ตอนที่ 3603

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3603 : โอสถทะลวงเทพ

เรื่องอ้างตัวเป็นคนของนิกายฟ้าจรัสแสงนั้น ต้วนหลิงเทียนตั้งใจกระทำ

อย่างไรก็ตามการอ้างตัวเป็นศิษย์ของเย่เป่ยหยวนมันเป็นอุบัติเหตุ หากไม่ใช่เพราะเฉียนเยว่จิ้นซักไซ้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีทางนำเย่เป่ยหยวนแห่งนิกายฟ้าจรัสแสงที่ช่วยเขาในระนาบสมรภูมิมาอ้างแน่นอน

แต่กระนั้นต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจแล้วว่าการยกเย่เป่ยหยวนมาอ้างครั้งนี้ วันหน้าเขาจะตอบแทนเย่เป่ยหยวนให้มากเพราะความรู้สึกผิด

‘ตอนนี้หากข้าขอให้ตระกูลเฉียนนั่นฆ่าเฉียนเฟยทิ้งเสีย เกรงว่าเฉียนเยว่จิ้นก็คงไม่กล้าปฏิเสธกระมัง’

หลังจากนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเฉียนเยว่จิ้นแล้วบังเกิดความคิดดังกล่าวขึ้น

เป็นธรรมดาว่าเขาแค่คิดแต่ไม่กระทำ

เพราะเรื่องหินเทพ 1,000 ก้อน เฉียนเยว่จิ้นอาจยอมเชื่อเรื่องที่เขาเป็นศิษย์ของเย่เป่ยหยวนและนิกายฟ้าจรัสแสงได้ไม่ยาก แต่หากเกี่ยวพันถึงชีวิตลูกชายคนรองขึ้นมา เกรงว่ามันต้องทำการยืนยันตัวตนของเขาอย่างละเอียดก่อนแน่นอน

หากต้วนหลิงเทียนเป็นคนของนิกายฟ้าจรัสแสงรวมถึงศิษย์เย่เป่ยหยวนจริงๆ เขาก็สามารถเป็นทองแท้ไม่กลัวไฟได้

แต่ปัญหาก็คือ…

ฐานะคนของนิกายฟ้าจรัสแสงรวมถึงศิษย์เย่เป่ยหยวน เป็นเขาอุปโลกน์ขึ้นมาทั้งนั้น หากอีกฝ่ายเลือกจะตรวจสอบอย่างละเอียดจริงก็ย่ำแย่แล้ว

‘รอให้ด่านพลังของตัวเองก้าวหน้าขึ้น แล้วจัดการทั้งหมดด้วยกำลังของตัวเองได้ค่อยฆ่ามันจะดีที่สุด…ถึงตอนนั้นไม่เพียงเฉียนเฟย แต่เทพที่ไปกับเฉียนเฟยรวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้มันต้องตาย!’

คิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองเฉียนเยว่จิ้นผู้นำตระกูลเฉียนที่แสร้งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดอีกครั้ง “อาวุโสสกุลเฉียน ข้าต้องการแลกหินเทพเพิ่มอีก 2,000 ก้อน”

พอกล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็โบกมือส่งๆ จากนั้นผลึกอมตะขั้นสูงจำนวน 220,000 ชิ้นก็อุบัติขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะไปกองรวมเบื้องหน้าเฉียนตงอีกครั้ง

“เจ้านับดู”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

เห็นฉากนี้ไม่เพียงแต่เฉียนตงอาวุโส 7 ตระกูลเฉียน กระทั่งเฉียนเยว่จิ้นผู้นำตระกูลเฉียนก็ตกใจไม่น้อย

สุดท้ายแล้วสำหรับตระกูลเฉียนที่ก็คือธุรกิจที่สร้างกำไรให้พวกมัน ไหนเลยพวกมันจะปฏิเสธ

“นายน้อยต้วน พอดีข้ามีหินเทพ 2,000 ตำลึงอยู่…”

ไม่นานเฉียนเยว่จิ้นก็กลับมารู้สึกตัว จากนั้นมันก็เรียกหินเทพหนัก 2,000 ตำลึงออกมาไม่รอช้า

หินเทพนั้น หากจำนวนมากๆไม่ค่อยมีคนตัดแบ่งและใช้หน่วยชิ้น เพราะเป็นการยากที่จะตัดหินเทพให้ได้จำนวนเท่ากันมากๆ และแม้จะตั้งใจตัดแล้วก็ยากจะพูดว่าแต่ละก้อนจะมีค่าเท่ากัน

ดังนั้นแล้ว ปกติหน่วยของหินเทพจะคำนวณโดยใช้น้ำหนักมากกว่า

หินเทพที่เฉียนเยว่จิ้นเรียกออกมาตอนนี้ บางก้อนก็เล็กเท่าหินเทพขนาดมาตรฐาน บางก้อนก็ใหญ่เท่ากำปั้นผู้ใหญ่ แต่อย่างไรเสียหากชั่งรวมแล้ว ก็ได้ 2,000 ตำลึงพอดี

“ดี”

เมื่อต้วนหลิงเทียนใช้พลังรับหินเทพเบื้องหน้ามา ด้วยพลังของเขาก็รับรู้ถึงน้ำหนักของพวกมันได้ไม่ยาก

“อาวุโสสกุลเฉียนทั้ง 2 ข้าขอตัวก่อน”

ตอนนี้ด้วยหินเทพ 3,000 ตำลึงในมือ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้าเร่งรุดเดินทางไปยังศาลาสือสุ่ยของตระกูลเมิ่งทันที เพราะเฉียนตงบอกเขาเมื่อครู่ว่า โอสถทะลวงเทพของตระกูลเมิ่งที่นำมาขายในศาลาสือสุ่ยยังไม่มีผู้ใดซื้อไป

หลังต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว เฉียนตง เถ้าแก่ร้านโอสถฮุ่ยเฉินก็หันไปประสานมือคารวะเฉียนเยว่จิ้นทันที “ท่านผู้นำ”

“คารวะท่านผู้นำ”

พร้อมกันนั้น คนของร้านโอสถฮุ่ยเฉินโดยรอบก็คารวะทักทายเฉียนเยว่จิ้นอย่างเคารพ

ก่อนหน้าด้วยมีคำสั่งของเฉียนเยว่จิ้น พวกมันจึงไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของอีกฝ่ายต่อหน้าต้วนหลิงเทียน ในเมื่อตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไปแล้ว พวกมันก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีก

“อืม”

เฉียนเยว่จิ้นพยักหน้ารับคำ ขณะเดียวกันก็สะบัดมือเก็บผลึกอมตะขั้นสูงจำนวน 220,000 ชิ้นที่กองอยู่เบื้องหน้าไป จากนั้นก็หันไปมองประตูทางออกร้านพลางขมวดคิ้ว ราวกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

“ท่านผู้นำ นิกายฟ้าจรัสแสงมีคนชื่อเย่เป่ยหยวนจริงหรือ?”

เฉียนตงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“มี”

เฉียนเยว่จิ้นพยักหน้าเอ่ยออกเสียงขรึม “เย่เป่ยหยวนนั้น เป็นจ้าวหุบเขาเงาจันทร์ของนิกายฟ้าจรัสแสง ยังเป็นจอมราชันเทพขั้นกลางที่ร้ายกาจผู้หนึ่ง”

“จอมราชันเทพขั้นกลาง!?”

เฉียนตงถึงกับอ้าปากค้าง คนในร้านโอสถเองก็อึ้งกันเป็นแถบ

จอมราชันเทพ นั่นเป็นตัวตนที่อยู่เหนือขอบเขตราชาเทพไปเสียอีก

และในเมืองหลินซานของพวกมัน อย่าว่าแต่ตัวตนระดับจอมราชันเทพเลย กระทั่งตัวตนระดับราชาเทพหรือเอาแค่เทพขั้นสูงก็ไม่มีแล้ว ทั้งเมืองมีเทพขั้นกลางอยู่แค่หยิบมือเดียวเท่านั้น…และในตระกูลเฉียนของพวกมันก็มีเทพขั้นกลางแค่คนเดียว

“ช่างน่าเสียดายนัก…นั่นมันหินเทพ 3,000 ตำลึง”

เฉียนเยว่จิ้นระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นคนของนิกายฟ้าจรัสแสงและศิษย์ของเย่เป่ยหยวน มันคงไม่เต็มใจปล่อยให้หินเทพ 3,000 ก้อนโบยบินไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้

เมื่อครู่มันใช้สำนึกเทวะของมันตรวจสอบอีกฝ่ายดูแล้ว พบว่าอีกฝ่ายเป็นแค่จักรพรรดิอมตะ 10 ทิศเท่านั้น ไม่ยากเลยที่มันจะฆ่าอีกฝ่าย!

ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นคนของนิกายฟ้าจรัสแสงจริงๆ แต่อาศัยด่านพลังจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ เต็มที่ก็สามารถกวาดล้างตัววตนใต้ขอบเขตเทพของเมืองหลินซานเท่านั้น กล่าวได้ว่าอยู่ยงคงกระพันก็แต่ใต้ขอบเขตเทพ

สุดท้ายแล้วต่อให้เป็นครึ่งก้าวเทพ ก็ยังเป็นแค่เซียนอมตะ

ความแตกต่างระหว่างเซียนอมตะกับเทพ ประหนึ่งความแตกต่างของสวรรค์และโลก

ถึงแม้ความเข้าใจในกฏของอีกฝ่ายอาจจะอยู่เหนือมันมาก แต่ตราบใดที่อีกฝ่ายยังไม่ได้เป็นเทพ ต่อให้เป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งีท่สุดในนิกายฟ้าจรัสแสง ก็ไม่ใช่คู่มือของมัน

หลังออกจากร้านค้าโอสถฮุ่ยเฉิน ต้วนหลิงเทียนก็บึ่งตรงไปยังศาลาสือสุ่ยทันที

ศาลาสือสุ่ยก็เป็นร้านโอสถของตระกูลเมิ่ง และมีชื่อเสียงพอๆกับร้านโอสถฮุ่ยเฉินของตระกูลเฉียน

ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ตระกูลเมิ่งก็ได้ปล่อย ‘โอสถทะลวงเทพ’ ออกมา ทำให้ผู้คนบังเกิดความสนใจกันไม่น้อย

อย่างไรก็ตามเวลามันผ่านมาเป็นเดือนแล้ว แต่โอสถทะลวงเทพก็ยังวางขายอยู่อย่างนั้น ไม่มีผู้ใดมาซื้อมันไป

มีผู้คนมากมายที่อยากซื้อ อนิจจาพวกมันไม่อาจหาหินเทพมาซื้อได้ไหว

หินเทพจำนวน 3,000 ตำลึงนั้น เกรงว่าให้กวาดตามองไปทั่วเมืองหลินซานทั้งละแวกเมืองหลินซาน ก็เกรงว่ามีแค่ 2 ตระกูลกับอีก 2 นิกายเท่านั้น ที่จะมีกำลังซื้อ

“ข้ามาซื้อโอสถทะลวงเทพ”

ภายใต้การต้อนรับของพนักงานในศาลาสือสุ่ย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้าแจ้งวัตถุประสงค์การมาออกไปตรงๆ

“โอสถทะลวงเทพ?!”

พอต้วนหลิงเทียนปริปากกล่าวออกมา ไม่เพียงแต่พนักงานต้อนรับเท่านั้นที่จะผงะไป กระทั่งผู้คนโดยรอบที่ได้ยินก็หันขวับมามองเขาเป็นสายตาเดียวกัน

เรียกว่าทุกสายตาในศาลาสือสุ่ยชั้นแรก ได้มองตกมายังร่างต้วนหลิงเทียนทันที

“เจ้าหนุ่มผู้นั้นเป็นใครกัน? ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย”

“รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ของตระกูลเฉียน ตระกูลเมิ่ง รวมถึงนิกายเมฆอรุณกับนิกายฟ้ายุทธ์ข้าเองก็รู้จักทั้งหมด…แต่ไม่เห็นจะจำเจ้าหนูนั่นได้”

“เจ้านั่นมันไม่รู้หรือไรว่าโอสถทะลวงเทพมีราคาเท่าใด? นั่นมันหินเทพ 3,000 ตำลึง!”

ในขณะที่มองต้วนหลิงเทียน หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย นอกจากอยากรู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นใครแล้ว ยังสงสัยอีกด้วยว่าจะมีปัญญาจ่ายไหวหรือ

“ท่านลูกค้า…ท่านต้องการซื้อโอสถทะลวงเทพจริงๆหรือ?”

พนักงานต้อนรับเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้กล่าวตอบ ก็มีใครบางคนก้าวอาดๆมาหาเขาเสียก่อน เป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมยาวราวนักพรต ใบหน้ารูปเหลี่ยม เครายาว แววตาแลดูแน่วแน่

“เป็นจ้าวศาลา เมิ่งหยวน!”

“ยินดีที่ได้พบอาวุโสเมิ่งหยวน”

พอชายวัยกลางคนปรากฏตัว ก็มีหลาคนประสานมือทักทายมันด้วยท่าทางสุภาพ

และมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเถ่าแก่ของศาลาสือสุ่ย และยยังเป็นผู้อาวุโส 5 ของตระกูลเมิ่ง

“ท่านต้องการซื้อโอสถทะลวงเทพหรือ?”

เพราะได้ยินคนพูดว่าจะซื้อโอสถทะลวงเทพ เมิ่งหยวนก็เลยก้าวออกมา เพราะการค้าขายโอสถเทพนั้น เห็นทีจะมีแต่มันที่เป็นผู้ดูแลศาลาสือสุ่ยแห่งนี้เท่านั้นถึงจะรับผิดชอบไหว ขณะเดียวกันมันก็ส่งข้อความกลับไปยังตระกูล เพื่อให้ผู้หลอมโอสถมารอเปิดผนึกกล่องใสทันที

กล่องใสที่มีเม็ดยาจัดแสดงอยู่นั้น มีแต่เทพที่ลงอาคมไว้เท่านั้นถึงจะเปิดได้ และหากใช้กำลังทำลายมันตรงๆ เม็ดยาวิเศษด้านในก็จะถูกทำลายทันที และยังเป็นการแจ้งเตือนไปยังเหล่าเทพอันทรงพลังของตระกูลเมิ่งอีกด้วย

ดังนั้นย่อมไม่มีใครกล้าคิดขโมยโอสถทะลวงเทพของศาลาสือสุ่ย

ผู้ที่ทรงพลังย่อมดูแคลนโอสถทะลวงเทพ ส่วนผู้ที่ด้อยพลังก็ไม่มีปัญญาเปิดกล่องใส ทั้งยังไม่กล้าลงมือเพราะกลัวตระกูลเมิ่งอีกด้วย

“อืม”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “เจ้าคือเถ้าแก่ของศาลาสือสุ่ยรึเปล่า?”

“มิผิด ข้าเป็นเถ้าแก่ของศาลาสือสุ่ย เมิ่งหยวน”

ชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมพยักหน้า แววตาทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง “และขั้งเป็นอาวุโส 5 แห่งตระกูลเมิ่งอีกด้วย”

“ท่านลูกค้า ต้องชำระหินเทพ 3,000 ตำลึงสำหรับโอสถทะลวงเทพ”

เมิ่งหยวนจงใจกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียน

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใช่จอมปลอม สะบัดมือเรียกหินเทพ 3,000 ตำลึงที่พึ่งแลกเปลี่ยนมาจากร้านค้าโอสถฮุ่ยเฉินตระกูลเฉียนออกมาทันที มีหินเทพจำนวน 3,000 ตำลึงลอยล่องกลางอากาศแบบนี้ ช่างเป็นอะไรที่เย้ายวนใจผู้คนนัก

สำนึกเทวะมากมายจากทั่วสารทิศังแผ่มาปกคลุมไปทั่วหินเทพ 3,000 ตำลึงทันที

“ให้ตายเถอะ เป็นหินเทพ 3,000 ตำลึงจริงๆ!”

ไม่นานก็มีคนอุทานออกมา

ด้านเมิ่งหยวนเองพอืนยันได้แล้วว่าเป็นหินเทพ 3,000 ตำลึง สายตาที่มองต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที ยังกล่าวเตือนออกไปว่า “ขอท่านลูกค้าเก็บหินเทพกลับไปก่อน”

เมิ่งหยวนเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นหินเทพ 3,000 ตำลึงมาก่อน

อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันเห็นคนนำออกมาแสดงต่อหน้าผู้คนโต้งๆ อีกฝ่ายไม่กลัวมีคนคิดร้ายและลงมือช่วงชิงหินเทพไปหรือไร?

เป็นธรรมดาว่าถึงในใจมันจะมีคิดแบบนี้ แต่มันก็รู้ดีว่าในเมื่ออีกฝ่ายกล้าควักออกมา ก็ต้องมีความมั่นใจในตัวเองระดับหนึ่ง

อย่างน้อยๆมันก็รู้ดีว่าหินเทพจำนวน 3,000 ตำลึงไม่ใช่อะไรที่ใครจะนำออกมาได้ง่ายๆ

กระทั่งในตระกูลเมิ่งของมัน ยังมีแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น ที่สามารถนำหินเทพ 3,000 ตำลึงออกมาได้ในคราเดียว และเกรงว่จะมีแต่เทพที่เข้มแข็งจริงๆเท่านั้น

พอเห็นต้วนหลิงเทียนนำหินเทพออกมา ก็มีผู้คนมามุงล้อมบริเวณนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนยังมองจ้องมาตาเป็นมัน

กล่าวได้ว่า ไม่ขาดสายตาละโมบเลย

อย่างไรก็ตามแม้หลายๆคนจะเกิดความโลภ แต่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือซี้ซั้ว สุดท้ายพวกมันก็ไม่ใช่ตัวโงง่งมไหนเลจะคิดไม่ได้…หากช่วงชิงหินเทพจากไปได้ก็แล้วไป แต่ถ้าล้มเหลวไม่ตายคาที่หรือไร?!

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่หยิบควักหินเทพ 3,000 ตำลึงออกมาตาไม่กระพริบ ยังเป็นคนธรรมดาได้หรือ?

นอกจากนั้นหลายๆคนก็พบว่าสำนึกเทวะของพวกมันไม่อาจตรวจสอบอะไรอีกฝ่ายได้เลย เห็นได้ชัดว่าด่านพลังฝึกปรือของอีกฝ่าเหนือกวว่าพวกมัน

สำหรับด่านพลังของต้วนหลิงเทียน ขอเพียงบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศธรรมย่อมสามารถตรวจสอบได้

แต่ถึงจะมีก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมา

“ท่านลูกค้า โปรดรอสักครู่ การที่พวกเราจะนำโอสถทะลวงเทพออกมาให้ท่านได้ ก็ต้องรอให้ผู้หลอมโอสถของตระกูลเมิ่งที่ลงอาคมกล่องใสไว้ มาเปิดผนึกและนำเม็ดยาออกมาให้ท่าน”

ตอนนี้ท่าทีของเมิ่งหยวนที่มีต่อต้วนหลิงเทียนเรียกว่าสุภาพขึ้นหลายส่วน “ข้าได้ติดต่อแจ้งไปยังผู้หลอมโอสถของตระกูลเมิ่งเราแล้ว…เชิญท่านลูกค้าตามข้าไปดูของก่อนเถิด”

พอเมิ่งหยวนกล่าวจบคำ มันก็ผายมือเชิญต้วนหลิงเทียน ก่อนจะนำไปยังสถานที่จัดแสดงโอสถทะลวงเทพ เหล่าผู้คนที่อยู่โดยรอบ ก็หลีกทางให้ทั้งคู่อย่างรู้งาน

จากนั้นไม่นานนัก เมิ่งหยวนก็พาต้วนหลิงเทียนมาถึงมุมหนึ่งของศาลาสือสุ่ย ปรากฏกล่องใสตั้งอยู่บนชั้นวางอย่างดี ด้านในมีโอสถที่เปล่งแสงเรืองรองหนึ่งให้ต้วนหลิงเทียนแลเห็นชัดถนัดตา