บทที่ 1692 ร่วมมือกันต่อกรกับตระกูลมู่

The king of War

บทที่ 1692 ร่วมมือกันต่อกรกับตระกูลมู่
เมื่อคำพูดนี้ของมู่ฮว๋าพูดออกมา สีหน้าของหยางเฉินก็เปลี่ยนไป เหล่าจิ่วและหวยหลันเองก็สีหน้าไม่ดีนัก
เรื่องที่หยางเฉินมีมีดพกอาถรรพ์ นอกจากเจ้าเมืองเหมียวที่มอบดาบเล่มนี้ให้กับหยางเฉินแล้ว และนอกจากเหล่าจิ่วและหวยหลัน ก็มีเพียงแค่เงาเพชฌฆาตของจวนเมืองหวยเฉิง ที่ถูกฆ่าตายไปแล้ว และติงชางที่หนีกลับตระกูลเท่านั้น
แต่ว่าตอนนี้ หวยเจิ่นนายน้อยของจวนเมืองหวยเฉิงได้ไปหารือกันที่บ้านตระกูลติงแล้ว คาดว่น่าจะร่วมมือกันกดดันจวนมู่ ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ จวนมู่จะสามารถแบกรับอำนาจใหญ่สองแห่งนี้ได้ไหม?
ที่สำคัญคือ ติงชางจะเปิดเผยกับจวนเมืองหวยเฉิง เรื่องที่ตัวเขามีของอาถรรพ์หรือเปล่า?
“คุณหยางครับ ผมทราบดี ว่าตอนนี้คุณยังไม่สามารถเชื่อใจตระกูลมู่ของเราได้เต็มร้อย ผมเองก็เข้าใจได้ เพราะยังไงซะเราก็เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน คุณไม่เคยรู้จักกับตระกูลมู่ของเรา ดังนั้นจึงไม่รู้นิสัยของเจ้าเมืองมู่เรา”
“แต่ว่า ในตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนร่วมลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าหากว่าพวกเราสามารถมั่นใจได้ว่าน้องหมอวิเศษของคุณหยางสามารถรักษาขาเจ้าเมืองมู่ของเราให้หายได้ สำหรับคุณหยางแล้ว ก็ถือเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง ไม่ใช่หรือครับ?”
มู่ฮว๋าพูดต่อไป ในสายตาเต็มไปด้วยความจริงใจ
หยางเฉินเงียบไป สีหน้ามีความกังวลเพิ่มเข้ามาเล็กน้อย เหมือนอย่างมที่มู่ฮว๋าพูด พวกเขาเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน หยางเฉินไม่สามารถเชื่อใจพวกเขาได้เต็มร้อย
ดังนั้นเขาจึงอยากรอสามวัน ถ้าหากว่าภายในสามวันนี้จวนมู่ยินดีที่จะปกป้องพวกเขา ก็หมายความว่าพวกเขายอมเสียสละอย่างมากเพื่อที่จะสร้างสัมพันธ์กับหยางเฉิน และเพื่อให้เสียวหว่านรักษาขาของเจ้าเมืองมู่ ถึงขั้นยอมที่จะเป็นศัตรูกับจวนเมืองหวยเฉิง
ถ้าหากว่าเขาเรียกเสียวหว่านมาตั้งแต่ตอนนี้ เมื่อรอให้เสียวหว่านรักษาขาเจ้าเมืองมู่หายแล้ว และจวนเมืองหวยเฉิงกับตระกูลติงได้ทำการกดดันจวนมู่มาอีก จวนมู่ยังจะยอมมีปัญหากับจวนเมืองหวยเฉิงและตระกูลติงเพื่อปกป้องพวกเขาอีกหรือไม่?
หยางเฉินไม่สามารถมั่นใจได้ ดังนั้นจึงไม่ทำการตัดสินใจสักที
มู่ฮว๋าเงียบไปสักพัก แล้วก็พูดต่อว่า “ใช่สิ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ผมคิดว่ามีความจำเป็นที่จะต้องบอกกับคุณหยาง ขาของเจ้าเมืองมู่พวกเรา มีความเป็นไปได้สูงมากที่เจ้าเมืองหวยเฉิงเป็นคนทำร้าย เพียงแค่พวกเรายังไม่มีหลักฐานเท่านั้นครับ”
“อีกอย่าง ภายในเมืองซ่านเฉิง สถานการณ์ของจวนมู่พวกเรานั้นไม่ค่อยดีนัก หลังจากที่เจ้าเมืองมู่ถูกลอบทำร้าย จัดการสองขาให้เป็นง่อยแล้ว ตระกูลระดับต้นของเมืองซ่านเฉิงบางตระกูล ต่างก็โลเล คิดอยากจะมาแทนที่จวนมู่”
“พอละ พูดเท่านี้พอ ผมพูดมากขนาดนี้ ไม่ได้คิดอยากจะข่มขู่คุณหยาง เพียงแค่แจ้งให้ทราบถึงความจริง หวังว่าคุณหยางจะเข้าใจนะครับ”
“อีกอย่างที่ผมสามารถบอกกับคุณได้ก็คือ ถึงแม้คุณจะยังไม่ยอมให้น้องหมอวิเศษของคุณมาที่เมืองซ่านเฉิง แต่เจ้าเมืองมู่ของพวกเรา ก็จะยังปกป้องคุณให้ดีอยู่ดีครับ”
พูดจบ มู่ฮว๋าก็หันหลังจากไป
ครู่เดียว ภายในห้องก็เหลือเพียงแค่พวกหยางเฉินสามคนเท่านั้น
ทั้งสามมองหน้ากัน
จู่ๆเหล่าจิ่วก็ถามว่า “หยางเฉิน นายคิดยังไง?”
หยางเฉินพูดว่า “ผมคิดว่าจะสังเกตดูไปก่อน อย่างที่มู่ฮว๋าพูดไปเมื่อกี้ ผมเพิ่งรู้จักกับพวกเขา พูดให้ถูกก็คือ ระหว่างเราไม่ได้มีมิตรภาพใดต่อกันเลย ผมไม่สามารถรับประกันได้ว่า หลังจากที่ผมให้เสียวหว่านมารักษาขาของเจ้าเมืองมู่แล้ว เจ้าเมืองมู่จะยังปกป้องเราอย่างดีอยู่อีก”
เหล่าจิ่วพยักหน้า เอ่ยปากพูดว่า “ระมัดระวังไว้หน่อยเป็นเรื่องที่ดี ตอนนี้กลัวแค่ว่าติงชางจะเผยแพร่เรื่องที่นายมีมีดพกอาถรรพ์อยู่ หากข่าวกระจายออกไปแล้ว คาดว่านายคงไม่ต้องคิดที่จะได้ก้าวออกจากเมืองซ่านเฉิงแล้วละ”
หยางเฉินมองไปทางหวยหลัน ถามว่า “เสี่ยวหลัน เธอคิดว่ายังไง?”
หวยหลันเงียบไปสักพัก แล้วเอ่ยปากพูดว่า “พูดตามจริงนะคะ ฉันกลับคิดว่า สามารถเลือกที่จะเชื่อใจจวนมูนได้ เพียงแต่ เหมือนอย่างที่พี่พูด ถ้าหากว่าเสียวหว่านรักษาขาให้เจ้าเมืองมู่แล้ว และเจ้าเมืองมู่ก็ยกเลิกที่จะปกป้องพวกเรา ถึงตอนนั้นสถานการณ์ของพวกเราก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นอีก แล้วยังทำให้เสียวหว่านลำบากอีกด้วย”
“แต่ว่า ฉันมีแผนอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นคือพี่หยางยินดีที่จะให้เสียวหว่านมาจวนมู่เพื่อรักษาเจ้าเมืองมู่ซะก่อน”
หยางเฉินพยักหน้า “เธอพูดต่อสิ!”
จู่ๆหวยหลันก็ถามว่า “พี่หยาง พี่คิดว่า เสียวหว่านสามารถรักษาขาของเจ้าเมืองมู่ได้มั้ยคะ?”
หยางเฉินพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “วิชาการแพทย์ของเสียหว่านเก่งมาก หล่อนเป็นหมอวิเศษเพียงคนเดียวที่ฉันเคยเจอมาในหมู่หมอวิเศษ ที่มีวิชาการแพทย์รองลงมาจากคุณปู่ของเธอเพียงเท่านั้น”
หวยหลันพูดว่า “ในเมื่อพี่หยางมั่นใจต่อฝีมือวิชาการแพทย์ของเสียวหว่านมากเพียงนี้ อย่างนั้นฉันก็ถือซะว่าเสียวหว่านสามารถรักษาเจ้าเมืองมู่ให้หายได้ ถ้าหากหล่อนมาแล้ว ก็ให้หล่อนรักษาเจ้าเมืองมู่ไว้เพียงครึ่งทางเท่านั้น ให้เจ้าเมืองมู่ได้เห็นความหวังที่จะสามารถรักษาให้หายได้”
“จากนั้นรอให้มั่นใจถึงความปลอดภัยของเราแล้ว ค่อยรักษาส่วนที่เหลือให้กับเจ้าเมืองมู่ หากเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่สามารถมั่นใจถึงความปลอดภัยของพวกเราแล้ว ยังสามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าเมืองมู่ไว้ได้อีกด้วย”
“แน่นอนว่า ก่อนหน้านั้นคือ ฝีมือวิชาการแพทย์ของเสียวหว่านต้องเก่งมากพอ อย่างน้อยก็ให้เจ้าเมืองมู่ได้เห็นถึงความหวังที่จะรักษาให้หายได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วของหยางเฉินที่ขมวดไว้แน่นก็ค่อยๆคลายออก
เหล่าจิ่วมองไปทางหยางเฉิน พยักหน้า “ฉันคิดว่า แผนการนี้ของหวยหลันใช้ได้!”
ชั่วขณะนั้น เหล่าจิ่วและหวยหลันต่างก็หันไปมองหยางเฉิน
หลังจากที่หยางเฉินเงียบไปสักพัก ในที่สุดก็พยักหน้า “โอเค อย่างนั้นฉันจะไปติดต่อกับเสียวหว่านเดี๋ยวนี้ สั่งให้เธอมาที่จวนมู่”
เขาเองก็ไม่เสียเวลา รีบโทรหาเบอร์ของเสียวหว่านทันที เมื่อบอกเล่าสถานการณ์ให้รู้แล้ว เสียวหว่านก็บอกว่าจะเดินทางเดี๋ยวนี้
เมื่อมั่นใจว่าเสียวหว่านสามารถมาถึงภายในวันนี้แล้ว หยางเฉินก็ไปหามู่ฮว๋า
“คุณหยาง คุณตัดสินใจเสร็จแล้วหรือครับ?”
มู่ฮว๋าเห็นหยางเฉิน จึงยิ้มเล็กน้อยและถามออกไป
หยางเฉินพยักหน้า “ฉันได้ติดต่อน้องสาวของฉันไปแล้ว เธอกำลังเดินทางมาที่เมืองซ่านเฉิงแล้ว เพียงแต่ ถึงตอนนั้นก็ต้องรบกวนพวกนายส่งตัวผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดไปรับเธอด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่ฮว๋าก็ดีใจมาก รีบตกลงรับประกันว่า “คุณหยางวางใจได้ครับ ผมสามารถรับประกันกับคุณได้ ว่าจะพาตัวน้องสาวของคุณมาที่จวนมู่อย่างปลอดภัยแน่นอนครับ”
หยางเฉินพยักหน้า “อย่างนั้นก็ขอรบกวนผู้อาวุโสแล้วกันนะครับ!”
เห็นได้ชัดว่ามู่ฮว๋าตื่นเต้นมาก หัวเราะยิ้มแย้มและพูดว่า “คุณหยาง ขอบคุณคุณมากจริงๆ ผมจะไปหาท่านเจ้าเมืองเดี๋ยวนี้ แล้วบอกข่าวดีนี้ให้เขาทราบ”
ขณะเดียวกัน ตระกูลติงเมืองซ่านเฉิง ภายในห้องรับแขก
ติงอู่นั่งตำแหน่งสูงสุด ส่วนหวยเจิ่นและติงชางนั่งที่ด้านข้างเขาสองข้าง ใบหน้าของทั้งสามคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หวยเจิ่นมองไปทางติงอู่ด้วยรอยยิ้ม พูดว่า “ผู้นำติงครับ ตกลงกันตามนี้เลยนะครับ พวกเราร่วมมือกันกดดันจวนมู่ สั่งให้พวกเขาส่งตัวหยางเฉินออกมา เมื่อได้หยางเฉินมาไว้ในมือแล้ว ผมจะนำเอาหัวของมันกลับไปตามคำสั่ง”
ติงอู่หัวเราะ “ตกลง ตกลงตามนี้เลย!”
ในเวลานี้ติงชางถึงได้เอ่ยปากพูดว่า “ตอนนี้กลัวแค่ ไอ้แก่เจ้าเมืองมู่คนนั้นจะไม่ยอมส่งตัวออกมาให้ง่ายๆนะสิครับ”
หวยเจิ่นยิ้ม “คุณวางใจได้ครับ ถ้าหากว่าจวนมู่ไม่ยอมส่งตัวออกมา อย่างนันก็อย่าได้โทษว่าจวนเมืองหวยเฉิงของเราไม่เกรงใจ หากทำสงคราม ตามกำลังพลังของจวนเมืองหวยเฉิงและตระกูลติงแล้ว จวนมู่ก็เป็นได้แค่สิ่งของในอดีตเท่านั้น”
“ถึงตอนนั้น ตระกูลติง ก็จะได้กลายเป็นเจ้าของเมืองซ่านเฉิงแล้วนะครับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของติงอู่และติงชางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พวกเขากำลังรอคำนี้อยู่
หวยเจิ่นพูดว่า “เอาละ สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว งั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ ผมจะไปเรียกคนมาเดี๋ยวนี้ สามทุ่มคืนนี้ พวกเรามาเจอกันที่จวนมู่ ว่ายังไงครับ?”
“ตกลง งั้นก็เจอกันที่จวนมู่ สามทุ่มคืนนี้!”