สนามบินจินหลิง

เครื่องบินที่เฉินจื๋อข่ายจัดเตรียมไว้ ได้มารออยู่ในโรงเก็บเครื่องบินมานานแล้ว

หงห้าพาโคบายา ชิอิจิโร่มาถึงแล้ว และกำลังรออยู่ในโรงเก็บเครื่องบินในเวลานี้

เว่ยเลี่ยงและพอลก็มาถึงก่อนเวลาเช่นกัน เพื่อรอการมาถึงของเย่เฉิน

เวลาเก้าโมงเช้า

ขบวนรถของเฉินจื๋อข่ายก็ขับเข้าไปที่โรงเก็บเครื่องบินทีละคัน

เฉินจื๋อข่ายลงจากรถทันที และเปิดประตูให้เย่เฉินเป็นการส่วนตัว

หลังจากที่เย่เฉินลงจากรถ ทุกคนต่างก็เดินเข้ามาทักทายเขา

เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นกันตอบรับ และพูดกับผู้คนว่า “ทุกคนมาถึงที่นี่กันหมดหรือยัง? ถ้ามาพร้อมหมดแล้ว ก็ขึ้นเครื่องบินกันเถอะ”

เฉินจื๋อข่ายนับ และพูดกับเย่เฉินด้วยความเคารพว่า “คุณเย่ มาพร้อมกันหมดแล้ว”

“โอเค ออกเดินทางกันเถอะ!”

นอกจากเฉินจื๋อข่ายแล้ว คนที่ออกเดินทางไปกับเย่เฉินยังมี หงห้า เว่ยเลี่ยง พอล และโคบายา ชิอิจิโร่ แล้วยังมีอีกสิบสองคน เป็นผู้ที่อยู่ภายใต้ บัญชาของหงห้าและเฉินจื๋อข่าย

หลังจากที่ทุกคนขึ้นเครื่องบินแล้ว ลูกเรือก็สตาร์ทเครื่องยนต์ของเครื่องบินทันที ผลักเครื่องบินออกจากโรงเก็บเครื่องบิน แล้วติดต่อหอคอย เพื่อแทรกแถวและออกตัวเครื่องบินไปก่อน

เครื่องบินกระโดดขึ้นไปในกลางอากาศ และบินไปทางทิศตะวันออก

ระหว่างการบิน โคบายา ชิอิจิโร่รู้สึกกระสับกระส่าย และดูเหมือนเขาจะประหม่ามาก

เขาดึงความกล้าขึ้นมา เดินเข้ามาหาเย่เฉิน และถามด้วยความเคารพว่า “คุณเย่ จะเป็นอย่างไรหากสมาชิกคนอื่นในตระกูลไม่เต็มใจที่จะยอมรับผม หรือแม้แต่ยังคงคิดว่าผมเป็นฆาตกรของพ่อ และปฏิเสธที่จะให้ผมสืบทอดบริษัทผลิตยาโคบายาแล้วจะทำอย่าไร?”

 

เย่เฉินพูดอย่างเฉยเมยว่า “ผมมีวิดีโอคำสารภาพของโคบายา ชิจิโร่อยู่ในมือ และผมก็จะแสดงให้พวกเขาได้เห็นในตอนนั้น”

โคบายา ชิอิจิโร่ถามอีกครั้งว่า “แล้วถ้าพวกเขายังไม่เชื่อล่ะ?”

เย่เฉินยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ไม่เชื่องั้นเหรอ? ถ้าไม่เชื่อก็เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยตรง พวกเขาบอกว่าคุณฆ่าพ่อของคุณ สามารถแสดงหลักฐานที่จับต้องได้ไหม? ถ้าแสดงไม่ได้ งั้นก็แสดงว่าคุณไม่ใช่คนที่ฆ่าพ่อของคุณ พวกเขาจะทำอะไรกับคุณได้อีก?”

หลังจากพูดจบ เย่เฉินก็พูดอีกครั้งว่า “อีกอย่าง น้องชายของคุณหายตัวไปแล้วในตอนนี้ และคุณเป็นทายาทคนเดียวของมรดกของพ่อคุณ หากสมาชิกในครอบครัวของคุณไม่เห็นด้วยกับคุณ งั้นก็ไล่พวกเขาทั้งหมดออกจากบริษัทผลิตยาโคบายา และปล่อยให้พวกเขาดูแลตัวเองไป!”

โคบายา ชิอิจิโร่พูดด้วยความไม่แน่ใจเล็กน้อยว่า “คุณเย่ บอกคุณตรงๆ เลย ในคณะกรรมการของบริษัทผลิตยาโคบายามีแต่เหล่ารุ่นลุงและผู้ใหญ่ในครอบครัวของผม แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีหุ้นส่วนที่แท้จริง แต่พวกเขาทั้งหมดมีหุ้นบางส่วน และรับเงินปันผลเป็นจำนวนมากจากบริษัทผลิตยาโคบายาในทุกปี และทุกคนต่างก็ดำรงตำแหน่งสำคัญอยู่ที่บริษัทผลิตยาโคบายา ถ้าคนกลุ่มนี้ต่อต้านผมแล้วก็ การจัดการมันก็คงไม่ง่ายเลยจริงๆ ……..”

เย่เฉินพูดอย่างเฉยเมยวา “ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย เมื่อถึงเวลาผมจะให้พวกเขาสองทางเลือก อย่างแรก คือให้ความร่วมมืออย่างซื่อสัตย์ ตราบใดที่พวกเขาเชื่อฟัง เงินปันผลที่ควรให้กับพวกเขาก็จะยังคงแบ่งให้เหมือนเดิม แต่หากว่าพวกเขาไม่ชอบไม้อ่อนแต่ชอบไม้แข็ง งั้นก็มีเพียงทางเลือกที่สองแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นก็จะไม่เหลือใคร ออกไปทั้งหมด และถึงจะไม่มีใครโลกก็ยังหมุนได้เหมือนเดิม ตำแหน่งสำคัญเหล่านี้สามารถสร้างชุดทีมผู้บริหารขึ้นมาใหม่ได้”

ในขณะที่พูด เย่เฉินก็ชี้ไปที่เว่ยเลี่ยง และพูดกับโคบายา ชิอิจิโร่ว่า “หากไม่ได้จริงๆ ผมก็จะแยกทีมผู้บริหารของบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนออกมาบางส่วน และรับช่วงต่อการจัดการของบริษัทผลิตยาโคบายา ถึงเวลานั้นคุณก็อยู่ในญี่ปุ่นและสนุกไปกับชีวิตที่มีความสุขไปก็พอแล้ว อย่างอื่นคุณไม่ต้องไปกังวลเลย”

โคบายา ชิอิจิโร่รู้ดีแก่ใจว่า หลังจากที่ตัวเองโอนหุ้นเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ให้กับเย่เฉินได้สำเร็จ บริษัทผลิตยาโคบายาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเองอีกแล้ว

สิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้ก็คือ รับเงินปันผลที่เย่เฉินมอบให้อย่างเชื่อฟัง และใช้ชีวิตสุขสันต์ในแบบคนรวยทั่วไป