ตอนที่ 3576

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3576 : ไปเยือนพันธมิตรฟานเทียน!

 

ในอดีตต้วนหลิงเทียนนั้นไม่แม้แต่จะรู้จักหรูหลงผู้นําคนที่ 2 ของพันธมิตรฟานเทียนด้วยซ้ําเป็นอีกฝ่ายมาท้าทาเขาด้วยอัตตาของตัวเอง

และถึงต่เขาก็ไม่เคยคิดจะฆ่าอีกฝ่าย

 

เพียงแค่หวี่หลงกลับคิดไม่ซื่อและลอบสังหารเขาก่อน เช่นนั้นมันจึงถูกลิขิตให้ต้องตาย!

 

เรื่องที่การฆ่าหมู่หลงจะทําให้เขาเป็นศัตรูกับพันธมิตรฟานเทียน รวมถึงเป็นศัตรูกับจักรพรรดิสวรรค์ชี้ฟานเทียนที่อยู่เบื้องหลังหมู่หลง เขาย่อมรู้ดีเป็นธรรมชาติ แต่เขายังคงฆ่า…เพื่อให้ตัวเองสบายใจ!

 

หากเขาปราณีหญ่หลงเพียงเพราะกริ่งเกรงจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียน ไม่ว่าเขาจะยกอ้างอะไรมาปลอบใจตัวเอง แต่ในใจเขาก็จะมีความรู้สึกอึดอัดไม่ยินยอมไปตลอด

 

และความรู้สึกติดขัดในใจดังกล่าว ก็มากพอที่จะทําให้เขาไม่อาจสงบใจ กลายเป็นอุปสรรคในเส้นทางฝึกฝนหลังจากนี้

 

“หากข้าไม่ได้ฆ่าหญ่หลงวันนั้น เกรงว่าวันนี้ข้าคงไม่อาจบรรลุถึง ครึ่งก้าวเทพได้…”

 

จนถึงวันนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเสียใจแม้แต่นิดเดียวที่ฆ่าหญ่หลงทิ้งไป การไว้ชีวิตมันก็รังแต่จะขวางหนทางก้าวหน้าเท่านั้น เมื่อในใจมีปมหรือความรู้สึกติดค้าง ไหนเลยวันนี้เขาจะทะลวงถึงครึ่งก้าวเทพหรือเทพสงคราม 9 ดาราได้?

 

“พันธมิตรฟานเทียน…”

 

ในระหว่างที่เขาเก็บตัวฝึกฝนในพันธมิตรอุดรลี้ลับ เขาเองก็ไม่ถึงกับปิดกั้นข้อมูลจาก โลกภายนอกยังมีออกมาผ่อนคลายจิตใจและความตึงเครียดจากการฝึกอยู่หลายครั้ง ทําให้เขาได้ยินคนของพันธมิตรอุดรลับพูดถึงความเคลื่อนไหวพันธมิตรฟานเทียน จึงรู้ว่าอีกฝ่ายกําลังตามหาตัวเขาให้วุ่น

 

พันธมิตรฟานเทียนนั่นยังตั้งค่าหัวเขาเอาไว้ไม่น้อย!

 

ขอเพียงใครสามารถให้เบาะแสที่อยู่เขาได้ ก็จะได้รับรางวัลมากมายแล้ว

 

สําหรับคนที่ฆ่าเขาแล้วนําศพเขาไปยืนยัน ก็จะได้รางวัลค่าหัวมหาศาล!

 

“ข้าจะไปหาพวกมันถึงที่หวังว่าพันธมิตรฟานเทียนคงไม่ทําให้ผิดหวังมากนัก”

 

หลังออกจากค่ายพันธมิตรอุดรลี้ลับ ต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้าลงใต้ เนื่องจากเดิมทีเขาอยู่ในภาคเหนือเช่นนั้นเมื่อมุ่งหน้าลงใต้ก็จะเจอภาคกลางก่อนจะถึงภาคใต้

 

แน่นอนว่าเป้าหมายของเขาก็คือภาคกลางไม่ใช่ภาคใต้

 

กล่าวให้ชัดคือเขาจะไปเยือนพันธมิตรฟานเทียน!

 

วูบ! วูบ! วูบ!

 

ต้วนหลิงเทียยนอาศัยการเคลื่อนย้ายข้ามมิติในการเดินทาง ทุกครั้งที่ร่างเขาวูบหายไปก็ข้ามผ่านระยะทางนับหมื่นหมี ไม่ทันไรก็มาถึงพื้นที่ชายแดนระหว่างภาคเหนือกับภาคกลางจากนั้นก็มาถึงภาคกลางในเวลาอันสั้น

 

“พี่ชายท่านนี้ ท่านทราบหรือไม่ว่าพันธมิตรฟานเทียนอยู่ที่ไหน?”

 

หลังเข้าสู่ภาคกลางแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็วูบร่างข้ามมิติไปหยุดลงเบื้องหน้าชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

 

อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนเพียงหยุดลงเล็กน้อย ก่อนจะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตารแวดระวัง กล่าวออกด้วยน้ําเสียงรําคาญว่า “ข้าไม่ทราบ

 

“ขอบคุณพี่ชาย”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเช้าชายวัยกลางคนสืบต่อ ร่างเขาอันตรธานหายไปจากสายตาของชายวัยกลางคนทันที กระทั่งยังอยู่นอกระยะตรวจสอบของสํานึกเทวะชายวัยกลางคนอีกด้วย ทําให้มันถึงกับหวาดกลัวจนเหงื่อแตกพลั่ก “เจ้าหนุ่มนั่นมันร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียว?!”

 

ถึงแม้จะเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามมิติ แต่ก็มีเพียงแค่คนที่แข็งแกร่งและทรงพลังเหนือกว่ามันมากเท่านั้น ถึงจะวูบหายไปต่อหน้าต่อตามันได้อย่างไร้ร่องรอย

 

ด้วยเหตุนี้ชายวัยกลางคนจึงตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของอีกฝ่ายทันที ในใจบังเกิดความรู้สึกหวาดกลัวทั้งยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 

ด้านต้วนหลิงเทียนเองก็ไปสอบถามทางจากหลายๆคน แต่ทว่าทุกคนที่เขาไปถามนั้นไม่มีใครคิดจะบอกทางเขาสักคน กระทั่งยังทําราวกับเขาเป็นศัตรูอันร้ายกาจทั้งนั้น

 

ด้านต้วนหลิงเทียนเองไม่นานก็ตระหนักได้ถึงความประมาทเลินเล่อของเขา การใช้ความลีกซึ้งเคลื่อนมิติไปผุดโผล่เบื้องหน้าผู้คน โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัวแบบนี้ ยังจะมีใครไม่กลัวเขาได้?

 

ดังนั้นหลังจากเขาพบคนที่อยู่ในระยะตรวจสอบคนต่อไป เขาก็ไม่เลือกจะเคลื่อนมิติไปโผล่เบื้องหน้าอีกฝ่าย เพียงแค่ไปปรากฏตัวไม่ไกลและใช้การเหินร่างเข้าหาอีกฝ่ายแทน พอมาหยุดลงเบื้องหน้าก็ยิ้มถามด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร “พี่ชายท่านนี้ไม่ทราบท่านรู้ที่ตั้งค่ายพันธมิตรฟานเทียนหรือไม่?”

 

เป้าหมายที่ต้วนหลิงเทียนเข้าไปถามรอบนี้ ก็มีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มวัยเดียวกับเขา

 

เพียงแค่อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาปานกลางไม่หล่อเหลาอะไร ทว่าดวงตากลับฉายแววแหลมคมนัก สีหน้ายังฉายชัดถึงความมั่นใจเด็ดเดี่ยวประการหนึ่ง

 

แน่นอนว่าท่าที่อีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปอยู่บ้าง เมื่อโดนต้วนหลิงเทียนเข้ามาถามทางอย่างกะทันหัน

 

ในสายตาของมันชายหนุ่มผู้นี้อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในความว่างเปล่าห่างจากมันไม่ไกล โดยที่มันไม่อาจสัมผัสได้เลยว่าอีกฝ่ายมาจากไหน และเมื่อครู่หากไม่ใช่อีกฝ่ายปรากฏตัวห่างมันแต่เลือกจะปรากฏตัวด้านหลังมันแล้วฆ่ามันเล่า? ไม่ใช่ว่าจะทําได้ง่ายๆเลยหรือไร?

 

“พี่ชายไม่ต้องกังวล

 

พอเห็นสีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนไป แถมอีกฝ่ายยังพุ่งร่างฉีกระยะออกไปไกลห่างอย่างระแวดระวังต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยต่อออกมาด้วยรอยยิ้ม “หากข้าฆ่าคิดทําอะไร พี่ชายท่านคิดว่าตอนนี้ยังจะรอดชีวิตอยู่หรือ?”

 

ได้ยินคําพูดของต้วนหลิงเทียน สีหน้าตึงเครียดของชายหนุ่มก็พอได้ผ่อนคลายลง “พันธมิตรฟ่านเทียนตั้งอยู่ในเขต 2 ของภาคกลาง”

 

“เขต 2 หรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น “แล้วตอนนี้พวกเราอยู่เขตไหน?”

 

“พวกเราอยู่เขต 6”

 

ชายหนุ่มมองต้วนหลิงเทียนด้วยความงุนงง ชายหนุ่มชุดม่วงที่มีพลังร้ายกาจถึงขั้นอาจฆ่ามันได้โดยไม่รู้ตัวคนนี้ กลับไม่รู้ด้วยซ้ําว่าตัวเองอยู่ไหน?

 

“พี่ชาย แล้วถ้าหากข้าอยากไปเขต 2 ต้องไปทางไหนหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามชายหนุ่มเบื้องหน้าอีกครั้ง

 

พอได้ยินคําถามดังกล่าว ชายหนุ่มก็ชี้นิ้วไปทางตะวันออกเฉียงใต้ “ในทิศทางนี้ หากท่านมุ่งหน้าไปเรื่อยยๆก็จะถึงเขต 4 ของภาคกลางเรา และหากข้ามเขต 4 ไปแล้วก็จะพบเจอเขต 2 พันธมิตรฟานเทียนนั่นครองอํานาจเบ็ดเสร็จในเขต 2 ของภาคกลาง พอท่านไปถึงที่นั่นแล้วเพียงถามใครสักคนก็จะรู้ได้ทันที ว่าที่ตั้งพันธมิตรฟานเทียนอยู่ตรงไหน”

 

“ว่าแต่ท่านคิดไปทําอะไรที่พันธมิตรฟานเทียนกันแน่ ตอนนี้พันธมิตรฟานเทียนดูเหมือนจะปิดรับคนอยู่ไม่ใช่รึ?”

 

กล่าวถึงประโยคนี้ ชายหนุ่มก็หยุดมองต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย ค่อยกล่าวแนะนําด้วยความหวังดี “ตั้งแต่ที่ผู้นําคนที่ 2 ของพันธมิตรฟานเทียน หอู่หลง ถูกฆ่าตาย พันธมิตรฟานเทียนก็ได้หยุดรับคนเป็นการชั่วคราว และยังไม่มีกําหนดว่าจะเปิดรับคนอีกเมื่อไหร่”

 

“อ้อ ข้าไม่ได้คิดจะเข้าร่วมกับพันธมิตรฟานเทียนหรอกพี่ชาย…”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ จากนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อยค่อยเผยประกายแหลมคมหนึ่งวาบขึ้น“ที่ข้าถามที่ตั้งค่ายพันธมิตรฟานเทียน เพราะข้าคิดจะไปหาเรื่องพวกมัน”

 

“ขอบคุณพี่ชายมากที่บอกทาง”

 

จากนั้นไม่ทันที่ชายหนุ่มจะกลับมารู้สึกตัว ต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติวูบร่างอันตรธานหายไปจากสายตาของมันอย่างไร้ร่องรอย

 

จนเมื่อต้วนหลิงเทียนหายไปสักพัก ชายหนุ่มจึงค่อยกลับมารู้สึกตัว “ปะไปหาเรื่องพัน ธมิตรฟานเทียน?!”

 

“ว่าแต่…ไฉนชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นทําให้ข้ารู้สึกคุ้นๆนักนะ?”

 

พอชายหนุ่มย้อนนึกถึงชายหนุ่มชุดม่วงที่มาถามทางเมื่อครู่ มันก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายคุ้นๆอย่างไรชอบกลแต่ปุบปับกลับนึกไม่ออก

 

หลังจากสูดลมหายใจเข้าเพื่อสงบสติอยู่ราวๆสิบลมหายใจ ในที่สุดชายหนุ่มก็พอจะนึกขึ้นได้ว่าไฉนชายหนุ่มชุดม่วงเมื่อครู่ถึงทําให้มันรู้สึกคุ้นๆนัก “จะ…เจ้านั่น มันมิใช่ต้วนหลิงเทียนที่พันธมิตรฟานเทียนตั้งค่าหัวหรือไร!? ที่แท้ตัวจริงกลับดูดีกว่าภาพวาดยิ่ง ข้าจึงนึกไม่ออกแต่แรก!”

 

บัดนี้ชายหนุ่มจดจําได้แล้ว

 

เหตุผลที่ไฉนมันถึงรู้สึกว่าชายหนุ่มชุดม่วงแลดูคุ้นๆ เพราะมันเคยเห็นภาพเหมือนอีกฝ่ายในประกาศจับ!

 

“เมื่อครู่ มันบอกว่าจะไปหาเรื่องพันธมิตรฟานเทียน เป็นไปได้หรือไม่ที่มันคิดจะล้างบางพันธมิตรฟ่านเทียน?!”

 

“แต่มันเป็นแค่ยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราไม่ใช่หรือไร? ต่อให้เป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราที่ร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่น่าจะสู้จี้หยิ่งผู้นําพันธมิตรฟานเทียนได้เลย เพราะสุดท้ายหยิ่งนั่นก็เป็นเทพสงคราม 9 ดาราที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในสมรภูมิ 9 ยมโลกพลังฝีมือยังร้ากาจอย่างยิ่ง!”

 

“หรือว่า…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น มันบรรลุถึงเทพสคราม 9 ดาราแล้วเช่นกัน!?”

ยิ่งคิดชายหนุ่มยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก หาไม่แล้วไฉนวนหลิงเทียนที่หายเข้ากลีบเมฆไปนานอยู่ๆจะมาถามทางไปพันธมิตรฟานเทียนกับมัน?

 

“ไปชมดูเรื่องบันเทิงดีกว่า!”

 

หลังคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว ชายหนุ่มก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆสืบไป มันเร่งมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนหายตัวไปทันที

 

แต่แน่นอนว่ามันไม่รู้หรอกว่าเมื่อครู่ตัวนหลิงเทียนหายตัวไปทางไหน

 

แค่มันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนต้องมุ่งหน้าไปตามทางที่มันบอกแน่

 

“หากข้าได้เห็นการประมือระหว่างต้วนหลิงเทียนกับ จี้หยิ่ง ผู้นําพันธมิตรฟานเทียนล่ะก็…ชีวิตนี้ข้าก็ไม่มีอะไรเสียดายแล้ว!”

 

สองตาชายหนุ่มเปล่งประกายขึ้นมาเจิดจ้า

 

พันธมิตรฟานเทียนนั้นตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขต 2 ของภาคกลาง

 

และในฐานะที่เป็นกองกําลังที่ครองอํานาจเบ็ดเสร็จในเขต 2 รอบๆค่ายกองกําลังพันธมิตรฟานเทียนก็ห้อมล้อมไปด้วยเมืองต่างๆ คล้ายดาวล้อมเดือน….

 

และในค่ายพันธมิตรฟานเทียน ไม่ว่าจะเป็นจี้หยิ่งหรือเยว่เชาฉวินเทพสงคราม 9 ดาราของวิหารเฟิงฮ่าว ก็ล้วนรอการกลับมาของหมี่ซวนอย่างอดทน

 

พวกมันเองก็อยากรู้นัก

 

ว่าที่แท้ ลี่เฟิง ผู้คุมกฎอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับในเขต 2 ภาคเหนือ จะใช่ต้วนหลิงเทียนที่พวกมันตามหาหรือเปล่า

 

เพียงแต่ว่าพวกมันที่เฝ้ารออย่างอดทน ไม่เพียงหมี่ซวนจะยังไม่ทันกลับมา กลับมีอาคันตุกะเหนือคาดมาเยือนเสียก่อน!

 

“จี้หยิ่ง!”

 

เสียงไม่แยแสหนึ่งพลันดังก้องไปทั่วพันธมิตรฟานเทียนในพริบตา “พันธมิตรฟานเทียนเจ้าไม่ใช่ตามหาตัวข้ากันให้วุ่นหรือไร? ตอนนี้ข้าต้วนหลิงเทียนมาถึงหน้าประตูบ้านเจ้าแล้วจะไม่คิดออกมาสนทนากันสักหน่อยหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่ด้านนอกประตูค่ายพันธมิตรฟานเทียน คนกอดอกกล่าวคําด้วยท่าที่เฉยเมย แม้เสียงจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่มันก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งค่ายพันธมิตรฟ้านเทียนปานมีเวทมนตร์

 

ด้านชนชั้นอาวุโสของพันธมิตรฟ่านเทียนรวมถึงสมาชิกทั่วไปอีกไม่กี่คนที่เฝ้าประตูค่ายก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแต่แรกเมื่อเห็นการมาเยือนของอีกฝ่าย เพราะพวกมันรู้สึกคุ้นๆนัก และกําลังจะถามว่าอีกฝ่ายมาเยือนพันธมิตรฟานเทียนด้วเรื่องอะไร

 

ทว่าไม่ทันที่พวกมันจะได้เอ่ยถาม อีกฝ่ายก็กล่าวออกมาเสียก่อน และถ้อยคํายังทําให้พวกมันบังเกิดความหวาดกลัวนัก!

 

“เจ้านั่น มันก็คือต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นหรือ?!”

 

“ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์ในตํานานแห่งจี้เมียเทียนต้วนหลิงเทียนผู้นั้น? คนที่ฆ่าหรูหลง ผู้นําคนที่ 2 ของพันธมิตรฟานเทียนเรา?”

 

“ให้ตายเถอะ! นี่มันเป็นฝ่ายมาเยือนพวกเราถึงหน้าประตูเองเลยหรือ แถมยังเรียกให้ผู้นําจี้หยิ่งออกมาอีก?”

 

“มันเบื่อชีวิตคิดอยากตายแล้วหรือไร?”

 

“ไม่ใช่ว่ามันซ่อนตัวมาโดยตลอดหรือไร ไฉนตอนนี้ถึงโผล่หัวออกมาได้เล่า?”

 

ชนชั้นอาวุโสกับสมาชิกพันธมิตรฟานเทียนที่เฝ้าหน้าประตูอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปกับถ้อย คําของต้วนหลิงเทียนเพราะถ้าหากอีกฝ่ายก็คือต้วนหลิงเทียนจริง การมาที่นี่แบบนี้ ก็มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

 

ต้วนหลิงเทียนไม่กลัวพันธมิตรฟานเทียน ไม่กลัวผู้นําพันธมิตรฟาสเทียนของพวกมันอีกต่อไป!

 

“มัน….หรือมันจะบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราแล้ว!?”

 

จังหวะนี้ไม่ใช่แค่อาวุโสและสมาชิกทั่วไปที่เฝ้าหน้าประตูเท่านั้น ทุกคนในค่ายพันธมิตรฟานเทียนที่ได้ยินคําพูดของต้วนหลิงเทียน ก็พลันตระหนักได้ถึงเรื่องนี้กันถ้วนหน้า!

 

ตราบใดที่ผู้มาเยือนมิใช่ตัวปลอม เกรงว่าอีกฝ่ายสมควรบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดาราแล้วจริงๆ!

 

“ต้วนหลิงเทียน?”

 

แม้จะเป็นเยว่เขาฉวิน เทพสงคราม 9 ดาราจากวิหารเฟิงฮ่าวเอง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจังนมาไม่น้อย“ดูเหมือนผู้คุมกฏอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับจะไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนแน่แล้วและในเมื่อตอนนี้ตัวนหลิงเทียนมันอยู่ที่นี่กระทั่งบุกมาเยือนถึงหน้าประตูด้วยตัวเองหมายความว่ามันมีพลังระดับเทพสงคราม 9 ดาราเป็นที่เรียบร้อย”

 

เป็นธรรมดาที่เยว่เขาฉวินจะไม่คิดถึงกรณีที่หมี่ซวนแพ้พ่ายต้วนหลิงเทียนที่ใช้นามแฝงลี่เฟิง

 

มันคิดว่าหมีชวนยังคงไปตรวจสอบว่าผู้คุมกฏอาวุโสในพันธมิตรอุดรลี้ลับ ลี่เฟิง นั้น ที่ แท้ใช่ต้วนหลิงเทียนหรือไม่

 

แต่ในปัจจุบัน ต้วนหลิงเทียนที่พวกมันกําลังตางล่าหาตัว ได้มาเยือนถึงหน้าประตูด้วยตัวเอง!

 

“อีกสักครู่ จี้หยิ่ง สมควรมาขอความช่วยเหลือจากข้ากระมัง

 

และเย่วเชาฉวินยังคิดไม่ทันจบดี มันก็ได้ยินเสียงของจี้หยิ่งจากด้านนอก “เจ้ากับข้าล้วนมีเป้าหมายเป็นต้วนหลิงเทียนดุจเดียวกัน เช่นนั้นก็ออกไปจัดการมันพร้อมกับข้าเป็นไร?”

 

ได้ยินคําพูดทํานองชักชวนไม่ได้ขอความช่วยเหลือตรงๆของจี้หยิ่ง เยว่เขาฉวินก็ลอบเย้ยหยันในใจ

 

จี้หยิ่งผู้นี้ไม่ใช่ปกติหยิ่งผยองถือดีนักหรือไร ตอนนี้เพราะไม่มั่นใจว่าจะจัดการต้วนหลิงเทียนได้ก็เลยคิดจะมาขอความช่วยเหลือจากมัน?