ตอนที่ 3564

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3564 : ไม่สะดวกจะพูด

 

สมัยยังเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์ภูต ถึงแม้หมี่ซวนจะไม่ได้ไปเยือนระนาบเทวโลกทั้งหลาย และอยู่แต่ในโลกแห่งความตาย

  

อย่างไรก็ตาม มันก็พอรู้จักผู้ที่อยู่ในระดับต้นๆของ รายนามจักรพรรดิสวรรค์ ของระนาบเทวโลกอยู่บ้าง

  

จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียน จี้โยว ตัวตนที่ทุกคนในระนาบเทวโลกรู้จักกันดีในฐานะ อันดับ 1 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์…

  

มันเองก็รู้จักอีกฝ่าย!

  

เป็นธรรมดาว่าถึงมันจะไม่เคยรู้จักอีกฝ่ายมาก่อน แต่ในเมื่อมันชิงร่างถังซานเป่า จ้าววิหารน้อยแห่งวิหารเฟิงฮ่าวมาแล้ว ก็เสมือนช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างของถังซานเป่าไม่เว้นความทรงจำ ทำให้มันรู้จัก จี้โยว จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้ฟ่านเทียน อันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ไปโดยปริยาย

  

“อืม”

  

ได้ยินคำถามของหมี่ซวน หวู่หงชิงพยักหน้าเบาๆ “ข้าเป็นฝ่ายไปหามันเอง”

  

“หืม? ท่านเป็นฝ่ายไปหามันก่อน?”

  

หมี่ซวนย่นคิ้ว “ท่านคงไม่ได้บอกเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนถือครองเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ธาตุกับมันกระมัง?”

  

“ไม่ได้บอก”

  

หวู่หงชิงส่ายหน้าไปมา “ข้าไปหามันเพื่อจะแจ้งให้มันทราบว่า…วิหารเฟิงฮ่าวของพวกเรายินดีร่วมมือกับมันเพื่อจัดการต้วนหลิงเทียน ทว่าหลังจากจับตัวต้วนหลิงเทียนได้แล้ว ต้องให้ต้วนหลิงเทียนนั่นอยู่ในวิหารเฟิงฮ่าวของพวกเราระยะหนึ่ง รอให้พวกเราดึงวิธีฝึกฝนและริเริ่มทำความเข้าใจจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกของต้วนหลิงเทียนก่อน ถึงตอนนั้นมันจะเอาต้วนหลิงเทียนไปแล่หรือสับก็ตามใจ”

  

“จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน จี้โยว นั่น มันก็รู้ดีแต่แรกว่าวิหารเฟิงฮ่าวของพวกเรา ให้ความสนใจกับจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกมานานแล้ว กระทั่งตัวมันเองก็บังเกิดความสนใจไม่ต่าง”

  

“ดังนั้นข้าก็เลยรับปากมันไป ว่าพวกเราสามารถแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกที่เค้นมาจากต้วนหลิงเทียนให้ได้”

  

“เป็นธรรมดาว่ามันยังมีข้อเรียกร้องประการหนึ่ง…มันต้องการอุปกรณ์เทพในมือต้วนหลิงเทียน”

  

พูดถึงจุดนี้ หวู่หงชิงก็เริ่มกล่าวถึงอุปกรณ์เทพที่ต้วนหลิงเทียนใช้ฆ่าหวู่หลงในสมรภูมิ 9 ยยมโลกออกมา ด้วยอุปกรณ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชนะหวู่หลงที่ใช้อุปกรณ์เทพเหมือนกันได้อย่างง่ายดาย

  

“ดูเหมือนเจ้านั่นจะอยากได้อุปกรณ์เทพในมือต้วนหลิงเทียนไม่น้อย หาไม่แล้วคงไม่ชิงออกตัวก่อนเช่นนี้…ดูท่าอุปกรณ์เทพมือต้วนหลิงเทียนชิ้นนั้นจักมิใช่ธรรมดากระมัง?”

  

หมี่ซวนมองลึกไปยัหวู่หงชิงพลางถาม “ท่านคิดอย่างไร?”

  

“ข้าเชื่อว่าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”

  

หวู่หงชิงพยักหน้าเห็นด้วย “จี้โยวนั่นหากไม่มีผลประโยชน์คงไม่กระดิกตัว…ลองมันสนใจอยากได้อุปกรณ์เทพในมือต้วนหลิงเทียนถึงขนาดนี้ หมายความว่าอุปกรณ์เทพในมือต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ชั่วแน่…แต่ให้เป็นอุปกรณ์เทพที่ล้ำค่าแค่ไหนแล้วจะอย่างไรเล่า? หรือเจ้าคิดว่ามันมีมูลค่าเทียบกับเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ในร่างต้วนหลิงเทียนได้? พวกมันเป็นเทพเบญจาตุขั้นสูงแล้ว!”

  

“หากพวกเราได้เทพเบญจธาตมาครองสักธาตุ ต่อให้เรื่องบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดจะไม่มีหวัง แต่เรื่องบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพ หรือแม้แต่อริยะเทพก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส!”

  

เห็นได้ชัดว่าเพื่อให้ได้มาซึ่งเทพเบญจธาตุในร่างต้วนหลิงเทียน หวู่หงชิงยินดีสละอุปกรณ์เทพที่ต้วนหลิงเทียนครอบครองอยู่

  

“ก็จริง”

  

หมี่ซวนเองก็เห็นด้วยยกับการตัดสินใจของหววู่หงชิง

  

“แล้วตอนนี้ท่านแข็งแกร่งเพียงใดแล้วเล่า?”

  

หวู่หงชิงมองถามหมี่ซวน ในสายตาฉายความคาดหวังประการหนึ่ง

  

ได้ยินคำถามดังกล่าว หมี่ซวนก็เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถึงแม้ว่าข้าจะยังไม่อาจลงมือได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ…แต่อย่างไรข้าก็มีรากฐานจากด่านพลังราชาเทพขั้นกลาง และตอนนี้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างข้าก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว…กล่าวได้ว่าถึงข้าจะยังใช้พลังได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาศัยแค่ความเข้าใจในกฏของข้า จะให้ฆ่าเทพสงคราม 9 ดาราทั่วไปก็ไม่มีปัญหา”

  

คำพูดของหมี่ซวน ย่อมทำให้สองตาหวู่หงชิงงเป็นประกายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

  

มันย่อมจับใจความได้วว่าบัดนี้ หมี่ซวน มีพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 9 ดาราชนชั้นยอดฝีมือแล้ว

  

“หมี่ซวนข้าจักส่งคนของวิหารเฟิงฮ่าวเราไปกับท่าน จากนั้นท่านก็พาคนไปร่วมมือกับพวกจี้หยิ่งเสีย เพื่อระวังไม่ให้ต้วนหลิงเทียนตกอยู่ในมือพวกมัน”

  

หลังทราบว่าหมี่ซวนมีพลังระดับเทพสงคราม 9 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ หวู่หงชิงก็กล่าวออกมาด้วยสายตาเร่าร้อน “แน่นอนว่าหากท่านมิอาจจับเป็นมันได้ เช่นนั้นก็ฆ่ามันแล้วปล้นเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ของมันมาเสีย…และหากสามารถลงมือโดยที่จี้โยวไม่รู้ได้ก็เป็นเรื่องดีที่สุด เช่นนี้พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องมอบอุปกรณ์เทพที่ต้วนหลิงเทียนมีให้มัน”

  

“วิหารเฟิงฮ่าวเรา จะส่งเทพสงคราม 8 ดารากลุ่มหนึ่งไปกับท่านก่อน…และข้าได้ออกคำสั่งไปแล้ว อีกไม่นานก็จะมีเทพสงคราม 9 ดาราของวิหารเฟิงฮ่าวเราตามไปสมทบกับท่านภายหลัง”

  

เห็นได้ชัดว่าก่อนที่หมี่ซวนจะออกจากสมรภูมิ 9 ยมโลก หวู่หงชิงก็ได้ตระเตรียมการทั้งหมดเอาไว้แล้ว

  

“เช่นนั้น ท่านคิดจะให้ข้าไปยังพันธมิตรฟ่านเทียนในสมรภูมิ 9 ยมโลกเลยหรือไม่?”

  

หมี่ซวนเอ่ยถาม

  

“มิผิด”

  

หวู่หงชิงพยักหน้า “ข้าได้ตกลงกับจี้โยวแล้ว ว่าจะส่งเทพสงคราม 9 ดาราอย่างน้อยหนึ่งคนไปร่วมมือกับ จี้หยิ่ง ศิษย์มัน เพื่อร่วมมือกันล่าตัวต้วนหลิงเทียนแล้วจับมันมา”

  

“ตอนแรกหากท่านยังไม่ออกมา ข้าก็คิดจะส่งเทพสงคราม 9 ดาราของวิหารเฟิงฮ่าวเราไปหามัน…”

  

“แต่ในเมื่อท่านมาแล้ว ท่านก็ไปเลยเถอะ”

  

ดุจเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์ของระนาบเทวโลกต่างๆ คนของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาย่อยเองก็มีชนชั้นเทพสงคราม 9 ดาราอยู่จำนวนหนึ่ง และบางคนก็เป็นเทพสงคราม 9 ดาราที่พลังฝีมือร้ายกาจนัก แน่นอนว่าฐานะของพววกมันก็เป็นถึงชชั้นจ้าววิหารสาขาย่อยทั้งสิ้น

  

แน่นอนว่ายอดฝีมือระดับนี้กระทั่งวิหารเฟิงฮ่าวเองก็มีไม่มากนัก

  

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนระดับนี้ปกติแล้วก็ยุ่งแต่เรื่องของตัวเอง ไม่ค่อยสนใจเรื่องราวอื่นใด

  

เช่นนั้นต่อให้เป็นคำสั่งจากวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ก็ไม่ใช่ว่าจะเรียกใช้พวกมันได้ทุกเมื่อ เพราะบางคนก็อยู่ในช่วงปิดด่านบ่มเพาะ หรือก็ไม่ว่างด้วยเหตุผลอื่น

  

ในอดีต ต้วนหลิงเทียนก็คิดแบบนี้ จึงไม่ได้กริ่งเกรงเรื่องที่วิหารเฟิงฮ่าวระดมเทพสงคราม 9 ดารามาหาตัวเขาทันที อย่างดีก็สมควรส่งเหล่าอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดารามาให้เขาฆ่าก่อนสักหลายสิบคน เพราะถึงจะเป็นวิหารเฟิงฮ่าว แต่คิดใช้งานตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดารา ก็ไม่ใช่ว่าคนจะว่างรอรับคำสั่งตลอด ผิดกับเหล่าเทพสงคราม 8 ดาราที่มีจำนวนคนเยอะกว่ากันมาก ต่อให้มีคนที่ไม่ว่างหลายคน แต่สัดส่วนก็ยังเยอะกว่าอยู่ดี

  

กล่าวได้ว่า หากเป็นเทพสงคราม 8 ดารา วิหารเฟิงฮ่าวสามารถระดมคนได้หลายสิบในเวลาอันสั้น

  

“เจ้าไปประกบติดและคอยให้ความร่วมมือกับจี้หยิ่งผู้นั้นเอาไว้ สักพักวิหารเฟิงฮ่าวเราจะส่งเทพสงคราม 9 ดาราไปสมทบ…และข้าเชื่อว่าด้านจี้หยิ่งเองพอเห็นเช่นนี้ มันก็ต้องหาทางนำเทพสงคราม 9 ดาราคนอื่นมาเพิ่มอีกคนแน่”

  

“ด้วยมีเทพสงคราม 9 ดารา ร่วมมือกัน 4 คน ต่อให้เป็นในสมรภูมิ 9 ยมโลก ก็แทบจะเป็นกลุ่มที่ทรงพลังไร้ผู้ต้านแล้ว…คิดจะตามหาต้วนหลิงเทียน ไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไร”

  

กล่าวถึงประโยคสุดท้าย สองตาหวู่หงชิงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักก็เป็นประกายขึ้นมา เบื้องหลังประกายตาดังกล่าวยังเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความโลภที่ลุกโชนขึ้นอย่างยากระงับ

  

  

ทางต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้เลย ว่าหวู่หงชิงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ได้ตกลงหารือกับ จี้โยว จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่กำลังร่วมมือกันเพื่อจับตัวเขา และวางแผนจะส่งตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดารามาตามล่าเขาถึง 4 คน

  

ตอนนี้เขาที่ใช้นามแฝงว่าลี่เฟิง ก็ได้บ่มเพาะพลังอยู่ในพันธมิตรอุดรลี้ลับในเขต 2 ของภาคเหนืออย่างตั้งใจ

  

ด้วยความที่พันธมิตรอุดรลี้ลับเองก็เป็น 1 ใน 3 กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขตนี้ จึงไม่มีใครมารบกวนการบ่มเพาะพลังของเขา

  

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คนของพันธมิตรอุดรลี้ลับกลับกระเหี้ยนกระหือรือกว่ากาลก่อนนัก

  

ด้วยการปรากฏตัวของผู้คุมกฏอาวุโสที่เป็นดั่งมังกรเทพยดาเห็นหัวไม่เห็นหาง ทำให้พวกมันตระหนักได้ว่ากำลังรบของพวกมันในเวลานี้เหนือล้ำกว่าอีก 2 กองกำลังในเขต 2 ภาคเหนือ! จึงเริ่มบังเกิดความคิดบุกไปฮุบกลืนทั้ง 2 กองกำลังกันใหญ่!!

  

“ด้วยพลังรบของพันธมิตรอุดรลี้ลับเราตอนนี้ คิดจะบุกไปรวบกินอีก 2 กองกำลังก็ไม่น่าจะมีปัญหาอันใดกระมัง?”

  

“มิผิด เพราะตอนนี้พันธมิตรอุดรลี้ลับเรามีตัวตนระดับเทพสงคราม 8 ดาราถึง 3 กระทั่งเทพสงคราม 8 ดาราที่พึ่งมาใหม่ พลังฝีมือก็มีแต่จะร้ายกาจกว่าท่านผู้นำ แต่ไม่อ่อนด้อยกว่าแน่นอน”

  

“ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ท่านผู้นำเราจะตัดสินใจบุกไปฮุบกลืนอีก 2 กองกำลังนั่น…”

  

  

ในสมรภูมิ 9 ยมโลก การก่อตั้งกองกำลังพันธมิตรนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนมีที่กำบังลมฝนเท่านั้น แต่ยังเป็นการพึ่งพาอาศัยกันเพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน

  

ในสมรภูมิ 9 ยมโลก ผู้ฝึกตนพนจรที่เดินทางเพียงลำพัง ก็ได้แต่ดิ้นรนเอาตัวรอดและยากจะมีที่พักสงบๆ

  

ส่วนผู้ที่เข้าร่วมกองกำลังพันธมิตร ก็จะทำการรวมกลุ่มกันออกเข่นฆ่าปล้นชิงคนนอก ได้สมบัติใดมาก็แบ่งกัน มีที่พักให้หลับนอนสบายในระดับหนึ่ง

  

ตัวอย่างเช่นพันธมิตรอุดรลี้ลับ ปกติเทพสงคราม 6 ดาราทั่วไปหากลงมือคนเดียวก็ยากจะบอกว่าจะสามารถเข่นฆ่าเทพสงคราม 6 ดาราทั่วไปเหมือนกันได้ แต่ถ้ารวมกลุ่มกันก็สามารถฆ่าได้ง่ายๆ แม้จะต้องแบ่งสมบัติกัน แต่ความสะดวกและต่อเนื่อง มันดีกว่าลงมือคนเดียวอยู่มาก

  

ระดับเทพสงคราม 4 ดารา หรือ 5 ดาราก็เป็นเช่นนี้

  

และยิ่งมีความสะดวกมากเท่าไหร่ ก็เผยให้เห็นประโยชน์ของการเข้าร่วมกองกำลังมากขึ้นเท่านั้น จากนั้นกองกำลังก็จะเริ่มดึงดูดผู้คนให้เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆโดยอัตโนมัติ

  

ในเขต 2 ภาคเหนือ ไม่เพียงแต่พันธมิตรอุดรลี้ลับเท่านั้น อีก 2 กองกำลังที่เหลือเองก็ต้องการความยิ่งใหญ่และอำนาจเบ็ดเสร็จเช่นกัน และไม่ว่ากองกำลังใดก็เสมือนพบ ‘จุดตีบตัน’ ยากจะก้าวหน้าและยิ่งใหญ่มากไปกว่านี้…

  

แน่นอนว่าหนทางก้าวหน้านั้นไม่ใช่จะไม่มี แต่มันยากกระทำ…

  

ทำลายอีก 2 กองกำลังเสีย!

  

ด้วยเหตุนี้หลังจากต้วนหลิงเทียนที่ใช้นามแฝง ลี่เฟิง เข้าร่วมพันธมิตรอุดรลี้ลับ ทุกคนในพันธมิตรอุดรลี้ลับก็ตั้งหน้าตั้งตารอเวลายกพลไปบุกถล่มฮุบกลืนอีก 2 กองกำลังที่เหลือ และกลายเป็นจ้าวในเขต 2 ภาคเหนือแต่ผู้เดียว

  

ถ้าทำได้สำเร็จ ต่อไปวันหน้าพันธมิตรอุดรทมิฬของพวกมันก็จะได้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว ใครย่างกรายเข้ามาในเขต 2 ภาคเหนือ ก็ไม่ต่างอะไรกับนำทรัพยากรมามอบให้พวกมัน!

  

เรียกว่าถึงเวลานั้นพวกมันก็เสมือนเสือนอนกินแล้ว

  

อย่างไรก็ตามพอพวกมันพบว่าผู้คุมกฏอาวุโสที่เป็นดั่งมังกรเทพดาเห็นหัวไม่เห็นหางคนนั้น ไม่ได้ออกมาทำอะไรเลย ราวกับหายตัวไปโดยสมบูรณ์ ก็ทำให้พวกมันอดไม่ได้ที่จะสงสัยใคร่รู้

  

สุดท้ายผู้คุมกฏบางคนก็อดไม่ไหว พากันไปเข้าพบรองผู้นำอย่างหลัวเฟิงเพื่อสอบถามเรื่องราว “ใต้เท้าหลัวเฟิง ตอนนี้พันธมิตรอุดรลี้ลับเราก็มีผู้คุมกฏอาวุโสแล้ว ไฉนพวกเราไม่บุกไปลงมือกับ 2 กองกำลังนั่นเสียทีเล่า?”

  

ด้านหลัวเฟิงที่มีคิดไว้แล้วว่าไม่นานต้องโดนถามทำนองนี้ ก็กล่าวตอบไปชัดถ้อยชัดคำว่า…

  

“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้นำและผู้อาวุโสคุมกฏท่านนั้น”

  

เรียกว่าคำตอบของมันก็เหมือนไม่ได้ตอบ

  

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว คนของพันธมิตรอุดรลี้ลับก็ได้แต่เฝ้ารอ…

  

เพราะไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับผู้นำ

  

สำหรับผู้คุมกฏอาวุโสที่ว่า ก็สมดั่งคำมังกรเทพยดาเห็นหัวไม่เห็นหางจริงๆ อย่าว่าแต่จะถามเลย กระทั่งหน้ายังไม่เคยเห็น!

  

“ท่านพี่”

  

หลัวเฟิงที่มาหาหลัวอี้หมิงก็เอ่ยถามไปด้วยความกังวล “ท่านไม่คิดจะออกไปพูดอะไรหน่อยหรือ? ตอนนี้สมาชิกพันธมิตรอุดรลี้ลับเราต่างเฝ้ารอท่านแสดงท่าทีทั้งสิ้น ว่าในเมื่อมีผู้คุมกฏอาวุโสแล้ว จะไปลงมือกับอีก 2 กองกำลังนั่นเมื่อใด?”

  

หลัวอี้หมิงส่ายหัวไปมา “อย่างที่ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้ว…เรื่องนี้ข้าไม่สะดวกพูด”

  

“ถึงแม้ผู้คุมกฏอาวุโสจะเข้าร่วมกับกองกำลังพวกเรา แต่นี่ยังพึ่งผ่านไปนานเท่าไหร่กัน? หากไม่ทันไรพวกเราก็ไปรบกวน เกิดผู้คุมกฏอาวุโสไม่พอใจจนรำคาญพันธมิตรอุดรลี้ลับเราขึ้นมา แล้วออกจากพันธมิตรอุดรลี้ลับพวกเราไปจะให้ทำอย่างไร?”

  

“เรื่องนี้อย่างงน้อยๆพวกเราก็ต้องรอให้ผู้คุมกฏอาวุโสบังเกิดความรู้สึกอันใดต่อพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเราก่อน ข้าจะได้ขอความช่วยเหลือได้สะดวก”

  

“เจ้าเองก็รู้ดี ว่าหากผู้คุมกฏอาวุโสคิดทำอะไร ก็ล้วนไม่ใช่ข้ากับเจ้าจะชี้นิ้วสั่งได้”

  

หลังฟังคำพูดของหลัวอี้หมิง หลัวเฟิงก็พยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ “แต่ยังมีอีกสถานการณ์หนึ่ง…ตอนนี้อีก 2 กองกำลังนั่นสมควรล่วงรู้แล้วว่าพันธมิตรอุดรลี้ลับเรา มีผู้คุมกฏอาวุโสที่เป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดารา…”

  

“ท่านพี่ว่า พวกมันจะร่วมมือกันแล้วชิงลงมือบุกพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเราก่อนหรือไม่?”

  

กล่วถึงจุดนี้ คิ้ววหลัวเฟิงก็ย่นเป็นปมด้วยความกังวล

  

“ร่วมมือกันบุกมาหาเราก่อนรึ?”

  

มุมปากหลัวอี้หมิงยกยิ้มขึ้นมาทันที “ข้ากำลังต้องการให้เป็นเช่นนั้นอยู่พอดี!”

  

“หืม?”

  

หลัวเฟิงผงะไปด้วยความตกใจ “ไฉนเป็นเช่นนั้นเล่าท่านพี่ สิ่งนี้ไม่ใช่หายนะสำหรับพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเราหรือไร?”