ตอนที่ 1909 หนามโลหิตเทพ
สวบ!

จักระสำริดหมุนวน ลายโลหิตแน่นขนัดที่ประทับอยู่บนพื้นผิวมีรุ้งเทพสีเลือดมากมายสาดออกมา เข้มข้นราวกับสายธารเลือดกำลังเริงระบำ

กลิ่นอายน่ากลัวนั้นมีแต่อานุภาพของสมบัติจักรพรรดิไหวเคลื่อนอยู่

สมบัตินี้เป็นไพ่ตายของอู่หวง นามว่า ‘จักระเทพนรกโลหิต’ ถ้าบุคคลระดับจักรพรรดิเป็นคนใช้ ถึงกับสามารถเปิดแดนนรกแห่งหนึ่ง กำราบหมื่นลักษณ์ หลอมสรรพวิญญาณ!

แต่เจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน

เจดีย์นี้สูงใหญ่ท้าแรงลม แปลงเป็นสูงใหญ่สามสิบสามจั้ง ตัวเจดีย์เหมือนหล่อขึ้นจากน้ำสำริด สำแดงกลิ่นอายเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ราวกับปฐมกาล

รอบทิศของมันมีแสงเทพเป็นสายๆ พวยพุ่ง สะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน!

ยอดสมบัติสองชิ้นชิงชัย ทำให้ทั้งสนามประลองโกลาหล กลิ่นอายทำลายล้างแผลงฤทธิ์ เพียงมองดูไกลๆ ยังทำให้อกสั่นขวัญแขวน ศีรษะชาหนึบ

“หนามโลหิตเทพ!”

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นอู่หวงก็คว้ามือออกไป

วู้ม!

ประกายแหลมเก้าชุ่นสีแดงสดสายหนึ่งควบรวมออกมา แทงทะลุอากาศ ฉายวาบแล้วหายลับไป

ก็เห็นว่า…

ลู่ตู๋ปู้ที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้งร่างกายสั่นไหวทันใด หว่างคิ้วปรากฏแววเจ็บปวด

เจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่าที่เดิมถูกเขาควบคุมยังส่อเค้าคุมไม่อยู่

และตอนนี้เองอู่หวงโจมตีเข้ามาแล้ว เงาร่างพิสดารประหนึ่งสายฟ้าแลบสีเทาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าลู่ตู๋ปู้อย่างรวดเร็ว

หนึ่งฝ่ามือตบออกไปอย่างจัง!

เกิดเสียงดังปึง แม้ลู่ตู๋ปู้จะตอบสนองได้ทัน ใช้แขนทั้งสองข้างกันเอาไว้ แต่อานุภาพของฝ่ามือนี้กลับน่ากลัวผิดธรรมดา ภายใต้การโจมตีเดียว เลือดเนื้อเส้นเอ็นแขนทั้งสองข้างของเขาก็ถูกซัดกระจุย ตัวเขาเหมือนถูกภูเขาเทพกระแทก ถอยกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง

ตัวเขายังไม่ทันตกถึงพื้นก็กระอักเลือดแล้ว

“แย่แล้ว!”

เสียงร้องตกตะลึงระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น คนใหญ่คนโตหลายคนยังหน้าเปลี่ยนสี ผุดลุกขึ้น

มองเห็นว่าอู่หวงถือโอกาสบุกเข้าใส่อีกครั้ง ก็เห็นลู่ตู๋ปู้ส่งเสียงคำรามยาว กระบี่บินเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากร่างอย่างรวดเร็ว

สวบ!

กระบี่บินพริบวาบเบาๆ อู่หวงหลบไม่ทัน ที่แขนถูกเฉือนจนเห็นเนื้อ เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด มองเห็นกระดูกอยู่รางๆ

“รนหาที่ตาย!

อู่หวงแววตาเย็นชา พุ่งเข้าโจมตี อหังการหาใดเทียบ

ประกายแหลมแดงสดยาวเก้าชุ่นนั้นควบรวมกันอีกครั้งแล้วพุ่งทะยานออกไป

ร่างลู่ตู๋ปู่พลันสั่นไหว สีหน้าซีดขาว ดวงตาเปี่ยมไปด้วยแววเจ็บปวด

จากนั้นเขาก็ถูกอู่หวงซัดกระเด็นในฝ่ามือเดียว

พรวด!

ลู่ตู๋ปู้กระอักเลือด ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ทุกคนต่างเสียวสันหลังวาบ รู้สึกหวาดผวาอย่างบอกไม่ถูก ล้วนดูออกว่าประกายแหลมแดงสดที่อู่หวงสำแดงออกมา จึงจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ลู่ตู๋ปู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส!

“พอแล้ว”

ก้วนซวีเอ่ยปากทันใด สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง เจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่าก็แผ่แสงเทพน่าครั่นคร้ามออกมาขวางหน้าลู่ตู๋ปู้

และรับการโจมตีของอู่หวงเอาไว้

มุมปากอู่หวงยกยิ้มเหี้ยม หยุดมือทันที ไม่ได้จู่โจมต่ออีก

เขาก็รู้ดีว่าในสนามประลองนี้ไม่มีทางมีโอกาสสังหารลู่ตู๋ปู้อยู่แล้ว

“สมบัติชิ้นนั้นไม่ใช่พลังของเจ้าเอง”

ในสนามประลอง ลู่ตู๋ปู้หน้าซีดเผือด แววตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

“หึ แพ้ก็แพ้แล้ว ยังมาหาข้ออ้างให้ตัวเองอีกหรือ ลู่ตู๋ปู้ อย่าให้ข้าดูถูกเจ้าเลย!”

อู่หวงสีหน้าเหี้ยมเกรียม

สีหน้าลู่ตู๋ปู้ปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ เอ่ยว่า “ได้รับชัยชนะเพราะอาศัยของภายนอกไม่เท่าไร แต่ถ้าได้ชัยชนะเพราะอาศัยพลังจากภายนอก ก็ช่างน่าเหยียดหยามนัก!”

พูดจบเขาก็หันหลังเดินลงจากสนามประลอง

ทุกคนที่อยู่ที่นั่นฉงนใจไม่หยุด

ของภายนอก ย่อมหมายถึงสมบัติอย่างเจดีย์หลอมมรรคว่างเปล่า

แต่พลังจากภายนอก หมายความว่าอย่างไรกัน

หรือในประกายแหลมแดงสดนั้นจะมีความลับที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้อยู่

แต่ไม่ว่าอย่างไร ลู่ตู๋ปู้ก็แพ้แล้วอยู่ดี

ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดสูอยู่ในอันดับสามเท่านั้น!

ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้คนใหญ่คนโต ณ ที่นั้นบางคนยังทอดถอนใจไม่หยุด เพราะใครก็คิดไม่ถึงว่าบุคคลแห่งยุคอย่างลู่ตู๋ปู้จะหยุดอยู่แค่อันดับสามได้อย่างไร

พวกเซี่ยอวี่ฮวา หวังถู ซูมู่หานต่างสีหน้าเคร่งขรึม

การพ่ายแพ้หมดรูปของลู่ตู๋ปู้เต็มไปด้วยความน่าเคลือบแคลง ถ้าเทียบพลังต่อสู้กันจริงๆ เขาไม่มีทางพ่ายแพ้เร็วขนาดนี้

สาเหตุมีเพียงอย่างเดียว ไพ่ตายที่อู่หวงครอบครองพิสดารยากหยั่งถึงเกินไป!

“นักพรตหลัน เกาะเทพเวหาทมิฬของพวกเจ้ามีผู้สืบทอดที่ล้ำเลิศคนหนึ่งนี่ จุ๊ๆ ฝีมือเช่นนี้จะยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว”

เหิงเซียวเอ่ยปากในทันใด

นักพรตหลันหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เอ่ยว่า “เหิงเซียว เจ้าอย่าคิดยั่วยุเลย นี่เป็นแค่การคัดเลือกถกมรรคเท่านั้น อู่หวงไม่ได้ลงมือรุนแรงเสียหน่อย”

“เอาล่ะ ทั้งสองท่านไม่ต้องพูดแล้ว ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์ว่างเปล่าของข้ารู้จักแพ้ ข้าก้วนซวีก็ย่อมไม่รู้สึกไม่พอใจเพราะความพ่ายแพ้ของผู้สืบทอดสำนักตัวเอง”

ก้วนซวีเอ่ยเสียงขรึม

นักพรตหลันสีหน้าอ่อนลง ในใจเขารู้ที่มาที่ไปของอู่หวงดีที่สุด อู่หวงกล้าล่วงเกินสำนักยุทธ์ว่างเปล่าได้อย่างเหิมเกริมไม่หวั่นกลัว

แต่เกาะเทพเวหาทมิฬของเขาไม่กล้า

ก้วนซวีไม่ได้แค้นเกาะเทพเวหาทมิฬเพราะความพ่ายแพ้ของลู่ตู๋ปู้ เช่นนั้นย่อมดีที่สุด

เหิงเซียวยิ้มน้อยๆ แต่แอบโมโหในใจ ต่อไปถ้าจินตู๋อีก็แพ้แบบนี้ในการประลองกับอู่หวง เขาจะไม่เลิกราแต่โดยดีเท่านี้แน่!

ไม่แน่ว่าจะป่าวประกาศที่มาที่ไปของอู่หวงกลางสนาม ต่อให้จะถูกสำนักโบราณจรัสเทพหมายหัวเขาก็ไม่สนใจ!

“อีกหนึ่งเค่อ จินตู๋อีสู้กับอู่หวง”

ก้วนซวีประกาศ

นี่ก็หมายความว่า จะได้รู้ผลอันดับหนึ่งและอันดับสองของศึกถกมรรคแคว้นเมฆาครั้งนี้ในการประลองรอบนี้แล้ว!

‘พี่จิน เจ้าต้องระวังสมบัติที่อยู่ในมืออู่หวงชิ้นนั้น ข้างในเต็มไปด้วยพลังพิสดารที่ไม่อาจหยั่งถึง สามารถทำร้ายจิตวิญญาณได้อย่างใหญ่หลวง ป้องกันได้ยากนัก’

ลู่ตู๋ปู้สื่อจิตเตือนหลินสวินทันที

หลินสวินอึ้งไป เอ่ยว่า ‘ขอบคุณมาก’

เขาได้ดูการต่อสู้ก่อนหน้านี้เช่นกัน รู้ดีว่าแม้จักระสำริดนั้นจะน่ากลัว แต่ที่ควรระวังยิ่งกว่าก็คือประกายแหลมยาวเก้าชุ่นแดงสดสายนั้น

แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าลู่ตู๋ปู้จะออกตัวเตือนตน

‘แม้การเตือนเช่นนี้ออกจะน่าสงสัยเหมือนต้องการอะไรบางอย่างอยู่บ้าง แต่ใจข้าไม่ใคร่ยินยอมเรื่องการต่อสู้กับอู่หวงก่อนหน้านี้จริงๆ พี่จินไม่ต้องคิดมาก’

ลู่ตู๋ปู้เสียงขมขื่น

หลินสวินพยักหน้า

ไม่ยินยอม!

นี่สิถึงปกติ

หนึ่งเค่อผ่านไป หลินสวินลุกขึ้น เดินขึ้นไปบนสนามประลอง สีหน้าสงบนิ่ง สุขุมเยือกเย็น

เงาร่างอู่หวงพริบวาบ ปรากฏตัวกลางอากาศที่อีกฝั่งหนึ่งของสนาม

พอทั้งสองคนเข้าสู่สนาม สายตาทั้งที่นั้นก็ถูกดึงดูดไป

จินตู๋อี ชายหนุ่มที่สร้างนานาปาฏิหาริย์ไม่หยุดหย่อนราวกับม้ามืด บุคคลชั้นยอดที่กระทั่งตอนนี้ใครก็มองไม่ออกคนหนึ่ง

เขากับอู่หวง ใครจะชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งในศึกถกมรรคแคว้นเมฆาไปครองกันแน่

ขณะนี้เหิงเซียวกับจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็ล้วนใจจดใจจ่อ

ไม่ใช่เพราะเชื่อมั่นในตัวหลินสวินไม่พอ แต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของอู่หวงทำให้ทั้งสองคนไม่อาจไม่สนใจการต่อสู้รอบนี้

“จินตู๋อี ข้ารับรองว่าศึกนี้เจ้าจะแพ้อนาถยิ่ง เว้นแต่ว่าเจ้าจะยอมแพ้เอง หาไม่แล้วข้าจะไม่รามือ!”

อู่หวงสีหน้าเหี้ยมเกรียม น้ำเสียงเฉยชาเยียบเย็น เจือแววโหดเหี้ยมน่ากลัว

หลายคนรู้สึกใจหดเกร็ง นี่ยังเป็นครั้งแรกที่อู่หวงหมายหัวคนผู้หนึ่งนับตั้งแต่การคัดเลือกถกมรรคเริ่มขึ้น มิหนำซ้ำยังไม่ปิดบังไอสังหารของตนสักนิด

หลินสวินยิ้มพลางร้องอ้อคำหนึ่ง

เพียงคำว่าอ้อคำเดียว กลับให้ความรู้สึกดูแคลนอย่างประหลาด คล้ายคร้านจะใช้ถ้อยคำไปโจมตีอีกฝ่าย

อู่หวงชี้หลินสวินจากไกลๆ แล้วทำท่าปาดคอ นี่เท่ากับเป็นการท้าทายโดยไร้เสียงแล้ว

ตูม!

ครู่ต่อมาเงาร่างของเขาก็หายลับไปจากจุดเดิมอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันจักระเทพนรกโลหิตก็ทะยานขึ้นฟ้า หมุนวนบ้าคลั่งท่ามกลางเสียงร้องหึ่งๆ สาดละอองแสงสีเลือดมากมายออกมา

เงาร่างหลินสวินถูกแสงโลหิตกลบทันที ราวกับหญ้าฟางที่อยู่กลางพายุคลั่ง คล้ายจะถูกกลบมิดเมื่อไรก็ได้

“ฆ่า!”

ที่น่ากลัวก็คือเงาร่างของอู่หวงปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน แกว่งหมัดโจมตี พลังหมัดสีเลือดราวกับสายฟ้าที่ตกลงมาจากสวรรค์ แกร่งกล้าอหังการเป็นที่สุด

“ไสหัวไป!”

กลับเห็นว่าในแสงเงาสีเลือดเป็นชั้นๆ นั้น หลินสวินที่กำลังจะถูกกลบมิดชัดๆ กลับเผยสีหน้าเยาะหยันเย็นชา

เมื่อเขากดฝ่ามือออกไปหนึ่งครั้ง

ตูม!

ละอองแสงสีเลือดในบริเวณใกล้เคียงระเบิดออกดังลั่น แปรสภาพเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อน ส่วนหมัดที่อู่หวงโจมตีมาก็ระเบิดออกทุกกระเบียด

จากนั้นตัวอู่หวงก็ถูกตบกระเด็นออกไปอย่างรุนแรงเหมือนแมลงวัน

ทั้งสนามอึ้งงัน หลายคนต่างเผยสีหน้างุนงง ภายใต้การกดข่มของสมบัติจักรพรรดิ จินตู๋อีที่มีแต่หมัดเปล่ากลับซัดการโจมตีของอู่หวงให้พินาศในครั้งเดียว!

“ยังเหนือความคาดหมายจริงๆ…”

เหิงเซียวยังประหลาดใจอย่างอดไม่ได้เช่นกัน อาจารย์อาเล็กของท่านบรรพจารย์คนนี้จะวิปริตเกินไปแล้วกระมัง

“หึ!”

แววตาอู่หวงวาววาบ ระหว่างกะพริบตาก็มีประกายแสงเทพแปลกประหลาดแผ่พุ่ง น่าหวาดหวั่นหาใดเทียบ

ฮูม!

เมื่อความคิดเขาไหวขยับ จักระเทพนรกโลหิตก็ส่องแสงสว่างจ้า เข้ากำราบหลินสวินจากบนห้วงอากาศระหว่างที่หมุนวนบ้าคลั่ง

ส่วนเงาร่างของอู่หวงกลับหายลับไปจากที่เดิมอีกครั้ง คล้ายระเหยเป็นไอไปกลางอากาศ ทุกคนที่อยู่นอกสนามไม่อาจจับร่องรอยเขาได้อีก

มีเพียงจักระเทพที่คาวเลือดโชติช่วงนั้นบดขยี้ครั่นครืนลงมา

อย่างไรก็ไม่อาจหลบนี้ได้อยู่แล้ว แม้สนามประลองจะใหญ่ แต่ตอนนี้ก็ถูกพลังของจักระเทพนรกโลหิตปกคลุมโดยสมบูรณ์ ห้วงอากาศสี่ด้านแปดทิศยังไม่อาจรับอานุภาพของมันไว้ได้ ส่งเสียงระเบิดพังทลายไปด้วย

แต่ขณะนี้หลินสวินยังคงใช้หมัดเปล่าเหมือนเดิม!

นี่ทำให้ทุกคนกระวนกระวายใจขึ้นมา คนที่มีใจละเอียดรอบคอบเพิ่งตระหนักได้ในยามนี้ว่าในการคัดเลือกถกมรรคหลายวันมานี้ ไม่ว่าจะพบกับคู่ต่อสู้ระดับไหน ตั้งแต่เริ่มจนจบจินตู๋อีคนนี้ไม่ได้ใช้ของภายนอกใดๆ เลย

เป็นเพราะเขาไม่มีสมบัติติดมือหรือ

ไม่มีทาง!

บุคคลแห่งยุคที่โดดเด่นตระการตาปานนี้คนหนึ่งจะไม่มีสมบัติแม้แต่ชิ้นเดียวได้อย่างไร

ไม่ทันรอให้ทุกคนได้ตอบสนอง…

เคร้ง!

ทันใดนั้นเสียงปะทะเสียดหูเหมือนเจาะโลหะตัดหินดังขึ้นครั้งหนึ่ง ปั่นป่วนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ทุกคนสั่นระริกไปทั้งตัว ใบหูเจ็บแปลบ เลือดลมทั้งร่างพลิกตลบขึ้นมา

คนใหญ่คนโตเหล่านั้นยังรู้สึกเพียงหวาดผวา นัยน์ตาหดรัด

ก็เห็นว่าหลินสวินที่อยู่ในสนามประลองถึงกับกระโจนขึ้นรับ หนึ่งหมัดปะทะจักระเทพนรกโลหิตที่กำราบลงมา ประกายแสงไร้สิ้นสุดระเบิดกระจาย!

ท่วงท่าโอหังองอาจเหนือโลกาเช่นนั้นทำให้ทั้งสนามต่างสะท้านไหว

นั่นเป็นถึงสมบัติจักรพรรดิ!

แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินใช้หมัดเดียวเข้าปะทะ ต้านไว้เหนือห้วงอากาศ!

ภาพเช่นนี้เหนือจินตนาการของทุกคนไปโดยสิ้นเชิง

แต่ก็ในตอนนี้เอง อู่หวงที่เดิมหายลับไปปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลังหลินสวินกะทันหัน ยกหมัดโจมตี

การปรากฏตัวของเขาเงียบเชียบไร้เสียง

หมัดนี้ก็เงียบเชียบไร้เสียงเช่นกัน!

ไม่แผ่ระลอกคลื่นกลิ่นอายใดๆ สักนิด คล้ายพลังทั้งหมดควบรวมอยู่ในหมัดนี้ ดูพิสดารหาใดเทียบ

ผู้แข็งแกร่งที่ได้เห็นภาพนี้ทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสีทันตา

ความแม่นยำของในการเลือกจังหวะโจมตีของอู่หวงนี้ มหัศจรรย์ถึงที่สุด!

——