ตอนที่ 3582

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3582 : เหล่าเทพสงคราม 9 ดาราที่ ครอบครองเทพเบญจธาตุ

 

ผู้คนส่วนใหญ่ในใต้หล้าย่อมเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าเห็นแก่คนอื่นๆ

  

สิ่งนี้เห็นได้ชัดจากหวู่หงชิงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักในปัจจุบัน เหตุผลเดียวที่มันไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนครอบครองเทพเบญจธาตุทั้งยังถือครองถึง 5 ธาตุออกมาให้จี้โยวฟัง เพราะมันไม่อยากให้จี้โยวล่วงรู้ หาไม่แล้วต่อให้จี้โยวจะไม่คิดช่วงชิงเทพเบญจธาตุในร่างต้วนหลิงเทียนแข่งกับมัน แต่อีกฝ่ายไม่วายต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกต่อแน่นอน

  

ถึงตอนนั้น ผู้ที่จะรู้เรื่องเทพเบญจธาตุของต้วนหลิงเทียนก็จะไม่ได้มีแค่มันกับหมี่ซวนอีกต่อไป…

  

และเบื้องหลังของจี้โยวก็เป็นถึงขุมกำลังในระนาบเทพ หากมันปล่อยให้จี้โยวล่วงรู้เรื่องนี้ หลังจากนี้อีก 300 กว่าปี รอให้ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทพกับระนาบเทวโลกเปิดออกเมื่อไหร่ เกรงว่าจี้โยวต้องรายงานเรื่องต้วนหลิงเทียนให้ขุมกำลังดังกล่าวทราบแน่นอน

  

“ถึงแม้ว่ายอดฝีมือเหล่านั้น อาจมีพลังสามารถจัดการต้วนหลิงเทียนได้จริง…”

 

หวู่หงชิงปรายตามองจี้โยว ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “แต่ท่านคิดหรือว่าจะสามารถบงการให้ผู้คนเหล่านั้นเคลื่อนไหวได้ง่ายๆ? ท่านจะไปไหว้วานให้พวกมันไปฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ท่านได้อย่างไร?”

  

“ในบรรดายอดฝีมือเหล่านั้น ยังมีผู้ใดไม่ปกปิดตัวตนที่แท้จริง? ผู้ใดยังจะกล้าเปิดเผยเรื่องเทพเบญจธาตุออกมาง่ายๆ?”

  

คำพูดของหวู่หงชิง ทำให้จี้โยวเงียบไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไรสืบต่อ

  

เพราะมันเองก็รู้ว่าถึงแม้ในสมรภูมิ 9 ยมโลกจะมีเหล่ายอดฝีมือเทพสงคราม 9 ดาราที่ครอบครองเทพเบญจธาตุอยู่มากกว่าหนึ่งคน…แต่ไม่มีผู้ใดทราบตัวตนที่แท้จริงของยอดฝีมือเหล่านั้น และมันเองก็ไม่ทราบเช่นกัน

  

เพราะหากมันรู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร ป่านนี้มันไปช่วงชิงเทพเบญจธาตุมาใช้เองแล้ว

  

เทพเบญจธาตุนั่น มีความเย้ายวนมากพอทำให้มันที่บรรลุถึงขอบเขตเทพมาหลายปีบังเกิดอาการเนื้อเต้น และอย่าว่าแต่ตัวมัน ให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์คนไหน หรือใครก็ตามในระนาบเทวโลกที่อยากครอบครองพลังอำนาจ ก็ล้วนกระสันอยากได้เทพเบญจธาตุทั้งสิ้น…!

  

ราวกับฉุกคิดอะไรได้ อยู่ๆสองตาจี้โยวก็ทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง กล่าวว่า “ถึงจะติดต่อคนพวกนั้นมิได้ พวกเราก็สามารถปล่อยข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนให้ทุกคนล่วงรู้ได้! ตอนนี้ข่าวเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนครอบครองอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญญาณแล้ว สมควรยังแพร่กระจายแค่ในสมรภูมิ 9 ยมโลก แม้อาจจะมีแพร่ออกมาด้านนอกบ้าง แต่คงยังจำกัดไว้ในแวดวงแคบๆ”

  

“ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อมันกล้ารั้งอยู่ที่ค่ายพันธมิตรฟ่านเทียน…หากแพร่ข่าวออกไปในระนาบเทวโลก ข้าเชื่อว่าต้องมียอดฝีมือเทพสงคราม 9 ดาราที่ครอบครองเทพเบญจธาตุไปเยือนมันถึงที่เพื่อช่วงชิงอุปกรณ์เทพของมันเป็นแน่!”

  

กล่าวถึงประโยคท้าย ในแววตาของจี้โยวนอกจากฉายความสุขและความบ้าคลั่ง ยังเผยความเสียดายเจืออยู่หลายส่วน

  

อุปกรณ์เทพในมือต้วนหลิงเทียน เดิมทีมันมองว่าเสมือนอยู่ในกระเป๋าของมันแล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมีคนนอกล่วงรู้มากมาย…เช่นนั้นมันจะไม่เสียดายได้อย่างไร?

  

อย่างไรก็ตามในเมื่อโอกาสที่มันจะได้ครอบครองอุปกรณ์เทพดังกล่าวไม่มีเหลือ เช่นนั้นไยไม่สร้างปัญหาให้ต้วนหลิงเทียนถึงขีดสุด? ขอแค่ต้วนหลิงเทียนตายๆไปเสีย อย่างน้อยๆก็ถือว่าได้ล้างแค้นให้ศิษย์รักทั้ง 2!

  

  

ล่างจี้เทียน 1 ใน 81 ระนาบเทวโลก

  

ในปัจจุบัน ณ ผืนทรายอันรกร้างห่างไกลแห่งหนึ่งของล่างจี้เทียน ผืนทรายสีเหลืองทองที่แต่เดิมสงบ อยู่ๆก็เริ่มสั่นไหว-ขึ้นมาอย่างรุนแรง เนินทรายมากมายเริ่มถล่มทลาย ไม่นานนักก็ปรากฏร่างมหึมาพุ่งทะลวงออกมาจากใต้ผืนทรายอันร้อนระอุร่างแล้วร่างเล่า!

  

และร่างเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์อสูรทั้งหมด!

  

สัตว์อสูรเหล่านี้มีรูปร่างและลักษณะแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามพวกมันมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ บริเวณหว่างคิ้วปรากฏสัญลักษณ์แสงประหลาดหนึ่งเรืองรองออกมา! และหลังจากที่ผุดออกมาจากใต้ผืนทรายแล้ว พวกมันก็เริ่มทยอยกันมายืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ ราวกับพวกมันเป็นกองทัพที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี

  

ฟุ่บบ!

  

ดั่งสายลมหอบหนึ่งกรรโชกพัดมาเร็วไว ปรากฏร่างหนึ่งหยุดลอยอยู่บนฟ้าเหนือเหล่าแถวทัพของสัตว์อสูรทั้งหลาย

  

เป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเขียวน้ำทะเล ท่วงท่าแลดูสง่างามน่าเกรงขาม ร่างของมันค่อนข้างสูงใหญ่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาปานหยกเสลา กลิ่นอายที่แผ่ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติทั่วร่าง เต็มไปด้วยแรงกดดันไร้สภาพประการหนึ่ง ชวนให้ผู้ที่อยู่ใกล้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดันบีบคั้น

  

“อุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้วเช่นนั้นรึ?”

  

ดวงตาชายวัยกลางคนทอประกายเรืองขึ้นสว่างไสวปานดาราระยับ ขณะกล่าวพึมพำ ลมหายใจยิ่งมายิ่งถี่รัวปานเหนื่อยหอบ “นี่ก็ผ่านไปกว่าพันปีแล้ว…ไม่คิดเลยว่าจักมีคนที่ทำให้ข้าอยากกลับเข้าไปในสรภูมิ 9 ยมโลกอีกครั้ง หากข่าวนี้มาล่าช้าไปอีกไม่กี่เดือน เกรงว่าข้าคงทะลวงถึงขอบเขตเทพเสียก่อน”

  

“ช่างโชคดีนัก ที่ข้ายังไม่ทะลวงถึงขอบเขตเทพ!”

  

ชายวัยกลางคนกล่าวพึมพำ

  

“เหยียน เจ้ามั่นใจหรือไม่?”

  

ทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็เอ่ยถามขึ้น แต่ไม่ทราบว่ามันกำลังเอ่ยถามผู้ใดกันแน่

  

หากทว่าครู่ต่อมา ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากภายในร่างของมัน “หากข้ายังอยู่ในขั้นที่ 7 ข้าเองก็ไม่แน่ใจสักเท่าใด…แต่ตอนนี้ข้ากลายเป็นเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 8 แล้ว…ด้วยร่วมมือกับเจ้า คิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียนเพื่อชิงอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณมิน่ามีปัญหาใด!”

  

“ถึงแม้เทพสงคราม 9 ดารา จักสามารถใช้พลังของอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่มีจิตวิญญาณได้แล้ว แต่ก็ยังต่างจากเทพที่แท้จริงใช้งานมันนัก…อาศัยพลังของข้าในปัจจุบัน มากพอจะสะกดข่มมัน!”

  

ฟังจากคำพูดของเสียงภายในร่างชายวัยกลางคน เห็นได้ชัดว่ามันคือเพลิงเทพโกลาหล 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุ แถมยังเป็นเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 8!

  

“ข้าก็คิดว่าพวกเราน่าจะจัดการมันได้ไม่ยาก…เพราะตอนนี้เจ้าเอง ก็ห่างจากการพัฒนาสู่ขั้นที่ 9 ไม่ไกลแล้ว”

  

ชายวัยกลางพยักหน้า

  

“มาเถิด เหล่าสัตว์อสูรสงครามของข้า…ข้าจะพาพวกเจ้าไปเข่นฆ่าในสมรภูมิ 9 ยมโลกอีกครั้ง!”

  

ในขณะที่ชายวัยกลางคนกวาดตามองเหล่าสัตว์อสูรนับร้อยที่เรียงทัพจัดแถวอยู่บนผืนทราย สองตามันก็ทอแสงเรืองรองขึ้นมา พร้อมกันกับเปิดโลกใบเล็กภายในกาย จากนั้นสัญลักษณ์ประหลาดบริเวณหว่างคิ้วของเหล่าสัตว์อสูรก็เปล่งแสงวูบวาบ พวกมันพากันกรีฑาทัพเหินร่างขึ้นฟ้าอย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะหายเข้าสู่โลกใบเล็กของชายวัยกลางคน…

  

“คราวนี้พวกเจ้าจักติดตามข้าไปเข่นฆ่าสุดยอดอัจฉริยะที่แท้จริง…ถึงแม้ข้าจักมิอาจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกไปได้ แต่การได้ฆ่าอัจฉริยะเช่นนี้ก็ทำให้ข้าภาคภูมิใจ และพวกเจ้าเองก็สมควรภาคภูมิใจ!”

  

เมื่อชายวัยกลางคนกล่าวจบคำ ก็พอดีกับที่เหล่าทัพสัตว์อสูรได้เข้าสู่โลกใบเล็กภายในกายของมันครบทุกตัว จากนั้นมันก็เหินร่างตัดฟ้าออกจากทะเลทรายอันร้อนระอุด้วยความเร็วสูง มุ่งหน้าไปยังจุดเคลื่อนย้ายเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก หมายเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก…

  

และเป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ของมันก็คือต้วนหลิงเทียน

  

พูดให้ถูกก็คือ อุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้วในมือต้วนหลิงเทียน!

  

“ครานี้ ไม่พ้นสหายเก่าเหล่านั้นต้องสนใจด้วยเป็นแน่…เกรงว่าหลังจากฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แล้ว คงมิอาจหลีกหนีสงครามเพื่อครอบครองอุปกรณ์เทพชิ้นนั้น”

  

ระหว่างเดินทางไปยังจุดเคลื่อนย้ายเพื่อเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก ชายวัยกลางคนก็กล่าวพึมพำออกมากับตัวอีกครั้ง

  

  

ณ ชงอวิ๋นเทียน

  

บริเวณแนวเทือกเขาอันแห้งแล้งที่เรียงตัวราวลอนคลื่น อาทิตย์อัสดงใกล้หม่นแสงบ่งบอกถึงยามโพล้เพล สาดแสงรอนๆย้อมฟ้าให้แดงฉานปานสีเลือด…

  

ทันใดนั้นเอง

  

ตูมมมม!!

  

ฟู่มมม! ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว!

  

  

บริเวณยอดเขาหัวโล้นลูกหนึ่ง อยู่ๆพลันอุบัติเพลิงพลังสีแดงฉานลุกโชนโชติช่วงปานจะแผดเผาแผ่นฟ้า

  

อย่างไรก็ตาม หากสังเกตให้ดีจะพบว่า…

  

รอบๆเพลิงพลังอันร้อนระอุดังกล่าวกลับปรากฏแสงสีฟ้าเรืองรองออกมา สุดท้ายไอร้อนอันน่าพรั่นพรึงทั้งหลายอยู่ๆก็คล้ายหยุดนิ่งราวถูกหยุดเวลา! พริบตาฉากเรื่องราวสุดพิสดารพลันบังเกิด เพลิงพลังร้อนระอุมิคาดอยู่ๆก็จับตัวเป็นน้ำแข็งอย่างไร้เหตุผล และเมื่อไอพลังเยียบเย็นเริ่มกำจายออกมาหนักเข้า ยอดเขาหัวโล้นลูกดังกล่าวทั้งอาณาบริเวณใกล้ๆ ก็เริ่มถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำค้างแข็งสีขาวราวฤดูหนาวมาเยือน

  

พริบตาต่อมา ก็ปรากฏหยาดหิมะร่วงหล่นโปรยปรายอย่างผิดวิสัย…

  

สูงขึ้นไปเหนือฟ้า คล้ายมีบุปผาน้ำแข็งวิจิตหนึ่งเบ่งบานขึ้น เผยให้เห็นร่างอ้อนแอ้นอรชนขาเรียวระหง เป็นสตรีนางหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตางดงามในชุดกระโปรงสั้นสีเหลืองห่านทะมัดทะแมงราวจอมยุทธ์หญิง มองแว่บแรกโฉมสะคราญนางนี้ไม่ต่างอันใดจากดรุณีน้อยไม่เดียงสาวัยแรกแย้ม เพียงแต่สองตากลับฉายชัดถึงความลึกล้ำราวกับผ่านวันเวลามาเนิ่นนาน

  

“อุปกรณ์เทพขั้นสูงอันกำเนิดจิตวิญญาณศาสตราแล้วกระนั้นหรือ…ข้าต้องได้มัน!”

  

สตรีดังกล่าวปริปากกล่าวคำด้วยสองตาเป็นประกาย น้ำเสียงยังเยียบเย็นนัก

  

ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงสตรีชราหนึ่งดังขึ้นจากภายในร่างของนางอย่างประจวบเหมาะ “เจ้าอย่าได้ประมาทไป…ถึงแม้เจ้าจักมีข้า วารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 8 หนุนเสริม แต่อย่าได้ลืมเลือนไปเสียว่าในสมรภูมิ 9 ยมโลก ยังมียอดฝีมือมากมายที่ครอบครองเทพเบญจธาตุระดับเดียวกับข้า และพวกมันส่วนใหญ่ก็ยังมิอาจบรรลุถึงขอบเขตเทพ เช่นนั้นหมายความว่าพวกมันก็สามารถเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกได้เช่นกัน”

  

“ข้ารู้หรอกน่า…”

  

สตรีวัยแรกแย้มพยักหน้ารับทราบ หากแต่ดวงตายังฉายชัดถึงความแน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยน “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จักพยายามเต็มที่เพื่อช่วงชิงอุปกรณ์เทพนั่นมาให้ได้…หากข้าได้มันมาครองล่ะก็ วันหน้ายามข้าบรรลุถึงขอบเขตเทพ เส้นทางบนแดนเทพของข้าย่อมง่ายดายขึ้นมิน้อย…”

  

“ข้าเองก็หวังให้เจ้าทำได้สำเร็จ…ถึงตอนนั้นข้าจะพยายามสะกดจิตวิญญาณกระบี่เล่มนั้นเอาไว้ ส่วนเจ้าก็ฆ่าเจ้าของกระบี่เทพเล่มนั้นเสีย กระบี่เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้วก็จักตกเป็นของเจ้า!”

  

เสียงสตรีชราดังขึ้นอีกครั้ง และฟังจากคำพูดของมันคล้ายเรื่องสะกดจิตวิญญาณกระบี่ไม่ใช่เรื่องราวยากเย็นสำหรับนาง

  

  

ณ สมรภูมิ 9 ยมโลก

  

ภาคกลาง เขตที่ 13

  

“พี่ใหญ่…”

  

เหนือหุบเขาอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง ปรากฏร่างคนเหินมาหยุดลง มันกล่าวคำกับผู้ที่อยู่ด้านในหุบเขาด้วยน้ำเสียงเคารพว่า “เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนนั่น มันมีอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้ว ป่านนี้ไม่พ้นต้องแพร่งพรายออกไปทั่วเป็นแน่…ข้าคิดว่าท่านสมควรเร่งรุดไปโดยเร็ว หาไม่แล้วข้าเกรงว่าอริเก่าของท่านจะปรากฏตัวด้วย”

  

ผู้กล่าวเป็นชายหนุ่มรูปร่างปานกลาง หน้าตาแลดูธรรมดาๆ หากทว่าสองตากลับฉายแววคมกริบ มันกำลังมองจ้องไปยังมุมหนึ่งของหุบเขาด้านล่างด้วยสายตากังวล น้ำเสียงยังเผยความวิตกไม่น้อย

  

ฟุ่บ!

  

หลังจากเสียงชายหนุ่มดังจบคำไม่นานนัก ก็ปรากฏร่างหนึ่งผุดโผล่ขึ้นเบื้องหน้ามันปานภูตผี “เจ้าทราบหรือไม่…เหตุผลที่ไฉนข้าปิดด่านไม่ออกไปลงมือแต่แรก ทั้งหมดเพราะการทำความเข้าใจความลึกซึ้งมิติของข้าได้เข้าสู่ช่วงสำคัญ และตอนนี้ความเข้าใจในกฏมิติของข้าก็ได้พัฒนาไปอีกขั้นแล้ว…อริเก่าที่เจ้ากล่าวถึงนั่น หากหลายปีที่ผ่านพวกมันยังไม่มีความก้าวหน้าอันใดล่ะก็ ถ้าตัดเรื่องพลังของเทพเบญจธาตุออกไป ข้าเกรงว่าพวกมันจักมิอาจรับมือข้าได้อีกต่อไป!”

  

ผู้ที่พึ่งปรากฏตัวขึ้นก็มีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มเช่นกัน ทว่ารูปร่างของมันกลับสูงสมส่วน ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคมเข้มแลดูองอาจ หากทว่าด้วยใบหน้าที่ฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรตลอดเวลา ช่างชวนให้ผู้อื่นที่อยู่ใกล้รู้สึกเสมือนมีสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน…

  

“พี่ใหญ่ ท่านมีความก้าวหน้าหรือ!?”

  

สองตาชายหนุ่มรูปร่างปานกลางเป็นประกายวับวาวขึ้นมาโดยพลัน “ประเสริฐนัก! ดูเหมือนอุปกรณ์เทพของต้วนหลิงเทียนนั่นมันถูกลิขิตให้ตกอยู่ในกระเป๋าของพี่ใหญ่แน่แล้ว”

  

“เจ้าล้มเลิกความคิดเช่นนั้นไปเสีย สิ่งใดที่ยังมิได้ครอบครองเป็นของตัว ทีหลังอย่าไปมองว่าตัวต้องได้ครอบครองสิ่งนั้นแน่แล้ว…”

  

หากทว่าชายหนุ่มที่ปรากฏตัวพลันส่ายหน้าพลางยิ้มกล่าว “เพียงกล่าวว่าพยายามคว้ามาให้เต็มที่เถอะ…เพราะสุดท้ายหากหมายมั่นตั้งใจว่าต้องได้ เกิดลงแรงไปแล้วมิได้มาครอบครองดั่งหวัง สุดท้ายมันจักย้อนกลับมาเป็นมารในใจ ขัดขวางหนทางก้าวหน้า โดยเฉพาะหนทางสู่ความเป็นเทพของเจ้า…”

  

ชายหนุ่มที่กล่าวคำอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นเทพสงคราม 9 ดาราอีกคนที่ครอบครองเทพเบญจธาตุในสมรภูมิ 9 ยมโลก

  

ในร่างของมันมีทองเทพสุดลี้ลับขั้นที่ 8 ดำรงอยู่ และได้พัฒนามาถึงสุดปลายของขั้นที่ 8 แล้ว ขอเพียงได้ดูดซับทองเทพสุดลี้ลับตนอื่นๆอีกสักตน ก็มีแนวโน้มสูงที่จะบรรลุถึงขั้นที่ 9 ถึงตอนนั้นก็จะทรงพลังและน่ากลัวมากยิ่งขึ้น

  

“เอาล่ะ เจ้าก็รอฟังข่าวดีจากข้าอยู่ที่นี่เถอะ”

  

“พี่ใหญ่ ข้าอยากไปกับท่านด้วย…”

  

“เจ้าอย่าดื้อ! ถึงเวลาหากต้องปะทะกับคนพวกนั้นขึ้นมาจริงๆ ข้ามิอาจดูแลเจ้าได้แน่!”

  

“ก็ได้…เช่นนั้นขอพี่ใหญ่ระวังตัวให้มาก”

  

  

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนก็ไม่ได้รู้เลย….

  

ว่าการเปิดเผยกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนออกมาก่อนหน้า จะทำให้ทุกคนมองว่าเขาครอบครองอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้วอยู่ในมือ! และสิ่งนี้ก็ทำให้เหล่าเทพสงคราม 9 ดาราที่ครอบครองเทพเบญจธาตุขั้นสูงทั้งหลายเริ่มเคลื่อนไหว กระทั่งยังบึ่งตรงมาหาเขาด้วยความเร็วสูง…

  

วิกฤตการณ์ครั้งใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เขาทุกขณะ…

  

ความสงบที่มีในตอนนี้ เป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะเข้าเท่านั้น…