ตอนที่ 1902 สิบสามผู้แข็งแกร่ง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 1902 สิบสามผู้แข็งแกร่ง
ในหมู่ผู้แข็งแกร่งที่ถูกคัดออก มีคนที่หลินสวินคุ้นหน้าอย่างพวกฉู่ชิว เกาหลิงเทียน

และยังมีผู้โดดเด่นที่มีชื่อในสิบยอดบุคคลหลายคนอย่างพวกเฮ่อเหลียนฉี

พอได้เห็นผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ออกจากสนามไปเงียบๆ ทีละคน บนลานประลองก็มีเสียงทอดถอนใจไม่รู้เท่าไรดังขึ้น เสียดายแทนพวกเขาไม่หยุด

ต่อให้เป็นหลินสวิน พอเห็นฉู่ชิวกับเกาหลิงเทียนถูกคัดออก ในใจก็ถอนใจไปครู่หนึ่ง พรสวรรค์และรากฐานพลังของสองคนนี้ล้วนเรียกได้ว่าตระการตาเหนือธรรมดา

แต่น่าเสียดาย คู่ต่อสู้ที่พวกเขาเจอแข็งแกร่งเกินไปแล้ว

ฉู่ชิวแพ้ให้เซี่ยอวี่ฮวา

เกาหลิงเทียนแพ้ให้หวังถู

หากไม่เป็นเช่นนี้ ด้วยพลังต่อสู้ของทั้งสองจะต้องไม่หยุดลงเพียงเท่านี้แน่!

“ต่อไป จับฉลากต่อ คราวนี้จะมีฉลากโชคดีชิ้นหนึ่งเหมือนเดิม สุดท้ายจะมีสิบสองคนถูกคัดออกจากการแข่งขัน”

ก้วนซวียืนขึ้น ประกาศเสียงเข้ม

จากนั้นพวกหลินสวินก็ออกมาจับฉลากทีละคน

ที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือ ฉลากโชคดีคราวนี้ดันถูกจินเทียนเสวียนเยวี่ยจับได้อีกครั้ง

โชคเย้ยฟ้าปานนี้ก็ดึงดูดสายตาตกตะลึงและอิจฉาไม่รู้เท่าไร

จินเทียนเสวียนเยวี่ยเองก็จนใจกับเรื่องนี้ไปครู่หนึ่ง

นางเตรียมพร้อมสู้มานานแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าในการคัดเลือกรอบที่สามกลับไม่ให้โอกาสนางได้แสดงพลัง

หลินสวินยังออกโรงคนแรกเหมือนเดิม คู่ต่อสู้คือหลันอวิ๋นเคอ หนึ่งในสิบอันดับหนึ่ง ครอบครองเขตแดนมรรคมหัศจรรย์สุดหยั่ง ‘ขวดสมบัติบุณฑริก’

“พี่จิน พลังต่อสู้ของเจ้ายอดเยี่ยม ข้าเองก็ชื่นชมเช่นกัน แต่ในศึกนี้ข้าจะยอมแพ้เพียงเท่านี้ไม่ได้”

บนสนามประลองหลันอวิ๋นเคอเอ่ยเสียงกังวาน

เขาสวมชุดศึกสีเขียวเข้ม เงาร่างสูงตระหง่าน มือถือทวนศึกสีเงินเล่มหนึ่ง กลิ่นอายแกล้วกล้าคุกคาม ประกายเทพเป็นริ้วๆ อบอวลไปทั้งร่าง

“เชิญ”

หลินสวินพยักหน้าเล็กน้อย

หลันอวิ๋นเคอไม่ลังเลสักนิด ทวนศึกสีเงินเล่มหนึ่งแทงออกมาอย่างเรียบง่าย แต่กลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายเฉียบคมอันแข็งแกร่งเกินต้านทาน

ฮูม!

เมื่อทวนศึกพุ่งออกมาประหนึ่งแปลงเป็นปากขวด ภายในอบอวลด้วยประกายเทพ พลังวิชาอัศจรรย์ทั้งปวงอุบัติขึ้น งดงามตระการตา

ก็เหมือนวังวนเจิดจรัสหลากสีแห่งหนึ่ง คล้ายจะจับคนกลืนกินเข้าไป!

คนใหญ่คนโตบางคนยังเผยสีหน้าตื่นตะลึง ดูออกว่าการโจมตีนี้ของหลันอวิ๋นเคอ รวมนัยเร้นลับของขวดสมบัติบุณฑริกไว้ในทวนศึก มหัศจรรย์หาใดเทียบจริงๆ

ดูเหมือนเป็นการโจมตีที่เรียบง่าย แต่ความจริงแล้วเผยพลังเขตแดนมรรคของตนถึงขีดสุด!

ตูม!

พอทวนศึกพุ่งออกมา ห้วงอากาศตามทางก็ถูกบดขยี้ราวกับเศษกระดาษ ระเบิดออกสะเทือนเลื่อนลั่น แปรสภาพเป็นกระแสยุ่งเหยิงหาใดเทียบกระจายออกไป

หลินสวินยังคงใช้หมัดเปล่าเหมือนเดิม แสงมรรคสีดินเหลืออันมหาศาลหนักแน่นแผ่กระจายไปทั้งตัว สะบัดหมัดออกไปอย่างดิบเถื่อนเป็นธรรมชาติ ทื่อๆ เรียบง่าย

พลังหมัดกับทวนศึกปะทะกัน ก่อให้เกิดแรงสะเทือนดั่งอสนีบาต แสงเทพสาดกระจายรอบทิศ

หลันอวิ๋นเคอสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วโบกทวนศึก ปราดเปรียวคล่องแคล่ว ประกายคมดั่งสายฟ้า

ประกายคมเป็นชั้นๆ นั้นเหมือนจำแลงเป็นวังวนพร่างพราวตระการตานับหมื่นพันในชั่วพริบตา ฉีกทึ้งห้วงอากาศที่อยู่ใกล้เคียงโดยสมบูรณ์ สะท้านฟ้าสะเทือนดิน

ในความคลุมเครือยังมีเงามายาของมุนินทร์องค์แล้วองค์เล่าควบคุมอยู่ในวังวน เปล่งเสียงพุทธ ท่องสวดเสียงธรรม แผ่พลานุภาพใหญ่โตเหลือคณาออกมา

นี่ก็คือนัยเร้นลับของพลังเขตแดนขวดสมบัติบุณฑริก เต็มไปด้วยพลังสักการะมรรคธรรม มีมหาปรีชา เปล่งประกายสว่างไสว มากด้วยความน่าเกรงขาม

หลินสวินไม่ทุกข์กลับสุข ดวงตาเปล่งประกาย เข้าประจันหน้าทันที

และตอนนี้แม้เขาหยั่งรู้เขตแดนมรรคถึงขั้นสำเร็จส่วนใหญ่แล้ว แต่ยังไม่เคยทะลวงถึงขั้นสมบูรณ์อย่างแท้จริง

ถ้าศึกษาและสัมผัสพลังของเขตแดนมรรคที่มีคุณลักษณะล้ำเลิศมากกกว่านี้ เช่นนั้นจะมีประโยชน์ใหญ่หลวงต่อการหลอมเขตแดนมรรคเข้าไปอีก

อย่างขวดสมบัติบุณฑริกของหลันอวิ๋นเคอ ก็เป็นเขตแดนมรรคที่มีคุณลักษณะล้ำเลิศอย่างไม่ต้องสงสัย

ตูม!

บนสนามประลอง เงาร่างทั้งสองฉายวาบเข้าปะทะ ชั่วพริบตาก็ประมือกันหลายร้อยครั้ง สู้กันจนฟ้าดินหม่นหมอง สุริยันจันทราอับแสง

ก็เห็นว่าห้วงอากาศยุ่งเหยิง เสียงมรรคสะเทือนลั่น ปรากฏการณ์ประหลาดมหัศจรรย์นานาชนิดอุบัติขึ้น เหล่าคนใหญ่คนโตมองดูจนละลานตา ชื่นชมไม่ขาดปาก

ด้านผู้แข็งแกร่งอย่างลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวาก็ต่างสีหน้าจดจ่อ ตั้งใจดูการต่อสู้ วิเคราะห์พลังต่อสู้ของหลินสวินกับหลันอวิ๋นเคอ ใช่สิ่งนี้มาเทียบกับตนเอง

“ยิ้มเด็ดบุปผา!”

หลันอวิ๋นเคอโจมตีมานานยังล้มไม่ได้ สีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด ท่วงท่าน่าเกรงขาม หน้าผากส่องประกาย มีรอยยิ้มมุมปากน้อยๆ

ส่วนในฝ่ามือเขา ทวนศึกสีเงินส่งเสียงวิ้งคราหนึ่ง แปลงเป็นโลกอันงดงาม พร่างพราว และไพศาลคล้ายภาพฝัน

ในโลกนี้บุปผาสวรรค์โปรยปราย เจินหลงขดตัว มีเสียงธรรมก้องกังวาน เสียงท่องคำภีร์ดังอวล สะท้อนบรรยากาศมหัศจรรย์อันสว่างไสวน่ายินดี

นี่จึงจะเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของขวดสมบัติบุณฑริก

ทั้งยังเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของหลันอวิ๋นเคอด้วย!

ในขณะเดียวกันฝ่ามือหลินสวินคว้าออกไป ประทับสรรพชีวิตควบรวมออกมา สีเหลืองซีด ลักษณะดุจเขาเทพ มีพลังแห่งสรรพชีวิต อานุภาพบีบอัดโลกา

ชั่วพริบตานี้บนสนามประลองพลันเกิดแรงสะเทือนสะท้านฟ้าดิน การปะทะอันน่าหวาดผวาไร้สิ้นสุดแผ่ซ่าน กลิ่นอายทำลายล้างก็โถมซัดปั่นป่วนตามไปด้วย

ผู้แข็งแกร่งมากมายอกสั่นขวัญหายไปครู่หนึ่ง แม้แต่คนใหญ่คนโตเหล่านั้นก็ยังตาเบิกกว้างอย่างอดไม่ได้ เผยแววตกตะลึง

พอฝุ่นควันกระจายหายไป บนสนามประลอง เงาร่างของหลินสวินกับหลันอวิ๋นเคอก็ยืนเผชิญหน้ากันไกลๆ ต่างไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด

“ข้าทุ่มพลังทั้งหมดแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าพี่จินยังออมมือ ไม่จำเป็นต้องสู้ต่ออีกแล้ว ข้าแพ้แล้ว…”

หลันอวิ๋นเคอเผยยิ้มขมขื่น ถอนหายใจยอมแพ้

ประโยคเดียวทำให้ทั้งที่นั้นสะท้านสะเทือน

หลันอวิ๋นเคอถึงกับออกตัวยอมแพ้เอง เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของทุกคนโดยสิ้นเชิง!

“ออมมือแล้ว”

หลินสวินกุมหมัดคารวะ ดูผ่อนคลายสบายอารมณ์

เป็นอย่างที่หลันอวิ๋นเคอว่าไว้ ถ้าทำเพื่อเอาชนะ การต่อสู้ครั้งนี้ย่อมไม่มีทางดำเนินมาถึงตอนนี้ แต่หลันอวิ๋นเคอกลับรีบถอนตัว ออกตัวยอมแพ้เอง ทำให้หลินสวินออกจะประหลาดใจ

“พี่จิน ด้วยรากฐานพลังของเจ้า จะเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคคงไม่ใช่เรื่องยาก ข้ารอคอยจะได้เห็นความสามารถที่ของเจ้าในงานชุมนุมเช่นนั้น”

หลันอวิ๋นเคอสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ยิ้มพลางเอ่ยประโยคหนึ่งแล้วหันหลังจากไป

เขายอมแพ้อย่างสุดจิตสุดใจ

เพราะมีเพียงตอนที่ประลองกับจินตู๋อีถึงได้พบว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่แข็งแกร่งปานไหน ราวกับมหาคีรีที่ไม่อาจสั่นคลอนได้ลูกหนึ่ง!

มองหลันอวิ๋นเคอออกจากสนาม แล้วมองไปยังหลินสวินที่อยู่บนสนามประลองอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตเหล่านั้นหรือพวกเซี่ยอวี่ฮวา ต่างก็มีสีหน้าประหลาดยิ่งขึ้น

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ความแข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่เผยคมประกาย เก็บงำลึกล้ำ ประหนึ่งภูเขาเทพที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางหมื่นกาลอย่างเงียบงัน ทำให้เกิดความรู้สึกสั่นสะท้านได้ยาก

‘ไม่แน่ว่า อาจจะมีแต่ตอนที่คนอย่างลู่ตู๋ปู้ อู่หวงลงมือ ถึงจะงัดข้อกับจินตู๋อีคนนี้ได้กระมัง’

ความคิดเช่นเดียวกันนี้ผุดขึ้นในใจของหลายๆ คน

……

ยกที่สอง อู่หวงสู้กับเจิ้นหยวนเหอ

อู่หวงชนะ

ยกที่สาม ลู่ตู๋ปู้สู้กับเจิ้นเนี่ยอวี้

ลู่ตู๋ปู้ชนะ

ยกที่สี่…

การประลองรอบนี้ย่อมดุเดือนและน่าอกสั่นขวัญแขวนอย่างไม่ต้องสงสัย

ผู้แข็งแกร่งที่ต่อสู้แต่ละคนเรียกได้ว่าเป็นบุคคลแห่งยุคแทบทั้งนั้น เมื่อชิงชัยก็เป็นดั่งสุริยันจันทราประชันแสง การประลองชั้นยอดที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าก่อให้เกิดเสียงกึกก้องเป็นระลอก

หลินสวินดูใจเย็นกับเรื่องนี้มา เขาพลิกอ่านคัมภีร์ร้อยสมุนไพรทั่วหล้าพลางดูการต่อสู้ ท่าทางผ่อนคลายคล้ายเป็นคนนอก

สองชั่วยามผ่านไป

การประลองสิบสองครั้งจบลง สุดท้ายมีสิบสองคน รวมพวกหลินสวิน ลู่ตู๋ปู้ หวังถู เซี่ยอวี่ฮวา ซูมู่หาน โหยวเทียนซิงล้วนได้รับชัยชนะ

ส่วนอีกสิบสองคนถูกคัดออกจากการแข่งขัน

ถึงตอนนี้หากรวมจินเทียนเสวียนเยวี่ยที่จับได้ฉลากโชคดีด้วย ในการคัดเลือกรอบที่สาม มีเพียงสิบสามคนที่ยืนหยัดมาถึงตอนนี้

รายชื่อสิบผู้แข็งแกร่งในท้ายที่สุด ก็จะมีขึ้นจากกลุ่มนี้!

“วันนี้ดึกมากแล้ว พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนดีๆ ก่อน ยามเช้าตรู่พรุ่งนี้จะดำเนินการแข่งขันรอบสุดท้าย”

ก้วนซวียืนขึ้น เอ่ยเสียงเข้ม

ประโยคเดียวทำให้คนไม่น้อยลอบถอนหายใจโล่งอก

วันนี้วันเดียวดำเนินการคัดเลือกรอบที่สอง แล้วยังเริ่มการประชันในการคัดเลือกรอบที่สามสองครั้งติด

สู้มาถึงตอนนี้ แม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างลู่ตู๋ปู้ อู่หวงก็ยังรู้สึกอ่อนล้า พลังกายหดหายไปมากแล้ว

ถ้าสู้ต่อไปอีก ย่อมไม่แข็งแกร่งเท่าตอนที่สภาพดีที่สุด

ต่อมาสิบสามผู้แข็งแกร่งอย่างพวกหลินสวินก็ถูกจัดให้พักอยู่บนยอดเขาเซียนยุทธ์ แต่ละคนครองถ้ำสวรรค์แดนมงคลที่อบอวลไปด้วยไอวิญญาณแต่ละแห่ง เริ่มพักฟื้น

เมื่อราตรีมาเยือน ชั่วขณะเดียวข่าวที่เกิดขึ้นบนยอดเขาเทพเซียนก็กระจายออกไป แผ่ขยายไปถึงในเมืองว่างเปล่า ก่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครมอย่างมาก

“อันดับหนึ่งในการคัดเลือกรอบที่สองกลับไม่ใช่ลู่ตู๋ปู้หรือ”

“จินตู๋อีคนนี้เป็นม้ามืดที่แข็งแกร่งจนเหลือเชื่อจริงๆ!”

“รายชื่อสิบสามผู้แข็งแกร่งในการคัดเลือกรอบที่สามออกมาแล้ว ใครจะคิดได้ว่าผู้แข็งแกร่งโดดเด่นอย่างพวกหลันอวิ๋นเคอ หยวนเหอ กลับถูกคัดออกในการแข่งขันแล้ว”

“มั่นใจได้ว่าสามอันดับแรกของศึกถกมรรคคราวนี้ต้องเป็นของลู่ตู๋ปู้ อู่หวงและจินตู๋อี!”

“เพียงแต่ไม่รู้ว่าอันดับหนึ่งในท้ายที่สุดนี้จะตกเป็นของใครกันแน่”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์หมักบ่มภายใต้รัตติกาล และการถกเรื่องจินตู๋อีก็กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ชายหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ไม่โด่งดังคนหนึ่งกลับโผล่ออกมาจากเมืองหลิงเฟิง ชิงเอาอันดับหนึ่งในการถกมรรครอบที่หนึ่งและรอบที่สองอย่างต่อเนื่อง

จวบจนตอนนี้ ยังยืนหยัดเข้าชิงชัยในการคัดเลือกรอบที่สามด้วยฐานะหนึ่งในสิบสามผู้แข็งแกร่งได้สำเร็จด้วย!

ผลงานการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าสะท้านโลกเช่นนี้ ใครจะไม่จับตามองได้

“ยามเช้าตรู่พรุ่งนี้ การแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่งก็จะเกิดขึ้น ถึงตอนนั้นก็จะมองออกแล้วว่าจินตู๋อีคนนี้จะได้อันดับไหนกันแน่!”

หลายคนรู้สึกตั้งตาคอย

และเป็นในคืนนี้เอง เหิงเซียวเจ้าสำนักสำนักยุทธ์เสวียนจีมาเยือนถ้ำสวรรค์แดนมงคลของหลินสวินด้วยตัวเอง

‘สหายน้อย บรรพาจารย์ป๋อหยาจื่อส่งข่าวมาแล้วว่าหลังจากศึกถกมรรคแคว้นเมฆาจบลง ก็จะไปเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงได้’

ทันทีที่มาถึง เหิงเซียวก็สื่อจิตบอกเป้าหมายที่มาคราวนี้

หลินสวินสะท้านในใจ เอ่ยว่า ‘รบกวนสหายยุทธ์ส่งข่าวให้ด้วย บอกว่ารอหลังจากศึกถกมรรคคราวนี้จบลง ข้าจะกลับสำนักยุทธ์เสวียนจีทันที”

เหิงเซียวเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า ‘เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน สหายน้อยมั่นใจกับการแข่งขันสิบผู้แข็งแกร่งที่จะเริ่มขึ้นพรุ่งนี้หรือไม่’

หลินสวินคิดแล้วยิ้มพูดว่า ‘คงไม่มีปัญหามาก’

เหิงเซียวเอ่ยอย่างจริงจังว่า ‘เจ้าต้องระวังอู่หวงนั่น เจ้าเฒ่าอย่างนักพรตหลันหมายหัวเจ้า ข้าสงสัยว่าถ้าพรุ่งนี้ยามปะกับอู่หวงคนนี้ เป็นไปได้สูงยิ่งที่อีกฝ่ายจะลงมือรุนแรง’

หลินสวินร้องอืม พูดด้วยดวงตาลุ่มลึกว่า ‘ข้ากลับอยากดูนัก ว่าความสามารถของทูตจักรพรรดิสำนักโบราณจรัสเทพคนนี้จะมากมายเพียงไหนกันแน่’

——