้วยเหตุนี้หลังได้รับทราบความเป็นมารวมถึงพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนแล้ว มันไม่เพียงแต่จะรู้สึกโล่งใจ แต่ยังรู้สึกว่าพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมันได้เก็บตกสมบัติล้ําค่าที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาในภาคเหนือเขต 2 เข้าให้แล้วจริงๆ!
ดั่งคําว่า คนวาสนาดีเพียงนั่งอยู่บ้านเฉยๆ โชคยังหล่นจากฟ้า!
บางทีด้วยการเข้าร่วมของลี่เฟิงผู้นี้ สมดุลแห่งพลังในเขต 2 ภาคเหนือก็ถึงคราวพังทลาย และ พันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกมันจะกลายเป็นกองกําลังที่มีพลังอํานาจมากพอจะฮุบกลืนอีก 2 กองกําลังที่เหลือทันที!
“ท่านลี่เฟิง ผู้นําเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าเอง”
พอเห็นว่าหลังจากหลัวอี้หมิงแนะนําตัวเองออกมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็แลดูสงสัยเล็กน้อยหลัวเฟิงก็เร่งกล่าวอธิบายออกมาด้วยรอยยิ้ม “แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ มีคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้”
“เมื่อครู่ ทั้ง 11 คนที่ท่านลี่เพิ่งพบเจอที่หน้าทางเข้าค่ายพันธมิตรอุดรลี้ลับเรา ก็ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่าข้ากับพี่อี้หมิงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”
พอเสียงของหลัวเฟิงดังจบคํา ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้า “ล้วนเป็นเทพสงคราม 8 ทั้งคู่พวกท่านร้ายกาจจริงๆ”
“พวกเราร้าจกาจแค่ไหน ก็ยังไม่เท่าท่านลี่เฟิงอยู่ดี”
หลัวเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเหยเก
พอนึกถึงพลังฝีมือของชายเบื้องหน้า มันยังหวาดกลัวไม่หาย!
โดยเฉพาะวินาทีสุดท้ายนั่น หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายยั้งมือไว้ล่ะก็เกรงว่ามันคงตายคาที่ไปแล้ว!