เหล่าจิ่วโยนบัตรธนาคารที่มีเงินอยู่หนึ่งหมื่นล้านใบนั้นไปให้ติงชางติงชาง ติงชางติงชางทำตาหยีขึ้นมา ไม่พูดอะไร สายตาจ้องอยู่แต่ที่เหล่าจิ่ว
เหล่าจิ่วก็จ้องติงชางติงชาง คือรอติงชางติงชางให้คำตอบ
ผู้แข็งแกร่งที่เหลืออยู่นั้น แม้ไม่ได้มีท่าทีจะลงมือ แต่ต่างก็อยู่ในท่ากะเหี้ยนกะหือ จ้องเกาะติดอยู่ที่เหล่าจิ่วกับหยางเฉิน
อยู่ในความเงียบขรึมสองนาที่เต็ม ๆ ติงชางติงชางก็เอ่ยปากพูด “คุณพูดถูกแล้ว พวกเราต่างก็ไม่มีความแค้นต่อกันแม้แต่น้อย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ข้าก็ขอเปิดทางสักคราว”
ได้ยินติงชางติงชางพูด เหล่าจิ่วแอบถอนใจโล่ง
“งั้นก็ต้องขอขอบคุณละ!”
เหล่าจิ่วพูดจบ มองไปที่หยางเฉินพูดว่า “พวกเราไปกัน!”
“รอเดี๋ยว!”
แต่พอทั้งสองเตรียมจะออกไป ติงชางติงชางสั่งออกมาในทันใด
ทั้งสองหฃุดก้าวเดิน ต่งหันมองไปที่ติงชางติงชาง
ติงชางติงชางหยีตามองไปที่หยางเฉิน เอ่ยปากพูดเนิบ ๆ “ข้าเพียงแต่ว่าปล่อยให้เขาไป ไม่ได้บอกว่าเจ้าก็ไปได้ด้วย”
พพูดคำนี้ออกไป บรรยกาศรอบด้านก็กลับตึงเครียดขึ้นมาทันที
ห้วงลึกในดวงตาหยางเฉิน ทอประกายฆ่าเข้มข้น จ้องไปที่ติงชางติงชางด้วยสายตาหนาวเยือก “พูดแบบนี้ ก็หมายความว่าเจ้าไม่คิดจะปล่อยข้าไปงั้นหรือ?”
เหล่าจิ่วก็พูดเสียงเยือก “ท่านทำแบบนี้ ดูเหมือนจะมากเกินไปแล้วมั้ง?”
ติงชางติงชางมองเหล่าจิ่วไปผ่าน ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยการเหยียดหยาม “เจ้ามันตัวอะไร?กล้าดีมาว่าข้าทำเกินไป?ที่นี่เมืองซ่านเฉิง เป็นถิ่นของข้า!”
นัยน์ตาเหล่าจิ่วทอประกายคมกริบ พูดเสียงเย็นเยือก “ถ้าจะเอาอย่างนั้น ก็ลุยกันตายไปข้างหนึ่ง!”
ตามติดกับคำพูดที่จบลง ตัวของเขาหายไปจากที่เดิม พุ่งตรงเข้าใส่ ติงชางติงชาง
ติงชางติงชางยิ้มเยือก “ไม่รู้จักเจียม!”
พูดจบ เขาก็พุ่งเข้าหาเหล่าจิ่ว
ในขณะเดียวกันนั้น หยางเฉินก็พุ่งเข้าใส่มู่ฮว๋ากับกลุ่มผู้แข็งแกร่ง
ฝ่ายตรงข้ามรับเงินไปแล้ว กลับคิดไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขานั้น ไม่มีเหลือช่องว่างสำหรับคุยกันได้แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็มีแต่ต่อสู้กันสถานเดียว
“ปึง!”
หยางเฉินพอขยับขา ก็พุ่งตรงเข้าใส่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกที่อยู่ข้างหน้านายหนึ่ง เงื้อมือแล้วก็แค่ฟาดลง
เสียงดังสนั่น ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกนายนั้น กระเด็นลอยออกไป ตัวคนก็ยังลอยไปกระแทกอีกสองผู้แช็งแกร่งกระเด็นออกไปด้วย
ตอนนี้หยางเฉินไม่เพียงแต่กระตุ้นสายเลือดคลั่งขึ้นมาแล้ว กระบวนการตามตำราเทพสงครามก็เริ่มขึ้น กระบวนการต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้พลังฝีมือของเขาระเบิดเพิ่มเทียบเท่าไปถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลางแล้ว
นอกจากติงชางติงชางที่กำลังต่อสู้อยู่กับเหล่าจิ่วแล้ว ผู้แข็งแกร่งยี่สิบกว่านายที่มีอยู่นั้น จะมีก็มู่ฮว๋า ที่มีพลังฝีมือไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นกลาง นอกนั้นล้วนอยู่ต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นกลางทั้งสิ้น
การต่อสู้กันระหว่างมู่ฮว๋ากับหยางเฉิน ยิ่งต่อสู้ไปยิ่งดุเดือดขึ้น ผู้แข็งแกร่งอื่นนั้น จะหาช่องเข้าเสริมยังไม่ได้
ที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดรู้สึกตื่นใจมาก คือมู่ฮว๋ากลับถูกหยางเฉินกดดันเป็นเบี้ยล่าง นั่นย่อมแสดงให้เห็นชัด พลังฝีมือของหยางเฉินนั้น เหนือชั้นกว่ามู่ฮว๋า
ทว่าหยางเฉินนั้น เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุยังไม่ถึงสามสิบ นี่มันปีศาจชัด ๆ เลย!
ติดตามมากับการต่อสู้ต่อเนื่องนี้ ความตื่นตระหนกของมู่ฮว๋ายิ่งมากขึ้นเป็นลำดับ เขารู้สึกได้เลยว่า พละกำลังของหยางเฉินไม่เพียงไม่อ่อนล้าลง แต่กลับเป็นว่ายิ่งสู้ยิ่งเข้มแข็งเก่งกาจขึ้น
ด้านนี้ถดถอยลงแต่อีกด้านเพิ่มรุกมากขึ้น ขืนเป็นตามนี้ต่อไป ฝ่ายแพ้ก็ต้องเป็นตัวเขานี่เอง
คิดมาถึงที่นี่ มู่ฮว๋าให้รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันทีในการที่เข้ามายุ่งเรื่องนี้ ติดตามมาด้วยการเข้าปะทะกับหยางเฉินจัง ๆ อีกครั้ง ตัวของเขาต้องเซถอยไปเจ็ดแปดก้าว
“เดี๋ยวก่อน”
เห็นหยางเฉินกำลังจะพุ่งเข้าใส่ตัวเองอีก มู่ฮว๋ารีบเอ่ยปาก
สองตาหยางเฉินแดงฉานเต็ม อันเป็นผลการแปรเปลี่ยนจากการกระตุ้นสายเลือดคลั่ง ทั่วทั้งตัวของเขา แผ่กระจายเต็มไปด้วยกระแสกดดันที่น่าสะพรึงกลัวของบูโด
ตาสีแดงเลือดทั้งคู่ จ้องเขม็งที่มู่ฮว๋า
มู่ฮว๋าจ้องหน้าหยางเฉินพูดว่า “ถ้าพวกเราเลิกรากันไป บุญคุณความแค้นของวันนี้ สิ้นสุดกันเลยได้ไหม?”
พอพูดคำนี้ออกไป ผู้แข็งแกร่งอื่น ๆ ต่างก็ตะลึงงง
พลังฝีมือของมู่ฮว๋าถึงแม้สู้ติงชางติงชางไม่ได้ แต่ในบรรดาเหล่าผู้แข็งแกร่งกลุ่มนี้ พลังฝีมือก็แค่รองจากติงชางติงชางเท่านั้น ตอนนี้ มู่ฮว๋ากลับไปถามหยางเฉิน ถ้าหากหยุดเลิกรากันตอนนี้ จะลบล้างบุญคุณความแค้นให้หมดไปได้หรือไม่
ให้แม้แต่หยางเฉิน ก็ชะงักอึ้ง แต่ก็ดึงสติกลับมา ฝ่ายตรงข้ามก็ด้วยความกริ่งเกรงในอิทธิพลเบื้องหลังของตัวเรา ฉะนั้นจึงไม่อยากสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างตัวเขากับจวนเมืองหวยเฉิง
หยางเฉินก็เอ่ยปากบอกว่า “เพียงขอให้พวกท่านออกจากไป ข้าจะถือว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย ข้าไม่เพียงแต่จะไม่ไปหาเรื่องแก้แค้นพวกท่าน ตรงกันข้าม ข้ายังจะขอบคุณพวกท่าน ถือเป็นการติดหนี้น้ำใจจากพวกท่านหนึ่งครั้ง”
ได้ยินหยางเฉินพูดดังนั้น มู่ฮว๋าพูดตอบกลับอย่างไม่ลังเล “น้ำจงน้ำใจไม่ต้องไปพูดถึง เพียงขอให้ไม่ติดใจกันในความแค้นความหมางใจกัน แค่นั้นก็พอแล้ว!”
สิ้นเสียงคำที่พูด มู่ฮว๋าหันหลังกลับทันที “พวกเราไปกันเถอะ!”
ผู้แข็งแกร่งคนอื่น ๆ ก็ตามเขาเตรียมจากไป
“ปึง!”
ติงชางติงชางกับเหล่าจิ่วกระแทกใส่กันครั้งหนึ่ง ทั้งสองก็ผละออกจากกัน เขาจ้องหน้ามู่ฮว๋าพูดด้วยความโกรธว่า “มู่ฮว๋า แกรู้ไหมว่าแกกำลังทำอะไรอยู่?”
มู่ฮว๋ามองหน้าติงชางติงชางอย่างชาเย็นพูดว่า “ข้าตัดสินใจจะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของพวกเขาที่ไปพัวพันกับจวนเมืองหวยเฉินแล้ว มีปัญหาอะไรไหม?”
ติงชางติงชางพูดอย่างโกรธจัด “ข้ากำลังจะฆ่าไอ้หมอนี่ได้ในทันทีนี้แล้ว พวกแกเพียงแค่ดึงเกมสู้กับไอ้หนูนั่นอีกพักเดียว ข้าก็จะเข้าไปช่วยพวกแกได้แล้ว”
“ถ้าหากพวกเจ้าจากไปตอนนี้ ให้ทางจวนหวยเฉินเอาโทษขึ้นมา พวกแกจะรับไหวไหม?”
มู่ฮว๋าหัวเราะเสียงเยือก “พวกเราเพียงแต่ไม่ขอสอดเรื่องบุญคุณความแค้นของพวกเขา เจ้าเมืองหวยเฉิงก็ถึงกับจะมาเล่นงานพวกเราเลยหรือ?ถ้าจะเอาอย่างนั้นจริง ก็ได้!อย่าลืมนะว่า ที่นี่เป็นถิ่นเมืองซ่านเฉิงของพวกเรา เจ้าเมืองหวยเฉิงไม่มีสิทธิ์จะมายุ่งด้วย ถ้าเขาจะยุ่งด้วย งั้นพวกข้าก็พร้อมรับมือถึงที่สุด!”
พูดจบ มู่ฮว๋าไม่มีการยืดเยื้อ หันหลังกลับเดินจากไป ผู้แข็งแกร่งอื่น ๆ ก็เดินตามเขาออกไป
ชั่วเดี๋ยวนั้นเอง ก็คงเหลืออยู่แต่ติงชางติงชางที่ยังไม่ไป
ติงชางติงชางสีหน้าสับสนบอกไม่ถูก ลึก ๆ ในแววตา ยังเหลือแววฆ่าที่เข้มข้นอยู่
เหล่าจิ่วจ้องไปที่ติงชางติงชางพูดว่า “พวกเขาก็ไปกันหมดแล้ว ต่างก็ตัดสินใจไม่ขอยุ่งกับเรื่องพวกข้ากับจวนเมืองหวยเฉิง แล้วเจ้าแน่ใจนะ ยังจะสอดมือเข้ามายุ่งต่อไป?”
หยางเฉิงขยับขา ตัวก็ไปปรากฏอยู่ข้างหลังติงชางติงชาง พร้อมเตรียมลงมือกับติงชางติงชางทุกเวลา
ติงชางติงชางข้างหน้ามีเหล่าจิ่ว ข้างหลังหยางเฉินก็มียืนอยู่ สถานการณ์เลวร้ายอย่างที่สุด
ในแววตาหยางเฉินทอประกายฆ่าที่น่าสะพรึงกลัว ถ้าไม่เป็นเพราะพวกเขาจำเป็นต้องรีบออกจากที่นี่ เขาก็คงไม่ปล่อยไอ้เจ้าติงชางติงชางคนนี้รอดไปเป็นแน่ เขาร่วมมือกับเหล่าจิ่ว ก็ฆ่าติงชางติงชางได้อย่างแน่นอน
ทว่า พลังฝีมือของติงชางติงชางนั้นเก่งกาจเหนือชั้นมาก ถึงพวกเขาสองคนร่วมมือกัน ก็ต้องใช้พละกำลังไม่น้อย จึงจะฆ่าติงชางติงชางได้ และในตอนนี้ เหล่าจิ่วก็รับบาดเจ็บซ้ำเพิ่มจากเดิมมาอีก ลมปราณกำลังภายในก็เริ่มฟุ้งซ่านยุ่งเหยิง
ตาทั้งคู่ของติงชางติงชางจ้องเขม็งที่เหล่าจิ่ว ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นพูดว่า “พวกแกคิดดีแล้วหรือ ว่าฝีมือพอจะทำอะไรข้าได้?”
“ลุย!”
ทันทีที่คำพูดติงชางติงชางจบ เหล่าจิ่วก็พุ่งเข้าหาติงชางติงชางก่อนในฉับพลัน พร้อมคำรามลั่น
ติงชางติงชางเพิ่งขยับตัว หยางเฉินก็ขยับตัวแล้ว
ทั้งสองคนประกบหน้าหลัง มุ่งรุมประหัตประหารใส่ติงชางติงชาง
ติงชางติงชางกัดฟันแน่น กระทืบลงพื้นอย่างรุนแรง ร่างพุ่งออกไปปานสายฟ้า ตรงเข้าหาเหล่าจิ่ว
“ปึง!”
ในวินาทีต่อจากนั้น ติงชางติงชางกับเหล่าจิ่วกระแทกเข้าใส่กัน
แต่ในขณะนั้นเอง ตอนที่เหล่าจิ่วกระแทกกับติงชางติงชางนั้น เขารู้สสึกถึงความผิดปกติในทันที เพราะท่าทีที่ดูดุดันของฝ่ายตรงข้ามนั้น แท้ที่จริงไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ พอกระแทกลงมาแล้ว ร่างของติงชางติงชางกลับปลิวลอยออกไป
ช่วงเวลาที่เหล่าจิ่วรู้สึกถึงความผิดปกติ ทันทีนั้นเขาก็เห็น มุมปากของติงชางติงชางแสยะโค้งขึ้นอย่างเหี้ยมโหด
วินาทีต่อมานั้นเอง ติงชางติงชางกำหมัดขวาแน่น กระแสโหดที่น่าสะพรึงกลัวรวมจุดอยู่ในหมัดขวานั้น พลิกตัวกลับซัดเข้าใส่หยางเฉินอย่างเต็มแรง “ไปตายซะ!”
มาถึงวินาทีนี้เอง เหล่าจิ่วจึงได้เข้าใจได้ เป้าหมายที่แท้จริงของติงชางติงชางไม่ใช่เขา แต่เป็นหยางเฉิน
เมื่อครู่นี้ที่ติงชางติงชางกระแทกใส่กับตัวเองนั้น ไม่ได้ใช้พลัง เพียงแต่อาศัยแรงการทุ่มใส่ของเขา สะท้อนใส่เป็นแรงเฉื่อยให้ตัวของเขาลอยตัวออกไป เป็นไม้ตายใช้ฆ่าหยางเฉิน
กว่าเหล่าจิ่วจะคิดถึงเป้าหมายของติงชางติงชางในจุดนี้ได้ คิดจะขวางก็สายไปแล้ว รีบตะโกนลั่น “รีบหลบไป!”